04 ต.ค. 2563 | 17:21 น.
“จระเข้น่ะง่าย เป้าหมายของพวกมันชัดเจนว่าพยายามจะเขมือบคุณ คนสิยากกว่า บางครั้งพวกเขาจะแสร้งมาเป็นเพื่อนกับคุณก่อน”หลังค่อย ๆ สั่งสมความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสัตว์มาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น่ารัก สัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์อันตรายก็ล้วนได้รับความรักจากเขาทั้งหมด ช่วงปี 1991 สตีฟต้องรับช่วงต่อบริหารอุทยานสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ท้องถิ่น (Queensland Reptile and Fauna Park) ที่ก่อตั้งมาโดยครอบครัวของเขาตั้งแต่ปี 1970 สตีฟทำให้สวนสัตว์โด่งดังขึ้นมาได้ เพราะโชว์ให้อาหารจระเข้สุดท้าทาย และเพราะเขาใช้ที่นี่เป็นโลเคชันหลักในการถ่ายรายการสารคดีที่เป็นดั่งผลงานชิ้นเอก ‘The Crocodile Hunter’ The Crocodile Hunter เป็นรายการสารคดีเกี่ยวกับชีวิตสัตว์ป่าและการอนุรักษ์ สตีฟเริ่มต้นทำโปรเจกต์นี้หลังจากแต่งงานกับ เทอร์รี ผู้เป็นภรรยา รายการของพวกเขาเริ่มต้นออกอากาศทางช่องโทรทัศน์หลักของออสเตรเลีย มาตั้งแต่ช่วงปี 1992 หลังประสบความสำเร็จจนมีกลุ่มคนดูคอยติดตามอย่างแพร่หลาย 4 ปีต่อมาช่อง Animal Planet จึงซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายทางทีวีเคเบิลของอเมริกา ก่อนจะโด่งดังจนได้ฉายในอีกกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ด้วยลีลาการดำเนินรายการที่มักจะมีฉากระทึกขวัญ อย่างการที่สตีฟกระโดดลงไปปล้ำกับจระเข้ในแม่น้ำ หรือเดินลุยป่าแอมะซอนไปจับงูอนาคอนดาที่ใครเห็นเป็นต้องหลีกหนี สารคดีของสตีฟมอบอรรถรสให้คนดูได้ทั้งความสนุก ระทึก และตื่นเต้น แต่ก็ไม่ทิ้งจุดประสงค์หลักในการให้ความรู้คนดูไปแม้แต่นิดเดียว “ผมเชื่อว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นจากความรู้สึกตื่นเต้นสนใจ การทำให้สิ่งนั้นดูน่าหลงใหลจะยิ่งช่วยให้เราสื่อสารสิ่งที่ต้องการบอกผู้คนได้ดียิ่งขึ้น” สตีฟ เออร์วิน ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ร่ำเรียนมาจนมีใบประกอบ ทั้งความรู้และความรักที่เขามีเติบโตขึ้นมาเพราะได้คลุกคลีกับสัตว์มาทั้งชีวิต ทุกครั้งที่เขาเข้าหาสัตว์ สตีฟมักจะเข้าหาอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่มีท่าทีหวาดกลัว เขาปฏิบัติกับพวกมันอย่างทะนุถนอม ราวกับพวกมันคือเพื่อน สิ่งที่คนดูสัมผัสได้จากสตีฟ ทั้งสีหน้า แววตา และน้ำเสียงที่ราวกับกำลังเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลก สะท้อนให้เห็นว่าเขารักสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เพียงใด
“ถ้าเราไม่รีบพาสัตว์เข้าไปอยู่ในใจของผู้คน พวกมันอาจจะสูญพันธุ์ได้ เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว”ช่วงปี 2006 อาจเรียกได้ว่าชีวิตของสตีฟประสบความสำเร็จถึงขีดสุด เขาได้บริหารสวนสัตว์ที่เขารัก ได้แต่งงานกับภรรยาที่ร่วมแชร์ปณิธานเดียวกัน เขามีรายการถ่ายทอดความรู้ที่เข้าถึงคนดูได้ทั่วโลก แถมยังมีลูกสาวและลูกชายแสนน่ารักที่เขาเคยบอกว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุด ตอนนั้นสตีฟกับเทอร์รีตัดสินใจจะขยายขอบเขตเนื้อหาของสารคดี โดยนอกจากจะมีรายการหลักและรายการพิเศษเกี่ยวกับจระเข้อย่าง Croc Files, The Crocodile Hunter Diaries และ The Crocodile Hunter: Collision Course แล้ว เขายังทำซีรีส์เกี่ยวกับสัตว์ชนิดอื่น ๆ อย่าง New Breed Vets รวมถึงรายการสุดท้ายของเขา Ocean’s Deadliest สตีฟ เออร์วิน นักล่าจระเข้ นักอนุรักษ์ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์อันตราย เสียชีวิตลงอย่างน่าเสียดาย เพราะอุบัติเหตุขณะกำลังดำน้ำถ่ายทำสารคดีชุด Ocean’s Deadliest แถวแนวปะการัง Great Barrier Reef นอกชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ ที่บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะโดยปกติปลากระเบนซึ่งเป็นสัตว์ขวัญอ่อน ตกใจง่าย และจะเลือกหนีมากกว่าทำร้ายใครก็ตามที่เข้าไปใกล้ กลับสะบัดหางมาทำร้ายสตีฟที่ว่ายน้ำอยู่ไม่ไกล จากคำบอกเล่าของช่างภาพผู้กำลังทำหน้าที่ถ่ายสารคดีอยู่ในเหตุการณ์นั้น เขาบอกว่าเงี่ยงของปลากระเบนแทงเข้าที่หัวใจของสตีฟพอดี โอกาสรอดของเขาจึงมีน้อยมาก สตีฟเสียเลือดมากและหยุดหายใจไปก่อนที่เขาจะถึงห้องผ่าตัด และแล้ว...โลกก็ต้องสูญเสียนักอนุรักษ์ ผู้มีจิตวิญญาณแห่งการปกป้องสัตว์ไปตลอดกาล แต่สิ่งที่เขาเหลือทิ้งไว้ นอกจากรายการสารคดีที่ยังคงมีองค์ความรู้อมตะให้ผู้ที่สนใจสามารถหาดูย้อนหลังได้ สตีฟยังเปลี่ยนโฉมหน้าอุทยานสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ท้องถิ่นของเขา ให้กลายเป็น Australia Zoo โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สามารถขยายขอบเขตการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ได้กว้างขึ้น สตีฟและเทอร์รียังจัดตั้งมูลนิธิ Wildlife Warriors เพื่อปกป้องและคุ้มครองสัตว์ป่าเพื่อป้องกันการสูญพันธุ์ไว้อีกด้วย ที่ไกลไปกว่านั้น หากคุณได้มีโอกาสดูสารคดีของเขามาตั้งแต่เด็กเช่นเดียวกับผู้เขียน คุณก็น่าจะรู้ว่า สตีฟ เออร์วิน ประสบความสำเร็จมากแค่ไหน ในการปลูกจิตสำนึกแห่งการอนุรักษ์ไว้ในหัวใจของผู้คน ที่มา https://www.australiazoo.com.au/about-us/the-irwins/steve/ https://www.biography.com/news/steve-irwin-crocodile-hunter-death https://www.nytimes.com/2006/09/05/obituaries/05irwin.html