American Murder: ฆาตกรรมสั่นคลอนสถาบันครอบครัว
หลายครั้งที่สารคดีแกะรอยคดีของ Netflix สร้างความรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง และตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ผ่านแรงจูงใจมากมายของฆาตกร
ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่สารคดี Netflix สะท้อนความสิ้นหวัง สับสน ให้กับผู้ชมอย่างเจ็บปวดไม่ต่างกันกับสารคดีที่ชื่อว่า American Murder: The Family Next Door แม้ระยะเวลาของสารคดีนี้จะกินเวลาเพียง 82 นาที แต่ทุกคนที่ได้ดูล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันจะทำให้คุณจิตตกไปอีกนานเท่านาน
(บทความชิ้นนี้เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด)
บ้านอันแสนอบอุ่นของครอบครัววัตต์ส ที่ประกอบไปด้วยพ่อ คริสโตเฟอร์ วัตต์ส ผู้เงียบขรึม, แม่ แชนแนน วัตต์ส หญิงสาวผู้มอบความอบอุ่นให้กับบ้าน ทั้งสองมีพยานเป็นโซ่ทองคล้องใจคือลูกสาวทั้งสองอันได้แก่ เบลล่ากับซีเลสต์ และลูกชายคนล่าสุดที่อยู่ในท้องของเธอที่มีอายุครรภ์ได้เพียง 15 สัปดาห์ ความฝันของครอบครัวอเมริกันดรีมที่ประกอบด้วยพ่อแม่ลูกอันแสนสุขกับความฝันอันงดงามที่ประกอบด้วยบ้านหลังใหญ่และหน้าที่การงานอันมั่นคงกำลังจะพังทลายตรงหน้า ในวันที่ 13 สิงหาคม 2018 เมื่อ นิโคล แอตคินสัน ได้โทรฯ แจ้งตำรวจด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือถึงการหายตัวไปของแชนแนน เพื่อนร่วมงานของเธอ หลังจากที่นิโคลได้ขับรถมาส่งเพื่อนเธอถึงหน้าบ้านในเวลาตี 1:48 น. แล้วพบว่าเพื่อนของเธอขาดการติดต่อ ความกังวลนำพาให้นิโคลเดินทางพร้อมกับลูกชายเพื่อมาเช็กว่าเพื่อนเธอยังอยู่สบายดีหรือไม่หลังจากที่เธอขาดการติดต่อทั้ง ๆ ที่ทั้งสองมีนัดจะไปพบหมอเพื่อตรวจครรภ์ลูกคนที่ 3
บ้านที่เงียบเชียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน สร้างความกังวลถึงขีดสุดให้กับผู้เป็นเพื่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงบ้านแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้ สุดท้ายนิโคลตัดสินใจใช้รหัสประตูที่แชนแนนเคยให้ไว้ จนรหัสนั้นส่งสัญญาณไปยังคริส เขามาที่บ้านด้วยอาการมึนงงและสงสัย ก่อนจะนำพานิโคลและตำรวจเข้าไปยังบ้านที่ไม่มีใครอยู่ ทิ้งไว้เพียงพัดลมเพดานที่เปิดเอื่อยเฉื่อย ไม่มีแม้กระทั่งลูก ๆ ทั้งสองคน ท่าทีของคริสไม่มีความกังวลให้เห็น เขาเดินเข้าออกในห้องนอนก่อนจะพบแหวนแต่งงานวางอยู่ในห้อง หรือเธอกำลังจะหนีไปจากชีวิตเขา แต่รถของเธอก็ยังจอดไว้ที่โรงรถ มือถือที่เป็นเสมือนอวัยวะอีกชิ้นในร่างกายของแชนแนนก็ยังคงอยู่ แชนแนนเป็นคนที่ชอบการเล่นโซเชียลมีเดียมาก เธอไม่น่าที่จะทิ้งมือถือไว้อย่างนั้น การหายตัวไปอย่างลึกลับนำพาไปสู่การขุดคุ้ยเบาะแสที่พอจะสนับสนุนได้ว่า เธอและลูก ๆ หายไปไหน
แชนแนน หญิงสาวที่มีโรคประจำตัวคือโรคภูมิแพ้ตัวเอง และไม่เคยสมหวังในความรัก แต่พรหมลิขิตก็ขีดเส้นให้เธอได้พบรักกับคริสผ่านโซเชียลมีเดียในปี 2009 ความรักของทั้งคู่ทลายขีดจำกัดมากมาย หนึ่งในนั้นคือการมีลูก จากที่เคยคิดว่าโรคร้ายที่รุมเร้าเธอนั้นจะทำให้มีลูกยาก แต่สุดท้ายทั้งสองก็ได้พยานรักเป็นนางฟ้าตัวน้อยนั่นก็คือ เบลล่าและชีเลสต์ แม้ว่าร่างกายที่ไม่เต็มร้อยจากผู้เป็นแม่จะส่งผลให้นางฟ้าทั้งสองมีโรคที่ติดพันจากผู้เป็นแม่มา จนนำพาให้ครอบครัวเธอต้องเดินเข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ส่งผลให้ครอบครัววัตตส์ถูกฟ้องล้มละลาย แต่ก็ไม่ทำให้ครอบครัวนี้ลดทอนความรักความผูกพันไปได้เลย แชนแนนสู้จนสุดชีวิตจนเธอได้งานขายตรง และการช่างพูดช่างเจรจาของเธอ ก็ทำให้เธอค่อย ๆ ไต่เต้าหน้าที่การงานจนพ้นมลทินของการเป็นหนี้สินได้ทั้งหมด ทุกสิ่งเกิดจากความรักที่เธอมีกับคริสและลูกน้อยของเธอ การหายตัวไปของเธอจึงเป็นปมปริศนาที่ชวนสงสัยว่าเธอจะหนีจากสิ่งปลูกสร้างและน้ำพักน้ำแรงที่เธอก่อร่างสร้างฝันมันมาอย่างยากลำบากได้อย่างง่ายดายเชียวหรือ
ข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของแชนแนน กระจายอย่างรวดเร็วผ่านการแจกใบปลิวของเจ้าหน้าที่เพื่อหาเบาะแสการหายตัว เพื่อนบ้านต่างพากันขวัญผวาเนื่องจากเมืองเฟรเดอริก รัฐโคโลราโด ไม่มีคดีสะเทือนขวัญมาเนิ่นนาน และเพื่อนบ้านก็พบเบาะแสความผิดปกติผ่านกล้องวงจรปิด เมื่อพบเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเป็นใครในค่ำคืนนั้น จากการหายไปวันที่ 2 เจ้าหน้าที่ต่างยกระดับในการค้นหา เริ่มใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อตามร่องรอยของทั้ง 3 รวมไปถึงการคาดเดาว่าคนใกล้ชิดอย่างคริส อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดีนี้
ด้วยสีหน้าแววตาอันเรียบเฉยเกินกว่าจะกังวลใด ๆ แม้กระทั่งการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อท้องถิ่น คริสก็ยังให้สัมภาษณ์อย่างไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ จนสุดท้าย เขาถูกนำมาสอบสวนผ่านเครื่องจับเท็จ และเรื่องราวในอดีตที่เป็นด้านมืดดำของทั้งสองก็ค่อย ๆ พรั่งพรูออกมา ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวแชนแนนเอง หรือการที่เธอพยายามกันลูกสาวของเธอให้ห่างจากพ่อและแม่ของสามี ไปจนถึงความห่างเหินของคริสเองที่เผยให้เห็นว่า โควตาความหวานของทั้งคู่เริ่มหมดลง ความรักของทั้งสองได้จืดจางแล้ว เจ้าหน้าที่เริ่มสังเกตแรงจูงใจมากมาย ตั้งแต่ความด้านชาของตัวคริสเอง การดูแลเอาใจใส่ในการออกกำลังกายของตัวคริส ไปจนถึงน้ำตาที่ยังไม่มีสักหยดเมื่อพบว่าลูกรักทั้งสองได้จากไป และท้ายที่สุดเครื่องจับเท็จก็แจ้งกับคริสว่า ‘เขากำลังโกหก’
เจ้าหน้าที่ FBI เริ่มเผยสิ่งที่พวกเขามีให้คริสรู้ ไม่ว่าจะเป็นชู้รักของเขาที่คริสคิดว่าเขาซ่อนได้มิดแล้ว...แต่ไม่เลย ในที่สุดชื่อตัวละครใหม่อย่าง นิโคล เคสซิงเจอร์ เพื่อนร่วมงานของคริสที่แรกเริ่มจากการให้คำปรึกษาด้านออกกำลังกาย แต่สุดท้ายก็ลักลอบคบหากัน นิโคลยืนกรานว่าความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นจากตัวคริสที่บอกกับเธอว่าเขากำลังจะเลิกรากับแชนแนน และเธอเองก็ถูกผู้ชายคนนี้หลอกเช่นกัน ความห่างจากการทำงานที่ห่างไกลกัน รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างคลอนแคลน แชนแนนบ่นกับเพื่อนในโปรแกรมแชทว่าเธอและเขาไม่ได้มีเซ็กซ์กันมาเนิ่นนานแล้ว แม้กระทั่งการบอกข่าวดีถึงลูกคนที่ 3 ก็ไม่ได้เห็นอาการดีใจจากผู้ชายคนนี้ สิ่งที่ได้รับคือความเงียบงันและไม่ดีใจ จากโรคร้ายที่รุมเร้าเธอ แน่นอนมันทำให้เธอประสาทเสีย แต่ยาที่รักษาได้ก็มาจากความรักความเอาใจใส่ของผู้ชายคนนี้ ที่ดูเหมือนยาตัวนั้นจะหมดอายุไปแล้ว
“คุณกำลังปิดบังอะไรไว้ อย่ามัวเล่นเกมอยู่เลย ยังไงทั้งสามก็ไม่มีทางกลับมาแล้ว” เจ้าหน้าที่ FBI พยายามบีบคั้นต้อนคริสให้จนมุม จนสุดท้ายคริสขออยู่กับพ่อเพียงลำพัง และสารภาพสิ่งที่ชวนช็อกให้ผู้เป็นพ่อรู้ ว่าเขาได้ลงมือฆ่าแชนแนน เพราะแชนแนนลงมือฆ่าลูกของเขาก่อน
เรื่องราวเกิดขึ้นในคืนวันนั้น หลังจากที่แชนแนนกลับมาจากแอริโซนาจากการไปพักใจหลังจากหลายเรื่องระหว่างเธอกับคริสไม่ลงเอยด้วยดี หลายเดือนที่เธอกับเขาไม่ได้มีเซ็กซ์ด้วยกัน หลายเดือนที่เขาสนใจที่จะออกกำลังกายมากกว่าแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ภายในบ้าน รวมไปถึงการใช้เงินที่มากเกินปกติของเขาที่แชนแนนจับได้ว่ามันเกิดจากการที่เขาไปออกเดทกับนิโคลชู้รัก ทั้งสองมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง แชนแนนจึงเลือกที่จะจบชีวิตลูกทั้งสองด้วยการบีบคอ คริสจึงใช้วิธีเดียวกันจัดการแชนแนนที่พรากนางฟ้าตัวน้อยของเขาไป และจัดการนำศพทั้งสามไปอำพราง โดยเอาแชนแนนไปฝังในดินอันรกร้างว่างเปล่า และจับลูกสาวทั้งสองโยนลงบ่อน้ำมันที่เขาทำงานอยู่
แม้จะลงเอยด้วยความตาย และควรจะจบตรงนี้ แต่ FBI ก็ยังไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่คริสพูด หลายชั่วโมงผ่านไป สุดท้ายความจริงก็ปรากฏ และสิ่งนี้เองที่ชวนให้คนที่ได้รับทราบต้องหดหู่ถึงขีดสุด ในคืนวันที่ 13 หลังจากแชนแนนกลับมาจากต่างเมือง ทั้งสองมีเซ็กซ์กันอย่างดูดดื่ม แต่เมื่อเช้าตื่นขึ้นมา คริสก็ตัดสินใจที่จะขอแยกทาง ทำให้ทั้งสองมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง แชนแนนแปลกใจ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนทั้งสองยังมีอะไรที่อ่อนโยนให้กันและกันเลย จนสุดท้ายคริสก็เฉลยว่าเขามีคนอื่น นำมาซึ่งความโมโหขั้นรุนแรงของแชนแนน
คริสพยายามที่จะพูดคุยดี ๆ กับเธอ แต่มันไม่เป็นผล แชนแนนตะคอกใส่เขาว่า “อย่าแตะต้องตัวฉัน” มันนำไปสู่การขาดสติอย่างรุนแรงของคริส เขาจัดการบีบคอแชนแนนโดยที่เธอไม่ได้ขัดขืนอะไรจนเธอแน่นิ่งไป จังหวะนั้นเองที่เบลล่าลูกสาวคนโตเดินผ่านมาพอดี และเห็นแม่ของเธอนอนคว่ำหน้าบนเตียง เธอถามกับผู้เป็นพ่อว่า “แม่เป็นอะไร” จากที่จะต้องจัดการเพียงแค่คนเดียว คริสต้องขับรถพาลูกสาวทั้งสองไปยังที่ทำงานของเขา โดยแบกศพแชนแนนและให้เธอนอนอยู่ตรงเบาะด้านหลังรถพร้อมลูก ๆ ลูกเอ่ยปากถามด้วยความไร้เดียงสาว่า “แม่เป็นอะไร” คริสได้แต่บอกว่า “แม่สบายดี”
ตลอดระยะเวลาที่ห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง ในหัวของคริสกำลังตีกันอย่างยุ่งเหยิงว่าเขาควรจะจัดการลูกสาวทั้งสองหรือไม่ เด็กน่ารักทั้งสองต่างนอนเกยตักกันโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองได้ตายไปแล้ว สุดท้ายซาตานในจิตใจเขาก็สามารถเอาชนะจิตสำนึกความเป็นพ่อได้ เขาจัดการชีเลสต์ก่อน และตามด้วยเบลล่า ทั้ง ๆ ที่เบลล่าพูดกับเขาว่า “พ่อคะ...อย่า” แต่มันก็ห้ามความชั่วร้ายที่ครอบงำเขาจนไม่เหลือแล้วให้หยุดได้ เขาโยนเด็กทั้งสองลงบ่อน้ำมัน แยกกันคนละบ่อ เราไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าความทรมานของเด็กน้อยทั้งสองจะสาหัสและเจ็บปวดเพียงไร แม่และพ่อรวมไปถึงน้องชายของแชนแนนกล่าวต่อศาลด้วยใบหน้าที่เจือด้วยน้ำตาและความเศร้าโศกว่าพวกเขาเสียใจเพียงไรกับเหตุการณ์นี้ และมันยิ่งเจ็บปวดกว่าที่ความไว้ใจที่เขามีต่อคริสมันพังทลายอย่างไม่มีวันหวนกลับมา แม้กระทั่งครอบครัวของคริสเองก็ยังไม่อาจทำใจได้เมื่อลูกชายของเขาที่ไม่เคยแม้แต่จะเผยด้านมืดให้พวกเขาเห็นได้กระทำการเลวร้ายขนาดนี้
ผู้พิพากษาสรุปคดีนี้เป็นอาชญากรรมที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรมและโหดร้ายที่สุดในคดีนับร้อยนับพันที่เขาได้ตัดสิน แม้ท้ายที่สุดคริสจะไม่ถูกตัดสินประหารชีวิตเนื่องจากสารภาพแต่โดยดี แต่ 9 กระทงที่เขาได้ก่อกรรมทำเข็ญกับแชนแนนและลูกน้อยทั้งสาม ไม่อาจทำให้เขาพ้นจากโทษทัณฑ์ที่เขาก่อไว้ได้ คริสถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และติดอยู่กับภาพฝันร้ายที่จะหลอกหลอนเขาไปตราบนานเท่านาน
จากความสัมพันธ์ที่กลายเป็นความพุพังทางความรัก ได้พรากชีวิตของแม่และลูก พร้อมทั้งปิดโอกาสให้ลูกคนที่ 3 ได้ก่อกำเนิด เพียงแรงจูงใจที่ควรจบลงด้วยการหย่าร้าง กลับกลายเป็นการพรากชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับ หากเทียบคริสกับฆาตกรชื่อดังรายอื่น ๆ ก็พบว่าเขาดูไร้พิษภัยที่สุด แต่ภายใต้ความธรรมดาที่สุดที่มีในตัวเขา การจัดการคนที่รักและไม่เคยที่จะทำร้ายเขาเลยได้อย่างเลือดเย็น มันก็สะท้อนได้ว่า ไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยอีกต่อไป บ้านควรเป็นสถานที่เดียวที่ทุกคนจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข กลับกลายเป็นนรกขุมสุดท้ายหากเมื่อใดที่ปีศาจร้ายที่เร้นกายหลับใหลในก้นบึ้งของจิตใจถูกปลุกขึ้นมา และเมื่อนั้น ครอบครัววัตต์สที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น ก็ไม่ใช่เพียงครอบครัวสุดท้ายที่ต้องประสบวิบากกรรมอันรุนแรงแบบนี้ ยังมีอีกหลายครอบครัวที่อาจจะเผชิญหน้ากับความเลวร้ายนี้ไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าปีศาจร้ายจะถูกปลุกเมื่อใด และมันจะลงเอยด้วยความตายของคนในครอบครัวเป็นการสังเวยอีกกี่คน