ต้าร์-วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์: The Missing People...ผู้ลี้ภัยที่หายตัวไป
“โอ๊ย…หายใจไม่ออก ๆ” คือคำพูดสุดท้ายของต้าร์-วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเย็นวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ที่สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ได้รับจากปลายสายของน้องชายที่ลี้ภัยอยู่ ณ ประเทศกัมพูชา โดยที่เธอเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่า นั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับน้องชาย
ต้าร์-วันเฉลิม จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง พื้นเพเดิมเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี วันเฉลิมมีความสนใจในการแสดงออกทางการเมือง และมักจะร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทั้งการเป็นประธานนักเรียน งานช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือชาวบ้าน ร่วมงานการกุศลกับองค์กรภาครัฐ ซึ่งทั้งหมดทำให้วันเฉลิมเริ่มสนใจงานการเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสทำงานที่เกี่ยวข้องกับสถาบันเยาวชนเพื่อไทย พรรคเพื่อไทย และยังเคยรับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านเผยแพร่ข่าวสารประชาสัมพันธ์ ที่มีการแต่งตั้งโดยสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อครั้งเหตุการณ์การประท้วงเมื่อปีพ.ศ. 2557 ด้วย
ทว่า ภายหลังการรัฐประหารในปีพ.ศ. 2557 โดยคสช. วันเฉลิมเป็นอีกหนึ่งรายชื่อที่ได้รับคำสั่งเรียกรายงานตัว แต่เขาปฏิเสธที่จะเข้าพบ และนั่นทำให้วันเฉลิมถูกออกหมายจับในคดีฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัว รวมถึงหมายจับจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในปีพ.ศ. 2558 และคดีการกระทำความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์
“พี่นึกว่าต้าร์ประสบอุบัติเหตุ โดนรถชน เพราะตอนที่ต้าร์คุยกับพี่ ต้าร์ยืนซื้อลูกชิ้นหน้าที่พัก ยังไม่คิดว่าจะโดยอุ้มด้วยซ้ำ ต่อมามีคนมาบอกพี่ว่า ต้าร์โดนอุ้ม พี่ถึงได้รู้ และต่อจากนั้น พี่พยายามติดต่อทุกทางเพื่อหาทางช่วยน้องชาย โดยตอนนี้ที่ไปทำแล้วก็คือการแจ้งความกับทางการกัมพูชาว่า มีเหตุเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ ทางสหประชาชาติ (UN) ก็ได้ติดต่อมาทางพี่โดยตรง และกำลังเตรียมเรื่องอย่างเร่งด่วน เพื่อส่งไปทางสำนักงานใหญ่ของ UN กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์” สิตานัน พี่สาวของวันเฉลิมเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อครั้งที่เกิดการหายตัวไปของน้องชายเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
แม้ร่องรอยการหายตัวของต้าร์-วันเฉลิม จะไม่ปรากฏขึ้น แต่สิตานันไม่วางมือจากเรื่องนี้ง่าย ๆ เธอตัดสินใจจ้างทนายความและเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อขอให้ทางการสืบสวนการหายตัวไปของน้องชาย ซึ่งเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา สิตานันได้เข้ายื่นหลักฐานต่อศาลกัมพูชา หลังจากที่ทางการกัมพูชาเคยออกมายืนยันก่อนหน้านี้ว่า กรณีวันเฉลิมไม่ใช่การลักพาตัวแต่อย่างใด และทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่มีแผนการที่จะสืบสวนเรื่องนี้ต่อ
การหายตัวไปของวันเฉลิมเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่กระแสธารการตื่นตัวทางการเมืองในประเทศเริ่มคุกรุ่นมากขึ้น จากแฮชแท็กกว่าล้านทวีตในโลกออนไลน์ นำไปสู่การรวมตัวจัดกิจกรรมเรียกร้องความยุติธรรมให้กับวันเฉลิม และกรณีผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ถูกอุ้มหายก่อนหน้านั้น โดยนิสิต นักศึกษา จากหลายมหาวิทยาลัยมารวมตัวกันบริเวรณลานสกายวอล์ค ปทุมวัน เริ่มมีการใช้โบว์สีขาวผูกตามสถานที่สำคัญ ๆ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบรัฐบาล อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรมทหารราบที่ 11 รวมถึงมีนักกิจกรรมทางการเมืองเข้ายื่นหนังสือต่อสถานทูตกัมพูชาในเวลาต่อมาด้วย
"เขาเป็นคนง่าย ๆ เป็นมิตร สุภาพ ไม่กลัวอะไรเลย ชอบชวนคุยเรื่องการเมือง เคยบอกด้วยว่าไม่ชอบประยุทธ์ แต่ชอบทักษิณ ต้าร์พูดบ่อย ๆ ว่าเขาอยากเห็นคนไทยมีเสรีภาพ" คำบอกเล่าจากเพื่อนของวันเฉลิมที่ประเทศกัมพูชาบอกว่า ช่วงหลังต้าร์บอกกับเธอว่า มีคนกำลังตามหาตัวเขาอยู่ ถ้ามีใครมาถามอะไรกับเธอให้ปฏิเสธไปว่า ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลานานกว่าครึ่งปีแล้วที่ยังไม่มีเบาะแสหรือร่องรอยการหายตัวไปของต้าร์-วันเฉลิม ให้เราได้ทราบกัน ทางการไทยเองก็ไม่ได้มีท่าทีในการตามหาเพื่อสืบสวนแต่อย่างใด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การหายตัวไปของคนคนหนึ่งไม่ควรถูกเพิกเฉยไม่ว่าจะด้วยกรณีใดทั้งสิ้น ในฐานะพลเมืองไทย และในฐานะที่คนทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน เรื่องนี้จึงไม่ใช่สิ่งปกติที่ควรจะเกิดขึ้น
และก็ยังไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่า กรณีของต้าร์-วันเฉลิม จะเป็นคนสุดท้ายที่ถูกบังคับให้สูญหายหรือไม่
ที่มา
https://www.bbc.com/thai/thailand-52981954
https://www.bbc.com/thai/thailand-55226468
https://www.bbc.com/thai/thailand-53076306
https://news.thaipbs.or.th/content/299029
https://www.matichon.co.th/politics/news_2216714
https://thematter.co/.../wanchalerm-1month-of.../116459
เรื่อง: พิราภรณ์ วิทูรัตน์