โทมัส โบรลิน จากลุ้นบัลลงดอร์ สู่หายนะเพราะการกลั่นแกล้ง
“โบรลิน - ดาห์ลิน - โบรลิน โอ้ว! สุดยอด สุดยอดไร้ที่ติ!”
มาร์ติน ไทเลอร์ นักพากย์ฟุตบอลบรรยายการทำประตูของ โทมัส โบรลิน ตัวรุกทีมชาติสวีเดนที่ประสานงานกับ มาร์ติน ดาห์ลิน ได้แบบลื่นไหลไม่มีสะดุดเข้าไปพังประตูทีมชาติอังกฤษ ในเกมยูโร 92 ที่สวีเดนเป็นเจ้าภาพ ซึ่งอังกฤษเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน แต่กลับต้องพ่ายแพ้ไปด้วยประตูของโบรลิน และตกรอบแรกไปโดยไม่สามารถเอาชนะได้แม้แต่เกมเดียว
ในความทรงจำของแฟนลีดส์ยูไนเต็ด หากเอ่ยชื่อของ โทมัส โบรลิน คงยกให้เป็นการซื้อตัวที่ล้มเหลวที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เนื่องจากก่อนการย้ายตัว เขาถือเป็นสตาร์ดังที่ถูกคาดหวังว่าจะช่วยยกระดับให้กับทีมได้ แต่เมื่อเขาย้ายมาร่วมทีมจริง ๆ กลับกลายเป็นเพียง ‘ตัวตลก’ ของทั้งแฟนทีมตรงข้ามและทีมตัวเอง
ในขณะที่โบรลินเชื่อว่า ความล้มเหลวของเขาหลังย้ายมาร่วมทีมยูงทองเป็นเพราะวัฒนธรรมฟุตบอลของอังกฤษเองที่ไม่ได้ช่วยให้เขาปรับตัวกับทีมใหม่ได้ง่ายเลย เขากลับถูกซ้ำเติมและกลั่นแกล้ง (bully) จนไม่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อย่างสนุกสนานเหมือนเคย และต้องแขวนเกือกไปตั้งแต่อายุเพียง 28 ปีเท่านั้น
ในยุคต้น 90s โทมัส โบรลิน คือนักฟุตบอลที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในเวทีระดับโลก ประตูแรกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของเขาเกิดขึ้นในเกมกับ ‘บราซิล’ ทีมเต็งในการแข่งขันคราวนั้น (1990) แม้ว่าทีมจะแพ้ไปด้วยผล 1-2 แต่นั่นก็ทำให้โบรลินเป็นที่สนใจของทีมดังในยุโรป และเขาก็ย้ายไปร่วมทีมปาร์มา ทีมน้องใหม่ในลีกสูงสุดของอิตาลี
5 ปี ที่เขาอยู่กับปาร์มา โบรลินเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของทีมเล็ก ๆ ที่สร้างสีสันให้กับลีกอิตาลีและฟุตบอลยุโรป แม้จะไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์ซีเรียอา แต่พวกเขาก็จบฤดูกาลด้วยตำแหน่ง 6 ทีมแรกของลีกเสมอ และทำอันดับสูงสุดที่อันดับ 3 ได้ถึง 2 ครั้ง พร้อมคว้าแชมป์บอลถ้วย โคปปาอิตาเลีย (1991-1992) คัพวินเนอร์สคัพ (1992-1993) และยูฟาคัพ (1994-1995)
มาร์คัส คริสเตนสัน (Marcus Christenson) บรรณาธิการฟุตบอลของ The Guardian กล่าวถึงฮีโร่ในวัยเด็กของเขาเอาไว้ว่า
“ผมโตมาโดยมี โทมัส โบรลิน เป็นหนึ่งในไอดอล ซึ่งต่างไปจากทุกคนในโต๊ะกีฬาของ The Guardian หรือจากคนทั้งบริษัทก็ว่าได้” คริสเตนสันที่โตในสวีเดนกล่าวก่อนเสริมว่า
“สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าโบรลินเป็นใคร ผมบอกได้ว่า เขาคือนักฟุตบอลที่มหัศจรรย์ มีเทคนิคชั้นเลิศ มันสมองในการเล่นฟุตบอลที่หาคนเทียบชั้นได้ยาก และยังขยันมาก
“กองกลางตัวรุกจากฮูดิกส์วัลล์ (Hudiksvall) เมืองตอนเหนือของสวีเดนคือสาเหตุหลักที่ทำให้เรา (สวีเดน) สามารถจบด้วยอันดับ 3 ในบอลโลก 1994 จริงอยู่ที่เรามี มาร์ติน ดาห์ลิน และ เคนเนต แอนเดอร์สสัน ช่วยทำประตู รวมถึง โยนาส เธิร์น และ สเตฟาน ชวาร์ซ เป็นคู่กองกลาง แต่โบรลินคือผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุด เริ่มจากตำแหน่งกองกลางฝั่งขวา เขารับบทผู้เล่นอิสระที่สร้างความแตกต่าง”
ความยอดเยี่ยมของโบรลินในฟุตบอลโลกคราวนั้นเป็นภาพติดตาที่ทำให้ลีดส์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจซื้อตัวเขามาด้วยราคา 4.5 ล้านปอนด์ เป็นสถิติค่าตัวนักฟุตบอลต่างชาติที่แพงที่สุด (ณ ขณะนั้น)
แต่ก่อนหน้านั้น คือเดือนพฤศจิกายนปี 1994 โบรลินได้รับบาดเจ็บรุนแรงกระดูกเท้าหักในเกมยูโร 96 รอบคัดเลือก ก่อนที่เขาจะเจ็บ ปาร์มาเป็นจ่าฝูงซีเรียอา แต่กว่าเขาจะหายเจ็บกลับมาก็เดือนเมษายน ตอนนั้นปาร์มาตามหลังจ่าฝูงอย่างยูเวนตุสอยู่ไกล ๆ แล้ว และหลังหายเจ็บทั้งฟอร์มการเล่นและความฟิตของเขาก็ไม่ค่อยเข้าที่เหมือนก่อน จนกระทั่งจบฤดูกาลก่อนย้ายมาอยู่ลีดส์
ถึงอย่างนั้น ความคาดหวังในตัวเขาก็ยังมีสูงมาก ฤดูกาล 1995-1996 ลีดส์เปิดตัวได้อย่างสวยงามด้วยผลงานชนะ 3 นัดรวด เหนือทีมอย่าง แอสตัน วิลลา เวสต์แฮม และลิเวอร์พูล แต่หลังจากนั้น ผลงานของทีมก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ โบรลินเองก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างอย่างที่คนคาดหวัง นัดหนึ่งอาจจะเล่นเป็นเทพ อีกนัดก็ล่องหนไร้ร่องรอยจนถูกประณาม โดยเฉพาะในเกมบุกไปเยือนลิเวอร์พูล และถูกถล่มกลับมา 5 ประตู
โฮเวิร์ด วิลกินสัน ผู้จัดการทีมลีดส์ โจมตีว่าโบรลินไม่ยอมช่วยทีมเล่นเกมรับ และจงใจเล่นแย่ เพราะไม่พอใจที่ไม่ได้เล่นในตำแหน่งที่ต้องการ วิลกินสันยังโจมตีเรื่องที่โบรลินไม่คุมน้ำหนัก ซึ่งส่งผลต่อสภาพความฟิตของร่างกาย หุ่นของโบรลินยังเป็นประเด็นในการโจมตีและล้อเลียนลงไปในสนามแข่ง ในกลุ่มแฟนบอลไม่ว่าฝ่ายไหน รวมถึงสื่อ เขาจบฤดูกาลแรกกับลีดส์ด้วยการลงเล่นไปเพียง 19 นัด ทำได้ 4 ประตู
ระหว่างเตรียมทีมก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ โบรลินถูกปรับเมื่อไม่ยอมมารายงานตัว ก่อนถูกปล่อยตัวให้ซูริกยืมตัวไปโดยเขาได้รับค่าจ้างเพียงสัปดาห์ละ 800 ปอนด์เท่านั้นกับทีมใหม่ แต่ไม่ทันไร ลีดส์ก็ได้ผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ จอร์จ เกรแฮม ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฮี้ยบ เกรแฮมต้องการเรียกตัวโบรลินกลับมาซ้อมกับทีมในทันที ในขณะที่โบรลินต้องการเล่นกับซูริกจนถึงช่วงเบรกฤดูหนาวเพื่อเรียกความฟิต
โบรลินโดนโทษปรับตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มเล่นให้กับผู้จัดการทีมคนใหม่ ในข้อหาไม่มารายงานตัวกับทีมช่วงเตรียมทีม แต่โบรลินโวยว่าการลงโทษดังกล่าวไม่เป็นธรรม เนื่องจากเขาขับรถชนนกจนกระจกหน้าแตกจนทำให้มาถึงสนามซ้อมสายไปหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น สุดท้ายโบรลินยอมควักเงินส่วนตัวครึ่งล้านปอนด์เพื่อสมทบทุนให้กับปาร์มาในการยืมตัวเขาไปเล่นด้วยจนจบฤดูกาล แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้เล่นตัวหลักเหมือนการอยู่กับทีมครั้งแรก
เนื่องจากเขาเซ็นสัญญากับลีดส์แค่ 2 ปีครึ่ง เขาควรจะหาทีมใหม่ได้ไม่ยากนัก หากเป็นช่วงที่ยังพีค แต่ 2 ปีที่ล้มเหลวกับลีดส์ทำให้เขาหาทีมที่จะเล่นด้วยไม่ได้ จนกระทั่งหมดสัญญาไป ก่อนได้รับเชิญให้ไปทดสอบฝีเท้ากับคริสตัล พาเลซ และได้รับสัญญาให้เล่นจนจบฤดูกาล ซึ่งเขาก็ไม่สามารถดึงฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกครั้ง พาเลซจบฤดูกาลด้วยการตกชั้น โบรลินกลับสวีเดนไปเล่นกับทีมท้องถิ่น ก่อนปุบปับตัดสินใจเกษียณตัวเองจากการเป็นนักฟุตบอลในปี 1998 ด้วยวัยเพียง 28 ปี พร้อมกับภาพจำว่าเป็นนักเตะน้ำหนักเกินที่มีปัญหาทั้งเรื่องการกินและวินัย และถูกล้อเลียนว่า เลิกเตะบอลเพื่อไปขายเครื่องดูดฝุ่น (เขาอยู่ในฐานะนักลงทุน และเครื่องดูดฝุ่นของเขาก็นับได้ว่าขายดีทีเดียว)
ขณะที่โบรลินแก้ตัวว่า การที่เขาย้ายมาอยู่ลีดส์เพราะเขาต้องการเล่นฟุตบอลเป็นหลัก วิลกินสันยืนยันกับเขาว่า เขาจะได้เป็นเพลย์เมกเกอร์ที่ชักใยทีมจากกลางสนาม แต่พอถึงเวลาจริง เนื่องจากทีมมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ โบรลินจึงถูกจับไปเล่นกองหน้าบ้าง ปีกขวาบ้าง และเขาก็ทำได้ดีกับการเล่นด้านกว้างโดยสามารถทำได้ 2 ประตู ในการเล่นกับเวสต์แฮม ซึ่งทำให้เขาได้รับการยกย่องอย่างมากว่า การซื้อตัวของเขาถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จ แต่นัดต่อมาเมื่อต้องไปเยือนลิเวอร์พูล เขาถูกขอให้เล่นปีกขวาอีกครั้ง ซึ่งเขายอมรับว่าเขาไม่แฮปปี้
“มันอาจฟังดูไม่แย่นักกับการเป็นมิดฟิลด์ริมเส้นให้กับลีดส์ แต่หน้าที่ในการเล่นเกมรับ มันไม่เหมือนตอนที่ผมเล่นกับสวีเดนที่มี โรแลนด์ นีลสัน เป็นแนวรับอยู่ข้างหลัง เล่นกับลีดส์ผมต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงเหมือนคนบ้า มันไม่ใช่ผม ผมก็เลยคิดว่า ผมจะเล่นแย่ ๆ ตอนเจอกับลิเวอร์พูล” โบรลินกล่าว (The Guardian)
แน่นอนว่า นั่นเป็นการแสดงความไม่เป็นมืออาชีพอย่างชัดเจน แต่เขาก็มองว่า สื่ออังกฤษจงใจกลั่นแกล้งเขาเกินเหตุไม่ต่างจากลีดส์
“มันมีแต่เรื่องตอแหลทั้งนั้น จะมีทีมไหนเซ็นสัญญากับนักฟุตบอลน้ำหนักเกินบ้าง ทางที่ดีพวกเขาควรจะไปดูว่า ทีมแพทย์ของลีดส์กับคริสตัล พาเลซเขาทำงานกันอย่างไร ผมไม่สนสื่ออังกฤษมานานแล้ว เพราะพวกเขาไม่รู้ความจริง แล้วก็ไม่มีใครสนใจที่จะฟังด้วย พวกเขาก็ทำแบบเดียวกับที่ลีดส์ทำกับผม มันคือการกลั่นแกล้ง ถ้าพวกเขาคิดว่ามันโอเคก็ช่างเขา ผมว่าสื่ออังกฤษก็เป็นแบบนี้แหละ แล้วก็ไม่แน่ใจว่ามันจะดีขึ้นได้ บูลลีเป็นคำที่เหมาะกับสื่ออังกฤษ ไม่เห็นใครเคยเขียนเรื่องนี้ มันเป็นครั้งแรกที่ผมพูดเรื่องนี้ ผมรอมาตั้ง 20 ปี” โบรลินกล่าวกับ FourFourTwo เมื่อปี 2018
ปัญหาการกลั่นแกล้งของลีดส์ในมุมของโบรลินน่าจะเป็นเรื่องการลงโทษปรับ ซึ่งเกรแฮมประณามว่าการขาดซ้อมของเขาถือเป็นการไม่เคารพสโมสร โบรลินจึงขู่ว่าจะไปเผยความจริงกับ BBC ทำให้สโมสรตัดสินใจเรียกเขามาคุย
“ผมว่าพวกเขาคงเริ่มขนลุกแล้วละ ตอนนั้น” โบรลินกล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2012 ก่อนกล่าวว่า “ผมก็เข้าประชุมแล้วเรียกร้องให้พวกเขาคืนเงินที่ปรับผมไปทั้งหมดพร้อมส่วนต่างอีกเล็กน้อย ผมยังเรียกร้องให้พวกเขาทำหนังสือยืนยันว่า ผมไม่ได้ทำผิดวินัย และพวกเขาปฏิบัติกับผมอย่างไม่เป็นธรรม ผมได้หมดทุกอย่างเลย แล้วสุดท้ายผมก็เป็นอิสระอย่างนก”