ซลาตัน อิบราฮิโมวิช รอยสักของพระเจ้า กับเรื่องราวภายใต้ความเจ็บปวด

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช รอยสักของพระเจ้า กับเรื่องราวภายใต้ความเจ็บปวด

รอยสักของพระเจ้า กับเรื่องราวภายใต้ความเจ็บปวด

       รอยสัก ถือเป็นการบันทึกเรื่องราวและความทรงจำของคนแต่ละคน บางคนก็อาจจะชอบสักสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบหรือแม้กระทั่งชื่อของคนที่รัก เช่นเดียวกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช นักฟุตบอลชื่อดังที่มักจะสะท้อนตัวตนจริง ๆ ของเขาผ่านรอยสักบนร่างกาย ซลาตัน ถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่หลงใหลในการสักอย่างมาก ดาวเตะชาวสวีดิชวัย 37 ปีรายนี้ ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับทีมแอลเอ กาแล็กซี่ ในศึกเมเจอร์ลีกของสหรัฐฯ เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “การสักเปรียบเสมือนยาเสพติดสำหรับเขา” ตั้งแต่สมัยยังเด็กซลาตัน มักจะทำตัวเกเรเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทหรือเรื่องขโมยของ จนหลายคนตราหน้าเขาว่าไม่มีทางประสบความสำเร็จในชีวิตได้หรอก แต่ผ่านไปกว่าสามสิบปีเขาก็แสดงให้เห็นคนเหล่านั้นเห็นแล้วว่า “เขาเก่งขนาดไหน” ซลาตัน อิบราฮิโมวิช รอยสักของพระเจ้า กับเรื่องราวภายใต้ความเจ็บปวด        ซลาตัน เริ่มสักตั้งแต่สมัยช่วงค้าแข้งกับยูเวนตุส และเริ่มมากขึ้นในช่วงย้ายไปอยู่เปแอสเช ทุกรอยสักของยอดกองหน้าคนนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวและความน่าสนใจ รอยสักแรกของเขา ซลาตัน ลงทุนสักชื่อตัวเองด้วยหมึกสีขาวลงบนบริเวณหน้าท้อง เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า รอยสักนี้จะเห็นก็ต่อเมื่อตัวเขามีผิวสีแทนเท่านั้น “รอยสักแรกของผมเป็นลายเส้นสีขาว มันค่อนข้างจะเห็นได้ยากหน่อย” ซลาตัน เป็นคนที่รักครอบครัวเหนือสิ่งอื่นใด นั่นทำให้รอยสักบริเวณด้านหน้าของ ซลาตัน ส่วนใหญ่จะเป็นลายที่มีความหมายเกี่ยวกับครอบครัวอันเป็นที่รักของเขา เริ่มที่มือขวา ซลาตันสักวันเดือนปีเกิดของลูก ๆ ทั้งสอง รวมถึงชื่อพ่อของเขาและน้องอีกสองคน ส่วนบริเวณต้นแขนขวา ซลาตัน ก็สักชื่อลูกทั้งสองของเขาด้วยฟอนด์อารบิกเช่นกัน และถึงแม้พ่อของเขาจะทิ้งเขาไปในตอนเด็กแต่ ซลาตัน ก็ยังคงระลึกถึงชายผู้ให้กำเนิดเขาเสมอ ซลาตัน สักชื่อพ่อของเขา ‘Sefik’ ลงบริเวณต้นแขนขวาด้านหน้า ส่วนข้อมือซ้าย ซลาตัน สักคำว่า ‘Jurka’ และ ‘Sanela’ ชื่อทั้งสองคือชื่อของแม่และน้องสาวของเขา ซึ่ง ซลาตัน เคยให้เหตุผลว่าสาเหตุที่สักไว้ด้านซ้ายเพราะมันใกล้กับหัวใจ ส่วนสาเหตุที่สักชื่อพ่อและน้องชายไว้ฝั่งขวาเพราะมันแสดงถึงความแข็งแกร่ง สำหรับต้นแขนซ้ายด้านหน้า ก็เป็นอีกที่ที่ ซลาตัน สักชื่อแม่ของเขาไว้เป็นฟอนด์แบบอารบิก เหมือนที่สักชื่อของพ่อไว้ฝั่งตรงข้ามกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เขาเรียกมันว่า ‘Ibrahimovic code’ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช รอยสักของพระเจ้า กับเรื่องราวภายใต้ความเจ็บปวด        ชายโครงขวาของ ซลาตัน จะมีลายไพ่เอซ หัวใจ 2 ใบ ใบหนึ่งมีตัวอักษร ‘H’ ด้านในเพื่อให้เกียรติกับภรรยาของเขา เฮเลน่า ซีเกอร์ ส่วนอีกใบแสดงถึงความโชคดี และบริเวณชายโครงขวาด้านล่าง จะเป็นรูปมังกรแดงแสดงบุคลิกภาพในด้านความเป็นนักรบนักสู้ภายในตัวเขา มังกรแดงรูปนี้ ซลาตัน ได้ไอเดียมาจากวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ถ้าพูดรอยสักบริเวณหลังของ ซลาตัน ลายส่วนใหญ่เขาต้องการจะสื่อถึงตัวตนของเขาเอง เริ่มที่บริเวณสะบักหลังซ้าย ปลาคาร์ฟถือเป็นปลาที่ถูกนิยามว่าเป็นปลาที่ว่ายทวนน้ำ ซลาตัน เคยพูดไว้ในหนังสือของเขาว่า “ผมชอบปลาชนิดนี้เพราะมันชอบทำอะไรสวนกระแสเหมือนผม” หลังช่วงล่าง ลายวิทรูเวียนแมน อันโด่งดังของศิลปินก้องโลก ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี ในช่วงปี ค.ศ.1490 ถือเป็นอำนาจเชิงสัญลักษณ์ที่ ซลาตัน ชอบ สะบักหลังขวา ลายขนนกอินทรีแสดงถึงความแข็งแกร่งและความกล้าหาญ ถือเป็นสัญลักษณ์และความเชื่อของอเมริกา ส่วนบริเวณต้นแขนขวาจะเป็นรอยสักลายสไตล์นเผ่าเมารี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เขาเชื่อว่ามันจะปกป้องคุ้มครองเขาและครอบครัว ร่วมถึงนำพาความโชคดีมาสู่ชีวิต ซลาตัน อิบราฮิโมวิช รอยสักของพระเจ้า กับเรื่องราวภายใต้ความเจ็บปวด        นอกจากนี้ ซลาตัน ยังนับถือในหลักคำสอนของศาสนาพุทธอีกด้วย เขาได้สักยันต์พุทธหลายจุด เริ่มที่บริเวณสะบักหลังขวา ยันต์พระเจ้าเข้านิโรธ สัญลักษณ์ที่สักแล้วเชื่อว่าจะป้องกันความเจ็บปวด และบริเวณกลางหลังเกือบช่วงล่าง อีกหนึ่งสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาที่แสดงถึงองค์ประกอบของน้ำ ลม ไฟ พื้นที่ และวิสัยทัศน์อันกว้างไกล นอกจากฝีเท้าในการทำประตูแล้วนั้นฝีปากของยอดกองหน้ารายนี้ก็ไม่เคยเป็นสองรองใคร เขามักจะเปรียบตัวเองเป็นดั่งเทพหรือราชสีห์เสมอจนคนที่ชมฟุตบอลจะรู้กันดีว่า ถ้าพูดถึงพระเจ้าและราชสีห์ทุกคนคนจะนึกถึง ซลาตัน ก่อนเสมอ ประโยคที่เราคุ้นหูที่เจ้าตัวมักชอบพูดอย่าง "ราชสีห์ไม่ได้ฟื้นตัวเหมือนมนุษย์”, “ราชสีห์ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับมนุษย์” ถือเป็นวลีเด็ดของเจ้าตัวที่กลายเป็นเครื่องหมายการค้าและด้วยความมั่นหน้ามั่นโหนกของ ซลาตัน เขาจึงปิ๊งไอเดียไปสักบริเวณกลางหลังเป็นลายราชสีห์ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช รอยสักของพระเจ้า กับเรื่องราวภายใต้ความเจ็บปวด        ซี่โครงขวาของซลาตันจะมีคำว่า “Only God Can Judge Me” ซึ่งเป็นชื่อเพลงของอดีตแร็ปเปอร์ผู้ล่วงลับ ทูแพ็ค ซ่อนอยู่ โดย ซลาตัน ให้เหตุผลที่สักลายนี้ว่า “มันเป็นคำจากเพลงของแร็ปเปอร์ ทูแพ็ค พวกเขาจะเขียนอะไรก็ได้ลงกระดาษหรือแม้กระทั่งแหกปากอะไรก็ได้บนเวที ไม่มีใครสามารถมาตัดสินพวกเขาได้นอกจากพระเจ้า ผมชอบนะ” ซลาตัน มีรอยสักบริเวณบั้นท้ายที่เราไม่ค่อยจะได้เห็น ซึ่งมันถูกปรากฎเป็นครั้งแรกหลัง ซลาตัน ได้ไปถ่ายปกในคอนเซ็ปต์นู๊ดของ ESPN ลายดังกล่าวเป็นลาย แมนดาลา เป็นภาพงานศิลปะที่แสดงถึงจักรวาลทั้งหมด ซึ่งซลาตัน เผยว่านี่คือลายที่เจ็บที่สุดที่เขาเคยสักมา เพราะช่างต้องใช้วิธีโดยการเอาเข็มจิ้มไปที่บริเวณบั้นท้ายทั้งสองข้างกว่าพัน ๆ ครั้ง ย้อนกลับไปช่วงที่ ซลาตัน ลงสนามให้กับ เปแอสเช ในเกมส์ลีกเอิงที่พบกับ สต๊าด มัลแลร์บ ก็อง ในวันนั้นทันทีที่ ซลาตัน สามารถทำประตูได้ เขาได้ถอดเสื้อออกและโชว์รอยสักที่เต็มไปด้วยชื่อของเด็ก 15 คนที่อยู่ใน โครงการเด็กผู้หิวโหยอดอยากไร้บ้านจากองค์การสหประชาชาติ เขาเชื่อว่าตนจะสามารถเป็นตัวกลางที่ช่วยเด็กเหล่านี้ในมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ “ผมมีรอยสักที่สามารถลบได้ 15 ลาย ทั้งหมดเป็นชื่อคนจริง ๆ ที่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยและอดอยาก แม้ปัจจุบันรอยสักเหล่านั้นจะหายไปแล้วแต่คนเหล่านี้ยังอยู่ ผมหวังว่าคุณจะมองเห็นพวกเขาผ่านผม” ปัจจุบัน ซลาตัน กลายเป็นดาวดังคนใหม่ของวงการกีฬามะกันและยังไม่มีท่าทีจะแขวนสตั๊ดแต่อย่างใด เช่นเดียวกับความหลงใหลในรอยสัก ที่นับวันจะมีลายมากขึ้นเรื่อย ๆ   ที่มา : https://www.sportswallah.com/football/fashion/zlatan-ibrahimovics-tattoos-explained/ https://bodyartguru.com/zlatan-ibrahimovic-tattoos/