รีวิวเทศกาลดนตรีกลางเขา ฟังดนตรีรับลมหนาวไปกับ Season of Love Song 11 “Make A Wish”
จบไปแล้วสำหรับเทศกาลดนตรี Season of Love Song 11 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Make A Wish” ที่พาให้คนไทยขอพรผ่านเสียงเพลงร่วมกันในช่วงท้ายปีที่ผ่านอะไรมามากมายปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลดนตรีที่แม้อากาศใน เวเนโต้ สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีจะหนาวแต่กลับให้บรรยากาศอบอุ่นและสนุกเต็มอิ่มจนต้องบอกต่อเลยทีเดียว
เทศกาลดนตรีสุดอบอุ่นครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 14:00 น. ด้วย Jeff Satur ที่หอบเพลงฮิตมาแจกความสดใสและส่งไม้ต่อให้ First Anuwat ที่มาชวนแฟน ๆ ส่งเสียงร้องเพลง “ถ้าเขาจะรัก ยืนเฉย ๆ เขาก็รัก” ให้ผู้ชมที่พากันจับจองพื้นที่หน้าเวทีและบนเนินเขาได้ร้องตาม ภาพบรรยากาศคนดูที่ปูเสื่อร้องเพลงคลอไปกับนักร้องหนุ่มทำให้งานดูคึกคักขึ้นมาได้มาก ต่อกันที่ Mirrr ศิลปินดูโอ้สุดอินดี้เจ้าของเพลง ‘เกม’ และ ‘นิโคติน’ ที่ขึ้นมาส่งต่อความสุขปนเหงาผ่านเสียงดนตรีให้แฟน ๆ ได้ฟังกันอย่างเต็มอิ่ม ก่อนปิดท้ายด้วย BEC Tero Superband ที่ศิลปินจากค่าย BEC Tero อย่าง Better Weather, Fellow Fellow และ Chilling Sunday มาพาแฟน ๆ ชิลล์ไปด้วยกัน เป็นการปิดท้ายช่วงแรกของเทศกาลได้อย่างลงตัว
เวลา 16:40 น. คนดูก็ได้พบกับเสียงดนตรีฟังสบายกันอีกครั้ง โดยเฉพาะคนดูวัยรุ่นที่ดูจะถูกใจการแสดงของสองเพื่อนซี้ปลาและโลมาอย่าง Whal & Dolph เป็นพิเศษ เรียกได้ว่าครั้งนี้สองหนุ่มขนเพลงฮิตมาเพียบทั้งเพลงรักและเพลงเศร้า ต่อด้วย นนท์ ธนนท์ ที่มาแจกจ่ายความสนุกด้วยเพลงฮิตของตัวเองและเพลง cover ดี ๆ ที่ชวนให้คนดูร้องและโบกไม้โบกมือตามได้ทั้งการแสดง
ฟ้าเริ่มมืดพร้อมกับคนดูที่เนืองแน่นขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อเวลาทุ่มกว่า ๆ เราก็ได้พบกับสองหนุ่ม ตู่ ภพธร และ ทอม อิศรา ที่พากันมาร้องเพลงเสียงหวานร่วมไปกับการปล่อยมุกเรียกเสียงฮาให้คนดูได้ยิ้มกับความน่ารักของทั้งคู่อยู่เป็นระยะ เรียกได้ว่าครบรสทั้ง เล่น เต้น และร้องเพลง แถมยังมีชวนแฟนคลับขึ้นมาร่วมสนุกบนเวทีด้วย ก่อนจะส่งต่อเวทีให้กับ Three Man Down วงดนตรีที่ครองใจวัยรุ่นยุคนี้ด้วยเพลง ‘ฝนตกไหม’, ‘เลือกคนที่เขารักเรา’ และ ‘ฝันถึงแฟนเก่า’ ซึ่งเป็นโชว์ที่ดีและได้ฟังเพลงฮิตของวงอย่างครบครันทีเดียว
ต้อนรับช่วงดึกด้วย Paradox วงในดวงใจของใครหลาย ๆ คน ที่คราวนี้ทางวงก็เต็มที่ทั้งดนตรีและเอนเตอร์เทนเหมือนเช่นเคย ทั้งการแต่งกายเป็นมาสคอต และลูกโป่งที่แจกจ่ายให้แฟน ๆ โซนหน้าเวทีได้ถือกัน โดยเฉพาะในเพลง ‘ฤดูร้อน’ ที่คนดูรอคอยฟังกันเป็นพิเศษ ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ The Toys ที่ขึ้นเวทีตอนสี่ทุ่ม พร้อมกับเพลงฮิต ๆ ที่เรียงขบวนกันมาทั้ง ‘ก่อนฤดูฝน’, ‘ทิ้งแต่เก็บ’ และ ‘ลาลาลอย’ ให้คนดูได้โยกตัวเล็ก ๆ ตามกันเพลิน ๆ พร้อมทั้ง cover ผลงานของนิตยา บุญสูงเนิน หรือแม่ของเจ้าตัวในเพลง ‘ช้ำคือเรา’ และ ‘เจ็บนิดเดียว’ เรียกได้ว่าเอาใจทั้งคนมีรักและคนอกหักแบบไม่ขาดตกบกพร่องเลย
ห้าทุ่มกว่า ๆ บรรยากาศในงานเริ่มเย็นจนหลาย ๆ คนต้องหยิบผ้าห่มมาคลุม เป็นช่วงเวลาของหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาว มน โมนิค และ แว่นใหญ่ ที่ขนทั้งเพลงเดี่ยวของแต่ละคนและเพลงที่เคยทำและร้องด้วยกันมาร่วม ‘Make A Wish’ ในงานนี้ด้วย ต่อท้ายด้วยวง Potato ที่คนดูพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนเตรียมรับความสนุกกันอย่างเต็มที่ กับเซ็ตลิสต์ดี ๆ ที่มีทั้งเพลงเก่าอย่าง ‘บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต’, ‘รักแท้ดูแลไม่ได้’ ไปจนถึงเพลงฮิตอย่าง ‘เธอยัง’ ที่ได้แฟน ๆ ช่วยกันร้องชนิดที่ดังก้องไปทั้งสวนผึ้งก็ว่าได้
01:30 น. อากาศหนาวขึ้นอีกเท่าตัว แต่คนดูก็ยังเนืองแน่นพร้อมต้อนรับวง Klear ที่แม้วันนี้ ‘แพท’ จะเสียงไม่ค่อยพร้อมสักเท่าไหร่ แต่เรื่องใจนั้นเต็มร้อยกับการร้องเพลงอย่าง ‘รักให้ตาย’, ‘คำยินดี’ และ ‘สิ่งของ’ แอบกระซิบว่ามีช่วงที่ ‘แพท’ เสียน้ำตาเพราะเสียงแฟน ๆ ที่ช่วยกันร้องเพลงในวันที่สภาพร่างกายของเธอไม่พร้อม เกิดเป็นโมเมนต์ชวนอบอุ่นใจระหว่างศิลปินและแฟนคลับ ปิดท้ายด้วยพลุที่ทะยานขึ้นบนฟ้าพร้อม ๆ กับเพลง ‘จะรักหรือจะร้าย’ เกิดเป็นภาพและเสียงที่สวยงามน่าประทับใจไม่น้อย ก่อนจะส่งเวทีต่อให้กับ Slot Machine ที่เปิดหัวการแสดงด้วยเพลง ‘ฝัน’ ชวนให้คนดูยืนชูสัญลักษ์สามเหลี่ยมประจำวงกันอย่างพร้อมหน้า พร้อมเพลงดังอื่น ๆ ทั้ง ‘ค้น’, ‘ผ่าน’, ‘เคลิ้ม’ ที่ต้องบอกว่าแม้วงจะขึ้นเล่นดึกพอสมควร แต่คนดูก็ยังมีแรงเหลือสำหรับการกระโดดตามจังหวะและเปล่งเสียงร้องเพลงให้ดัง ก่อนส่งท้ายด้วยท่อนบอกลาอย่าง “I say goodbye” ในเพลง ‘จันทร์เจ้า’
“ยังไม่หลับกันใช่มั้ยครับ ใครยังไม่หลับขอเสียงหน่อย”
คือคำพูดที่ แสตมป์ ถามแฟน ๆ เมื่อขึ้นเวทีในเวลาตีสามกว่า ๆ ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับจากคนดูในระดับที่ดังอยู่พอสมควรถ้าเทียบกับเวลา ซึ่งแสตมป์ก็บอกว่าให้แฟน ๆ ยืน นั่ง และนอนบนเสื่อและฟูกที่ปูไว้ หรือแม้กระทั่งหลับได้ตามอัธยาศัย แต่ถ้าใครที่ยังตื่นอยู่ก็อยากให้สนุกไปด้วยกัน กับเพลงจังหวะร่าเริงตามสไตล์ผู้ชายอารมณ์ดีอย่าง ‘ชายกลาง’, ‘แอบดี’, ‘เส้นผมบังภูเขา’ และตบท้ายด้วยเพลง ‘ความคิด’ ที่คนดูร้องตามได้กันทุกคน ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายหายไปหลังเวทีตอนตีสี่พอดิบพอดี ส่วนช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาของวงดนตรีเพลงดีอย่าง Instinct และ Mean ก่อนปิดท้ายเทศกาลนี้ไปด้วยวง Indigo เรียกได้ว่า ถูกใจใครหลาย ๆ คนที่ห่างหายจากดนตรีสดไปนาน เพราะได้มาฟังเพลงตั้งแต่บ่ายจนเช้ากันในเทศกาล Season of Love Song 11 นี่เอง
สำหรับภาพรวมของงานนี้ถือเป็นการจัดงานในช่วงที่ยังมีมาตรการป้องกันโรคระบาด มีการขอความร่วมมือให้คนดูเว้นระยะห่างและใส่หน้ากากเป็นระยะ สำหรับเรื่องอาหารก็มีความหลากหลาย พร้อมสรรพในทุกเมนูที่ต้องการ อาจจะมีปริมาณและบริเวณที่ตั้งของห้องน้ำที่ควรเพิ่มจำนวนและกระจายตามจุดต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยรวมถือว่าเป็นเทศกาลดนตรีส่งท้ายปีที่สร้างบรรยากาศอบอุ่นกลางภูเขาได้น่าประทับใจแบบที่แม้จะเหนื่อยล้าอยู่ไม่น้อยเพราะต้องตาสว่างข้ามคืนก็ยอม