จาก ‘บุษบา’ ถึง ‘ขอบคุณโชคดี’ เส้นทางดนตรีของหมาทันสมัย ‘...ก่อน’ จะเป็น ‘โมเดิร์นด็อก’
/ บรรจงร้อยเป็นมาลัย สนุกสุขใจหนักหนา เป็นประจำทุกวันเวลา ไม่เคยเหนื่อยล้ากับมาลัย - บุษบา /
เพียงแค่ริฟฟ์กีตาร์ขึ้นอินโทร วัยรุ่นยุค 90s หลายคนก็นึกเนื้อท่อนแรกของเพลงที่เป็นเสียง ‘ป๊อด โมเดิร์นด็อก (Moderndog)’ ร้องว่า ‘บุษบาเกิดมากับความสดใส’ ได้แบบไม่ยากอะไรเลย เพราะ ‘บุษบา’ เป็นเพลงแจ้งเกิดที่เรียกว่าฮิตติดชาร์ตที่ถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้มแรก โดยมีชื่ออัลบั้มเดียวกันกับชื่อวงว่า ‘โมเดิร์นด็อก’ แต่บนปกอัลบั้มดันมีคำว่า ‘เสริมสุขภาพ’ อยู่ จึงกลายเป็นชื่อรวมที่คนจำได้ติดปากว่า ‘โมเดิร์นด็อก เสริมสุขภาพ’ นับจากวันนั้นก็ 26 ปีแล้วที่วงอัลเทอร์เนทีฟยุคบุกเบิกของไทยวงนี้โลดแล่นอยู่ในวงการดนตรีและสร้างความแปลกใหม่ให้วงการเพลงไทยมาโดยตลอด
เรียกได้ว่าแม้ ‘บุษบา’ จะทำ ‘ดอกไม้มันหายไป’ แต่ ‘โมเดิร์นด็อก’ ไม่เคยหายไปไหน เพราะทั้ง 6 อัลบั้มทั้งเก่าใหม่ที่วงสร้างสรรค์มาตลอดสองทศวรรษนั้นยังครองใจคนฟังได้ทุก gen อยู่เช่นเคย
เสริมสุขภาพ: กำเนิดหมาทันสมัย
โมเดิร์นด็อกเป็นวงที่มารวมตัวกันเพื่อประกวดเวทีโค้ก มิวสิคอวอร์ดส ในปี พ.ศ. 2535 โดยเกิดมาจากไอเดียของป๊อด ที่เห็นเพื่อน ๆ ที่ไปประกวดปีก่อน ๆ แล้วเกิดความสงสัยปนขัดใจขึ้นว่าทำไมมันต้องเป็นฟอร์แมตแบบนี้ (วะ) “เล่นฟิวชันแจ๊ส ใส่เสื้อเหมือนกัน แต่คนละสี ผ้าก็เป็นผ้าต่วนมัน ๆ นักร้องแดง กีตาร์เหลือง เบสเขียว แล้วเราก็กะว่าเดี๋ยวปีหน้า กูจะสมัครโดยเล่นเพลงที่หนวกหูที่สุด” (บทสัมภาษณ์จาก becommon: ธนชัย อุชชิน : เรื่องที่วิกิพีเดียไม่ได้พูดถึง และสิ่ง ‘ลึกซึ้ง’ ที่ไม่เคยบอก)
โมเดิร์นด็อกจึงเกิดมาด้วยแนวคิดที่ออกจะขบถประมาณนั้น พวกเขาชนะการประกวดเวทีดังกล่าวด้วยการเล่น cover เพลง ‘Smells Like Teen Spirit’ ของ Nirvana, Give It Away ของ Red Hot Chili Peppers, Everything About You ของ Ugly Kid Joe และ Field of Joy ของ Lenny Kravitz หลังจากนั้นอีก 2 ปีก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงเล็ก ๆ อย่าง ‘เบเกอรี่มิวสิค’ ค่ายเพลงน้องใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งในปี พ.ศ. 2537 และได้ออกอัลบั้มแรกในปีเดียวกันนี้เอง สำหรับอัลบั้มนี้ นอกจากเพลงเปิดหัวที่ดังแบบเดินไปไหนก็ได้ยินอย่าง ‘บุษบา’ ที่เราได้พูดถึงไปก่อนหน้า อีกเพลงที่เป็นที่รู้จักไม่แพ้กัน พร้อมด้วยดีกรีติดชาร์ตเพลงฮิตข้ามปี ก็คงจะเป็นเพลงอื่นไปไม่ได้นอกจาก ‘…ก่อน’ เพลงที่คนส่วนใหญ่มักลืมใส่สามจุดข้างหน้า
/ ก่อนท้องฟ้าจะสดใส ก่อนความอบอุ่นของไอแดด ก่อนดอกไม้จะผลิบาน ก่อนความฝันอันแสนหวาน - …ก่อน /
ความพิเศษของเพลงก่อนมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง อย่างแรกคือเพลงนี้เป็นเพลงเดียวของโมเดิร์นด็อกที่พวกเขาไม่ได้แต่งกันเอง ส่วนอย่างที่สองคือ ‘พราย ปฐมพร’ ศิลปินที่เขียนเพลงนี้ เขียนมันขึ้นมาจากจดหมายของแฟนคลับที่เล่าถึงการเสียชีวิตของพี่สาวตัวเอง
“บางที...บางทีเพราะเขาบูชาพี่มากเหลือเกิน บูชาพี่พอ ๆ กับฉัน ทุกอย่าง คงจะสายเกินไปที่จะเรียกร้องเอาตอนนี้ เวลามันผ่านไปแล้ว เขาจากไปแล้ว โดยที่เขาไม่ทันได้ชื่นชมพี่อีกครั้งเลย เสียดายที่เขาลืมนึกถึงพี่ในตอนนั้น ตอนที่อารมณ์ทุกอย่างถึงที่สุด แต่มันก็ผ่านไปแล้ว...เขาก็จากไปแล้ว ฉันเองก็เกือบจะทำเช่นนั้น เพียงแต่พี่คือคนที่อยู่ส่วนลึกของจิตใจของฉัน...ทุกครั้งที่ฉันไม่มีใคร พี่คือคนนั้น...คนที่ฉันคิดถึง...” ส่วนหนึ่งจากจดหมายที่แฟนคลับเขียนถึง พราย ปฐมพร
จดหมายฉบับนี้เป็นที่มาให้พรายเขียนเพลง ‘…ก่อน’ ขึ้นมา และจุดสามจุดข้างหน้าก็มาจากถ้อยคำในจดหมายบวกกับการระลึกถึงบุคคลผู้จากไป ที่มีใจความเต็ม ๆ ว่า ‘เธอจากไปก่อน’ นั่นเอง
อัลบั้มแรกของโมเดิร์นด็อกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มากเสียจนสมาชิกในวงเกิดความกลัวขึ้นมาว่าอัลบั้มต่อไปพวกเขาจะไปได้ไม่ถึงจุดที่เคยยืนอีก ก่อนทำอัลบั้มที่สอง ‘คาเฟ่’ ป๊อด นักร้องนำและนักแต่งเพลงของวงถึงกับลงทุนไปเรียนแต่งเพลงที่ต่างประเทศถึง 2 ปี เพื่อที่จะพบว่าสุดท้ายแล้วเขาก็พบว่าทฤษฎีการแต่งเพลงที่เรียนมาทั้งหมด เขาแทบจะไม่ได้นำมันมาใช้เลย
“สุดท้ายเราก็แต่งด้วยตัวเองอยู่ดี ไม่ได้ไปใช้วิชาเขาเลย เพราะว่ามันไม่สนุกเท่าไร” (บทสัมภาษณ์จาก becommon: ธนชัย อุชชิน : เรื่องที่วิกิพีเดียไม่ได้พูดถึง และสิ่ง ‘ลึกซึ้ง’ ที่ไม่เคยบอก)
‘Love Me Love My Life’ อัลบั้มที่วงตั้งใจให้ ‘ล้มเหลว’
หลังจากไปเรียนแต่งเพลงแล้วกลับมาทำอัลบั้ม ‘คาเฟ่’ จนในที่สุดก็ได้ฤกษ์ปล่อยออกสู่ท้องตลาดในปี 2540 คราวนี้ป๊อดเลือกที่จะไปหาแรงบันดาลใจสำหรับการทำอัลบั้มที่ 3 ด้วยการหันหน้าเข้าหาธรรมะ
ป๊อดออกบวช และสึกออกมาพร้อมกับความคิดที่ว่าเขาอยากทำให้อัลบั้มที่ 3 ของวง ‘ฟังไม่รู้เรื่อง’
“ผมทำให้มันฟังไม่รู้เรื่อง เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องอยู่กับความสำเร็จ คือผมมาวิเคราะห์ตอนโตว่า ผมกำลังลดขนาดความคาดหวังที่เกิดขึ้นด้วยการทำงานแบบนี้” (บทสัมภาษณ์จาก The Cloud: TIMELESS IS MORE คำตอบของคำถามในแต่ละช่วงชีวิตและสิ่งที่ป๊อด โมเดิร์นด็อก บอกว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง’ ในรอบ 25 ปี)
/ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยบอก เพราะยังคงกลัวในคำตอบ – สิ่งที่ไม่เคยบอก /
แต่สุดท้ายอัลบั้มชุดที่ 3 ของวงที่มีชื่อว่า ‘Love Me Love My Life’ ก็ไม่ได้ ‘ล้มเหลว’ เสียทีเดียว แม้ยอดขายจะสู้ 2 อัลบั้มก่อนไม่ได้ แต่ Love Me Love My Life ได้กลายเป็นเสมือนไดอารีของวง ที่บันทึกเวลา อารมณ์ ความรู้สึก ณ ช่วงหนึ่งของพวกเขาเอาไว้ โดยมีเพลงจำอย่าง ‘เวตาล’ ที่มีกิมมิกแบบที่นักดนตรีต่างประเทศใช้บ่อย ๆ อย่างการฟังเพลงย้อนกลับ ในเพลงนี้ถ้าเราเล่นเพลงแบบย้อนกลับจะได้ยินเป็นคำว่า ‘ทรมาน’ แบบพอดิบพอดี นอกจากนี้ ‘สิ่งที่ไม่เคยบอก’ และ ‘Happiness Is’ ก็กลายเป็น 2 เพลงช้าที่ถูกจัดเข้าเซตลิสต์เพลงสำหรับเล่นคอนเสิร์ตของวงอยู่บ่อย ๆ
เมื่อหมามีรัก: อัลบั้ม ‘แดดส่อง’ ที่โมเดิร์นด็อกยอมเขียนเพลงรัก
ก่อนปี 2547 โมเดิร์นด็อกเป็นที่รู้จักในฐานะวงอัลเทอร์เนทีฟที่ทำเพลงได้ abstract จัด ๆ เพลง ‘เวตาล’, ‘กะลา’ และ ‘บุษบา’ คือตัวอย่างความล้ำในเนื้อเพลงของวงนี้ แต่สำหรับอัลบั้มชุดที่ 4 ‘แดดส่อง’ โมเดิร์นด็อกได้พลิกแพลงตัวตนของพวกเขาอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาท้าทายตัวเองด้วยการเขียนเพลงรัก
“พี่โป้ง (ปวีณ สุวรรณชีพ) มือกลองซึ่งได้ฟังครั้งแรกในห้องซ้อมบอกว่า มึงเอาอย่างนี้เลยเหรอ มึงร้องอย่างนี้เลยเหรอ ‘เธอเท่านั้นอยู่ในใจ เธอเท่านั้นตลอดไป’ จากที่ชุดก่อนหน้ามัน Abstract มาก” (บทสัมภาษณ์จาก The Cloud: TIMELESS IS MORE คำตอบของคำถามในแต่ละช่วงชีวิต และสิ่งที่ป๊อด โมเดิร์นด็อก บอกว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง’ ในรอบ 25 ปี)
/ เธอเท่านั้นอยู่ในใจ โลกจะเป็นอย่างไร เธอเท่านั้นตลอดไป แม้ว่าไม่มีทาง - เธอเท่านั้น /
คอร์ดเบสิกอย่าง C Am F G ถูกหยิบมาใช้ในการสร้างสรรค์ทำนอง ส่วนเนื้อเพลงก็ถ่ายทอดอารมณ์รัก หลง เศร้า สุข ลงไปตรง ๆ ซึ่งก็เป็นการเติบโตอีกรูปแบบของวง เพราะหลังจากขลุกในวงการดนตรีมานานปี หมาทันสมัยก็ได้เรียนรู้ว่า ‘ความรักเป็นสิ่งสำคัญ’
ป๊อด โป้ง เมธี: สุดท้ายนี้แก่นของโมเดิร์นด็อกคือ ‘เรา’
/ รู้ไหมเราเดินมาไกลแค่ไหน รู้ไหมเราเดินมานานเท่าไร /
ป๊อด (ธนชัย อุชชิน) เขียนและร้อง โป้ง (ปวีณ สุวรรณชีพ) ตีกลอง เมธี (เมธี น้อยจินดา) เล่นกีตาร์ พวกเขาคือผู้ชาย 3 คนที่ขับเคลื่อนหมาทันสมัยให้อยู่คู่วงการเพลงไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งพวกเขาและแฟนเพลงยุคแรกเริ่มต่างก็เปลี่ยนผ่านช่วงวัย จากวัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่ ผ่านเรื่องราวมากมายทั้งร้ายและดี ในอัลบั้มเต็มชุดที่ 6 อัลบั้มนี้โมเดิร์นด็อกจึงใช้ชื่ออัลบั้มว่า ‘ป๊อด โป้ง เมธี’ เพื่อย้ำเตือนทั้งตัวเองและคนฟังว่าสุดท้ายแล้ว จุดเริ่มต้นของทุกอย่างคือที่นี่ คือนักดนตรี คือมนุษย์ 3 คน ที่มีเพลงจำอย่าง ‘วันนี้เมื่อปีก่อน’ และ ‘ขอบคุณโชคดี’
/ จดจำ วันคืนที่มีความหมาย เจ็บปวดเท่าไรฉันไม่เคยเสียดาย จะดีและร้ายฉันจะขอบคุณ - ขอบคุณโชคดี /
สำหรับแฟน ๆ ที่คิดถึงเพลงของโมเดิร์นด็อก ต้นปี 2564 ป๊อด โป้ง เมธี มีแพลนจะพาทุกคนให้ระลึกถึงความหลัง ‘วันนี้เมื่อ (เกือบยี่สิบ) ปีก่อน’ และ ‘ขอบคุณโชคดี’ ไปพร้อม ๆ กันกับคอนเสิร์ตอะคูสติกที่ชื่อว่า Amado Presents The Very Normal of Moderndog ล้อมาจาก The Very Common Of Moderndog คอนเสิร์ตอะคูสติกครั้งแรกของวงดนตรีวงนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว โดยหลังจากนั้นโมเดิร์นด็อกก็ไม่ได้มีคอนเสิร์ตอะคูสติกอีกเลย
เรียกได้ว่าเพราะเสียงแห่งความคิดถึงของแฟนเพลงล้วน ๆ ที่ทำให้คอนเสิร์ตอะคูสติกครั้งใหม่เกิดขึ้นมาได้ Amado Presents The Very Normal of Moderndog จะมีขึ้นในวันที่ 5-6 และ 19-20 กุมภาพันธ์ 2564 ที่โรงละคร เคแบงก์ สยามพิฆเนศ บัตรเข้าชมราคา 1,800 และ 2,800 บาท สามารถซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา และทางเว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com
เรื่อง: จิรภิญญา สมเทพ
ที่มา :
https://readthecloud.co/pod-moderndog/
https://becommon.co/people/pod-moderndog/
https://themomentum.co/momentum-hotpop-22-years-anniversary-untoldstory-moderndog/
https://thestandard.co/moderndog/