20 ม.ค. 2564 | 21:56 น.
แชดวิก โบสแมน (Chadwick Boseman) เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ทั่วโลกไม่กี่คนที่ทั่วโลกรู้จักในฐานะราชา เขาคือคนที่เหล่าแฟนคลับสามารถเรียกว่า ฝ่าบาท พร้อมกับทำท่า Wakanda Salute ให้พร้อมกับความเคารพรักยิ่งประหนึ่งเขาคือพระราชาแห่งประเทศวากานด้าตัวจริง
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ประเทศสมมุติจากคอมิคของ Marvel แต่เมื่อ Black Panther ออกฉายในปี 2018 มันได้กลายเป็นมากกว่าหนังซูเปอร์ฮีโรเรื่องหนึ่ง มันคือปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ในระดับที่ยากจะหาภาพยนตร์เรื่องไหนเทียบเท่า
นอกเหนือจากบทบาทฝ่าบาท ทีชัลลา แห่งวากานด้าแล้ว โบสแมน ยังรับบทบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงของชาว African-American อีกมากมาย เช่นเรื่อง 42 เขารับบทเป็น แจ็คกี้ โรบินสัน นักเบสบอลผิวดำคนแรกที่ได้เล่นใน Major League Baseball (MLB) และเรื่อง Marshall ซึ่งเขารับทเธอร์กู้ด มาร์แชล ผู้พิพากษาผิวดำคนแรกของสหรัฐอเมริกา
แต่ใครเลยจะล่วงรู้ว่าดวงดาวที่สุกสว่างและกำลังสร้างแรงบันดาลใจส่องแสงนำทางให้กับเยาวชนคนรุ่นหลังเช่นนี้ จะจากไปด้วยวัยเพียง 43 ปี ในวันที่ 28 สิงหาคม ปี 2020 ซึ่งเต็มไปด้วยเหตุการณ์ภัยพิบัติ ไวรัสระบาด และโศกนาฏกรรมมากมาย
ดวงดาวดวงหนึ่งได้สิ้นแสงลง ทว่าการเสียชีวิตของเขากลับทำให้ทุกคนจดจำเขา และเคารพรักเขายิ่งกว่าเดิม จากการที่เขาต่อสู้กับภัยร้ายที่มองไม่เห็นอย่างโรคมะเร็งลำไส้มาเป็นเวลาถึง 4 ปี โดยไม่ปริปากบอกใคร แม้กระทั่งในเวลาที่เขารับบทซูเปอร์ฮีโรราชาแห่งวากานด้าก็ตาม...
จากตำนานสู่ตำนาน
แชดวิก โบสแมน เกิดที่เมืองแอนเดอร์สัน เซาท์แคโรไลนา แม่ของเขาเป็นพยาบาล และพ่อเป็นเจ้าหน้าที่โรงงานทอผ้า ครอบครัวของเขาแม้ว่าจะเป็นคนชั้นกลางธรรมดาแต่ก็ตั้งใจส่งเสียให้เด็ก ๆ ในบ้านได้มีโอกาสทางการศึกษาที่ดีที่สุด ตัวเขาเองมีความภูมิใจในสายเลือดแอฟริกันของเขามาโดยตลอดถึงขั้นเคยไปตรวจ DNA เพื่อสืบหาว่าบรรพบุรุษของเขามาจากที่ใด
ซึ่งปรากฏว่าเขามีเชื้อสายชาวครีโอล และ ลิมบา ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์จากประเทศเซียร์ราลีโอน ผสมกับชาว ยอรูบา จากประเทศไนจีเรีย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มคนต้นตระกูลของชาว African-American ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่สมัยลัทธิล่าอาณานิคม
โบสแมน เป็นคนที่ใฝ่เรียนรู้และมีความสามารถหลายด้านทั้งด้านกีฬาและศิลปะ เมื่อเติบโตถึงวัยเข้ามหาวิทยาลัยเขาเคยเกือบจะได้เข้าเรียนในฐานะนักกีฬาบาสเก็ตบอล แต่เขาเลือกมาเรียนด้านศิลปะการแสดงที่เขารักมากกว่าโดยได้ศึกษาที่มหาวิทยาลัย Howard University สถาบันการศึกษาสำหรับคนผิวดำในอเมริกาที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน
หลังจากนั้นเมื่อแชดวิกจบการศึกษาสาขาการกำกับภาพยนตร์ โชคชะตาของเขาก็ทำก็มาเกี่ยวพันกับ เดนเซล วอชิงตัน นักแสดงระดับตำนานเจ้าของสองรางวัลออสการ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะวอชิงตันเป็นผู้สนับสนุนออกเงินทุนการศึกษาให้เขาได้เรียนต่อที่ British American Drama Academy ที่อ็อกซ์ฟอร์ดประเทศอังกฤษ
บุญคุณครั้งนี้ โบสแมนไม่เคยลืมและระลึกถึงเสมอว่าเขามีทุกวันนี้ได้เพราะนักแสดงรุ่นพี่ช่วยส่งต่อความหวังและโอกาส ให้กับคนตัวเล็ก ๆ แบบเขา
“ไม่มี Black Panther ในวันนี้ หากไม่มี เดนเซล วอชิงตัน” โบสแมนกล่าวสดุดีวอชิงตัน ในงาน AFI Life Achievement Award เมื่อปี 2019
ทั้งสองได้ร่วมงานกันอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Ma Rainey's Black Bottom ที่กลายเป็นผลงานหนังเรื่องสุดท้ายในชีวิตของเขา ซึ่งเรื่องนี้วอชิงตัน เป็นโปรดิวเซอร์ด้วยตัวเอง ในช่วงตลอดระยะเวลาถ่ายทำวอชิงตันเองก็ไม่ได้รับรู้มาก่อนเลยว่า โบสแมนกำลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง เขารู้สึกเสียใจไม่น้อยไปกว่าใครที่นักแสดงรุ่นน้องที่ต้องมาจากไปก่อนวัยอันควรเช่นนี้
แต่เขาก็ซาบซึ้งใจมากที่โบสแมนได้ฝากผลงานการแสดงแบบทุ่มสุดพลังฝากไว้ครั้งสุดท้าย
“เขาทำทุกสิ่งที่เขาสามารถทำได้แล้ว เขาได้ให้เราในสิ่งที่ที่เขาเคยได้รับมา และเขาได้ทิ้งมันไว้ให้กับเราเพื่อให้เราได้มีความสุขต่อไป แชดจะมีชีวิตอยู่ในใจเราตลอดไป”
รปภ. ตาถึง
ก่อนจะมาเป็นฝ่าบาททีชัลล่า ราชาแห่งวากานด้า จากเรื่อง Black Panther คนที่มีสายตาแหลมคมและมองออกว่าเขาคือว่าที่ราชาซูเปอร์ฮีโรกลับไม่ใช่แมวมองจากสตูดิโอไหน แต่เป็นชายชาวออสเตรเลีย นามว่า ชาร์ลส์ คาร์เตอร์ ผู้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในกองถ่ายภาพยนตร์ Gods of Egypt เมื่อปี 2014 ที่โบสแมนรับบท ธอธ เทพแห่งปัญญา
คาร์เตอร์เผยว่าโบสแมนไม่ได้ทำตัวเหมือนนักแสดงฮอลลีวูดทั่วไปและเป็นกันเองกับเขามาก ๆ จนทั้งสองสนิทสนมกันเพราะต่างก็ชอบเรื่องศิลปะการต่อสู้และโบสแมนมักคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคการต่อสู้อยู่บ่อย ๆ จนวันหนึ่งคาร์เตอร์ถามโบสแมนว่าเขารู้จักเรื่อง Black Panther หรือเปล่าและโบสแมนตอบว่ารู้จัก
คาร์เตอร์ เป็นแฟนตัวยงของคอมิคเรื่อง Black Panther เขาอ่านมันตั้งแต่อายุ 10 ขวบและเก็บสะสมเล่มแรกฉบับพิมพ์ครั้งแรกในปี 1977 เอาไว้ด้วย คาร์เตอร์บอกกับโบสแมนว่า บท Black Panther เหมาะสมกับเขามากและเขาควรจะรับบทนี้
ในตอนนั้นโบสแมนยังไม่รู้เลยว่า Marvel มีแผนจะสร้างหนังเรื่องนี้และไม่ได้นึกฝันว่าเขาจะได้มารับบท แต่คาร์เตอร์กลับมั่นใจในตัวเขา คาร์เตอร์กลับบ้านไปเอาคอมิค Black Panther เล่มแรกมาวางให้กับโบสแมนในเทรลเลอร์ของเขาพร้อมกับเขียนโน้ตเอาไว้ว่า “ผมเชื่อว่าคุณจะเป็น Black Panther”
โบสแมนทึ่งกับน้ำใจของคาร์เตอร์ และพยายามจะคืนคอมิคเล่มนั้น เพราะมันจะมีมูลค่าสูงมากหากมีการสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาจริง ๆ แต่คาร์เตอร์ยืนยัน “ ไม่ คุณเก็บไว้เถอะ เอาไว้เป็นเครื่องรางที่จะได้อยู่กับคุณตลอดไปนะ แต่อย่าลืมผมละกันตอนที่คุณดังแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตไว้ โบสแมนได้รับการทาบทามจาก Marvel ให้มารับบท Black Panther ในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้นเอง ตอนนั้นเขาอยู่ที่ซูริค ประเทศสวิสเซอร์แลนด์กำลังโปรโมทภาพยนตร์เรือง Get On Up ที่เขารับบทเป็นเจมส์ บราวน์ ศิลปินชื่อก้องโลก และได้รับสายโทรศัพท์จาก Marvel โทรมาทาบทามให้เขามาเป็น Black Panther
โบสแมน ตกลงและเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้รับการประกาศว่าเป็น Black Panther โดยโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ และคริส อีแวนส์ ในงานประกาศแผนการสร้างภาพยนตร์ Marvel Phase 3
โบสแมนรับบททีชัลล่าหรือ Black Panther ครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Captain America: Civil War (2016) เขาไม่เคยลืมคาร์เตอร์ผู้ยืนยันว่าเขาเหมาะสมกับบทนี้ โบสแมนเอ่ยชื่อของคาร์เตอร์ทุกครั้งที่มีโอกาสในการสัมภาษณ์ว่าเขามาเป็น Black Panther ได้อย่างไรแต่คาร์เตอร์ไม่เคยที่จะอยากเปิดเผยตัวแม้ว่าจะมีสื่อสนใจขอสัมภาษณ์เขามากมายแต่เขาก็ปฏิเสธ เพราะเขาไม่อยากเคลมเครดิตใด ๆ
“ผมไม่ได้มีส่วนทำให้เขาเป็น Black Panther มันมาจากความสามารถของเขาล้วน ๆ” คาร์เตอร์ให้เหตุผล
ทว่าโบสแมน ก็รักษาสัญญาที่เขามีกับคาร์เตอร์ แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันนานแต่ก่อนที่ Black Panther จะได้เข้าฉายในปี 2018 โบสแมนได้ติดต่อไปยังคาร์เตอร์ที่ตอนนั้นมาทำงานที่ Las Vegas พอดีและได้เชิญคาร์เตอร์และครอบครัวมาดูหนังในรอบพรีเมียร์และทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้งในงาน After Party ซึ่งทั้งคู่ได้ถ่ายรูปกันคาร์เตอร์ได้เจอกับนักแสดงคนอื่น ๆ ของ Black Panther ด้วย
แชดวิก โบสแมน สง่างามสมกับเป็นราชา Black Panther ของเขาแม้ว่าเขาจะกลายเป็นนักแสดงระดับโลกไปแล้วแต่คาร์เตอร์เผยว่าเขายังคงเป็นคนเดิมที่ยังคงเป็นกันเองและใส่ใจในคนใกล้ชิดของเขามากกว่าหลงไปกับชื่อเสียงและนั่นทำให้คาร์เตอร์ภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งเขามองคนไม่ผิด
และเมื่อโบสแมน จากไป คาร์เตอร์เองก็หัวใจสลายเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ “ ไม่มีใครที่จะมาเป็น Black Panther ได้ในตอนนี้ วากานด้ายังคงอยู่ต่อไปได้ แต่ไม่มีใครมาแทนราชาทีชัลล่าได้ มือเขียนบทควรจะพัฒนาตัวละครนำคนใหม่ จะเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง หรือชาวผิวสีคนอื่น ๆ ก็ได้ แต่ไม่ใช่การแทนที่แชดวิก โบสแมนได้ เพราะนั่นเป็นไปไม่ได้เลย”
แชดวิกโบสแมนและประเทศไทย
Da 5 Bloods ผลงานของผู้กำกับสไปค์ ลี เกี่ยวกับสงครามเวียดนาม ที่โบสแมนเป็นหนึ่งในนักแสดงเรื่องนั้นได้มาถ่ายทำในประเทศไทยในช่วงต้นปี 2019 ซึ่งถ่ายทำกันที่เชียงใหม่ โบสแมนไ ด้เล่าเรื่องราวความประทับใจนี้ในรายการ The Late Late Show With James Corden ว่า ตอนที่มาถ่ายนั้นเป็นช่วงสงกรานต์แต่ตอนนั้นที่เชียงใหม่มีปัญหาฝุ่น PM 2.5 คนเลยใส่หน้ากากกันฝุ่นออกไปเล่นน้ำกัน ตัวเขาเองก็อยากเล่นบ้าง เลยใส่หน้ากากกันฝุ่นออกไปเล่นน้ำด้วย คิดว่าคนคงจะจำไม่ได้
“ผมใส่แมสก์ออกไปเพื่อจะร่วมสนุกโดยหวังว่าพวกเขาจะจำผมไม่ได้ ผมใส่ทั้งหมวกทั้งฮู้ดเพื่ออำพรางแต่แล้วผู้คนเห็นผมก็ยังทำท่า Wakanda ใส่อยู่ดี ผมปิดไปแล้วตั้งครึ่งหน้า แต่พวกเขาก็จำผมได้ ผมรู้สึกทึ่งมากแบบว่า โอ้ มายก๊อด”
นอกจากนี้เขายังได้โพสต์คลิปเกี่ยวกับการเล่นน้ำสงกรานต์ในกองถ่าย Da 5 Bloods ช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2020 เพียงแค่ประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ในคลิปนั้นจึงเป็นหนึ่งในคลิปส่วนตัวที่ได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังก้องเป็นเอกลักษณ์ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย
เขาคือฮีโรในฐานะ แชดวิก โบสแมน
หนึ่งในคลิปที่แชร์ส่งต่อกันมากที่สุดหลังจากแชดวิก โบสแมน เสียชีวิต คือคลิปที่เขาหลั่งน้ำตาระหว่าง ให้สัมภาษณ์กับ SiriusXM ในปี 2018 ระหว่างโปรโมท Black Panther เกี่ยวกับเด็กน้อยผู้ป่วยมะเร็งสองคนนามว่าเอียน กับเทเลอร์ ที่เขาได้ติดต่อระหว่างที่ถ่ายทำ Black Panther เขารู้จากครอบครัวของน้อง ๆ ว่าทั้งสองป่วยหนักมากแต่พยายามที่จะอยู่ต่อเพื่อที่จะได้ดู Black Panther ทว่าทั้งสองคนเสียชีวิตก่อนที่จะได้ชม มันทำให้เขาสะเทือนใจมาก และรับรู้ว่าหนังเรื่องนี้สำคัญมากและทรงอิทธิพลมากแค่ไหน
“ผมได้ตระหนักว่าพวกเขารอคอยในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ผมนึกไปถึงตัวเองสมัยยังเด็ก ผมรอคอยการมาถึงของคริสต์มาส รอคอยให้ถึงวันเกิดตัวเอง รอคอยที่จะได้เล่นของเล่น รอคอยที่จะได้เล่นวิดีโอเกม ผมรอคอยในสิ่งต่างๆ เหล่านั้นแต่สำหรับน้องสองคนพวกเขาเฝ้ารอคอยที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้ และตอนที่ผมรู้ว่าพวกเขา…(ร้องไห้) ใช่ มันเป็นเรื่องที่มีความหมายมากครับ”
ในปี 2018 คลิปนี้เป็นไวรัลเพราะทุกคนต่างซึ้งใจในความอ่อนโยนของแชดวิก ที่เป็นฮีโรที่สมบูรณ์แบบและเป็นแบบอย่างให้กับเด็ก ๆ และเขาไม่กลัวที่จะร้องไห้ออกมาทำให้รู้ว่าฮีโร่เองก็อ่อนแอได้และร้องไห้เป็นเหมือนกัน อีกทั้งเขาก็ได้ไปเยี่ยมเยือนผู้ป่วยโรคมะเร็งในวาระต่าง ๆ อีกหลายครั้ง ซึ่งตอนนั้นไม่เคยมีใครรู้เลยว่าเขาเองก็กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน
โบสแมนได้รับการวินิจฉันว่าเป็นมะเร็งลำไส้ตั้งแต่ปี 2016 และผู้กำกับไรอัน คูกเลอร์ได้ออกมายืนยันหลังจากที่เขาเสียชีวิตว่าทีมงานไม่มีใครรู้เลยว่าเขาป่วย มันคือความลับที่เขาเก็บเอาไว้กับตัวตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เขาคือฮีโร่ผู้กล้าหาญที่ออกไปให้กำลังใจคนอื่น ๆ ในขณะที่ตนเองต่อสู้กับอาการป่วยโดยไม่เคยปริปาก
แชดวิก โบสแมนได้รับการยกย่องจากวงการภาพยนตร์หลังจากเสียชีวิต โดยรายการประกาศผลรางวัล MTV Movie & TV Awards: Greatest of All Time ได้มอบรางวัล Hero for the Ages ให้กับเขาโดยมีเพื่อนนักแสดงซูเปอร์ฮีโร ทั้งดอน ชีเดิล และโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เป็นผู้กล่าวสดุดี
“เขาได้แสดงออกถึงความไม่เห็นแก่ตน และได้ทำสิ่งดีงามมากมายที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับโลกนี้อย่างมหาศาลจนมากเกินจะกล่าวในที่นี้ เขาได้ไปเยี่ยมเยือนและต่อสู้ไปกับครอบครัว เพื่อนฝูง และแฟน ๆ ผู้ซึ่งบางคนเองก็ต่อสู้กับภัยร้ายที่มองไม่เห็นเช่นเดียวกับเขา เขาเป็นวีรบุรุษที่สุดเมื่อยามที่เขาเป็นแชด และนั่นมันคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าบทบาทใด ๆ ที่เขาเคยได้รับมา” โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์กล่าว
“พวกเราต่างภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสดุดีแก่เขา ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล และวีรบุรุษแห่งยุคสมัย แชดวิก โบสแมน” ดอน ชีเดิลกล่าวสรุป
และนั่นไม่ใช่เรื่องที่กล่าวเกินจริงเลย แชดวิก โบสแมนได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกไปแล้วเฉกเช่นเดียวกับบุคคลสำคัญต่าง ๆ ที่เขาเคยได้รับบทมา และในอนาคตเชื่อว่าจะมีเด็ก ๆ อีกมากมายที่เติบโตมาโดยมีเขาเป็นแบบอย่าง และเป็นฮีโรในดวงใจอย่างไม่เคยลืมเลือน
เรื่อง: เพจ ผู้ชายคนนั้นจากหนังเรื่องนี้
อ้างอิง: