มหกรรมกีฬาของอเมริกันชนอย่าง "ซูเปอร์โบว์ล" ต้องมาพร้อมกับโชว์ช่วงพักครึ่งหรือ ฮาล์ฟไทม์ โชว์ (Halftime Show) ซึ่งศิลปินที่จะได้แสดงในช่วงเวลานี้มักจะเป็นเหล่าศิลปินเบอร์ท็อปของวงการ เรียกได้ว่าใครได้แสดงใน ฮาล์ฟไทม์ โชว์ ถือว่าเป็นการการันตีความสำเร็จในระดับหนึ่ง
ทำไมคนดูถึงเยอะ ? “ซูเปอร์โบว์ล” ถือเป็นการแข่งขันกีฬาที่มีมูลค่ามากที่สุดของโลก (ถ้านับแค่เกมเดียว) ถ้านับเฉพาะในอเมริกาการแข่งขันนี้มียอดคนเข้าชมมากกว่า 100 ล้านคนทั่วประเทศ และยังไม่รวมการถ่ายทอดสดในอีกกว่า 200 ประเทศทั่วโลก
โดยในปีนี้ในซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 53 ที่เมืองแอตแลนต้า ช่วง ฮาล์ฟไทม์ โชว์ เป็นคิวของวงมหาชนอย่าง “Maroon 5” เจ้าของเพลงฮิตอย่าง This Love หรือ Girls Like You แต่ภายหลังจากที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการก็มีคนจำนวนมากออกมาไม่พอใจการตัดสินใจในครั้งนี้ของ NFL และบีบให้ทางวงถอนตัว หลายคนมองว่าพวกเขายังไม่ถึงขั้นพอสำหรับเวทีนี้ แต่ประเด็นสำคัญที่พูดถึงมากที่สุดคือจุดยืนของวงต่อปัญหาคนผิวสีในสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้นักร้องสาวอย่าง ริฮานน่า และแร็ปเปอร์ตัวพ่ออย่าง เจย์ ซี คือตัวเต็งที่ทาง NFL เล็งให้มาแสดงในช่วงพักครึ่ง แต่ทั้งคู่ก็ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ว่าจะไม่ขอมีส่วนร่วมกับ NFL จนกว่าลีกจะชัดเจนในเรื่องปัญหาของ โคลิน เคเปอร์นิก
ขออนุญาตเล่าสั้น ๆ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 โคลิน เคเปอร์นิก ควอเตอร์แบ็กของทีม ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนเนอร์ ปฏิเสธที่จะยืนตรงเคารพเพลงชาติสหรัฐฯ ก่อนเริ่มเกมและตัดสินใจเลือกคุกเข่าแทน เพื่อเป็นการประท้วงความไม่ยุติธรรมต่อคนผิวสีในสหรัฐฯ เพราะในช่วงปีดังกล่าวมีข่าวเกี่ยวกับคนผิวสีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายและถูกยิงเสียชีวิตมากมาย
สิ่งที่ เคเปอร์นิก ทำกลายเป็นการจุดชนวนประเด็นให้กับสังคม จนต่อมามีเพื่อนนักกีฬาและเหล่าคนดังหลายคนออกมาร่วมสนับสนุนสิ่งที่เขาทำ เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับลีกอย่างมากจนสุดท้าย เคเปอร์นิก ถูกคว่ำบาตรและไม่ได้รับโอกาสในการกลับมาเล่นอีกเลย
[caption id="attachment_3250" align="aligncenter" width="640"]
Maroon 5[/caption]
ในรอบปีกว่าที่ผ่านมา Maroon 5 มีเพลงฮิตติดชาร์ทอย่าง Girls Like You ที่มียอดคนดูบนยูทูบเกือบสองพันล้านวิว แน่นอนว่าหลังจากที่รู้ว่า Maroon 5 จะได้ขึ้นเล่น ทางลีกพยายามติดต่อไปที่ คาร์ดี บี นักร้องสาวผู้ที่ร่วมร้องในเพลงนี้ แต่ให้ทายสิว่าสาวคาร์ดีตอบกลับลีกว่าอะไร... “ไม่” นี่คือคำที่นักร้องสาวคนดังปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมกับโชว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้เช่นกัน
ว่ากันว่าทางลีกพร้อมจ่ายเม็ดเงินสูงกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์เพื่อให้คาร์ดี มาขึ้นโชว์ “คุณต้องยอมเสียสละเพื่อบางสิ่ง ฉันปฏิเสธเงินจำนวนมาก แต่ชายคนนั้นคือคนที่เสียสละอาชีพของตัวเองเพื่อเรา ดังนั้นเราจำเป็นต้องยืนหยัดร่วมกับเขา” คาร์ดี พูดถึง เคเปอร์นิก
ก่อนเกมจะเริ่มไม่นานมีผู้ชายรายหนึ่งออกมาล่ารายชื่อในเว็บไซต์ change.org เพื่อให้ทางวงถอนตัวออกจากโชว์ซะ ซึ่งปัจจุบันมีคนร่วมลงชื่อแล้วกว่าหนึ่งแสนคน ด้าน อดัม เลวีน ฟรอนต์แมนของวงให้สัมภาษณ์กับทาง ET เกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าพวกเขาไม่รู้สึกว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ผิดแต่อย่างใด
“ผมคงทำไม่ถูกตามหลักวิชาชีพ ถ้าไม่สามารถรับมือกับปัญหาแบบนี้ ถ้าถามว่าพวกเราคาดหวังอะไร พวกเราหวังจะเดินหน้าและใช้ดนตรีของเราพูดออกมา” และเมื่อถูกถามว่าเขาตัดสินใจยากหรือไม่ท่ามกลางความขัดแย้งนี้หนุ่มเลวีน ก็ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมนิ่งสงบและฟังเสียงรบกวนภายนอกทั้งหมด และฟังเสียงของตัวเอง ผมตัดสินใจภายใต้ว่าผมรู้สึกอย่างไร” เลวีน ให้สัมภาษณ์
เลวีน และวงพยายามทำให้ภาพลักษณ์ของวงในเรื่องนี้ดูเจือจางลงด้วยการไปเอาสองแร็ปเปอร์ผิวสีชื่อดังอย่าง ทราวิส สกอตต์ และ บิ๊ก บอย มาเป็นแขกรับเชิญร่วมสร้างสีสัน แต่กระนั้นโชว์ที่ออกมาก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา เพราะทั้งคู่เหมือนออกมาร้องห้วน ๆ ให้มีชื่อแค่นั้นเรียกได้ว่าถ้าใครเดินไปเข้าห้องน้ำกลับมา อาจไม่รู้ว่าทั้งสองมาแสดงในโชว์นี้ด้วย
อีกทั้งภายในโชว์ทางวงพยายามจะสร้างโมเมนต์โลกสวยด้วยมือเราหลายซีนด้วยกัน ทั้งการใช้โดรนติดไฟลอยบนท้องฟ้าเพื่อสร้างเป็นคำว่า “One Love” หรือการนำเหล่านักร้องคอรัสผิวสีมาร่วมโชว์ในเพลง Girls Like You ด้วย ซึ่งดูจะเป็นการทำอะไรเสร่อ ๆ เล็ก ๆ เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้อยากทำโชว์ให้ออกมาแบบนี้
ซึ่งหลังจบโชว์เลวีน ออกมาโพสต์ภาพบนอินสตาแกรมพร้อมเล่าเบื้องหลังของซีนนี้ว่า “ตอนที่เรารับความรับผิดชอบนี้ ผมหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนคำหลายคำเพื่อที่มันจะได้ลอยอยู่บนไฟเหล่านั้น เราขอบคุณจักรวาลแห่งนี้ที่ทำให้เราได้รับโอกาสเล่นบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและขอขอบคุณแฟน ๆ ที่ทำให้ฝันนี้เป็นจริงและเราขอขอบคุณทุกคำวิจารณ์ที่คอยผลักดันเราให้ดีขึ้น”
หลังโชว์หลายคนรู้สึกผิดหวังกับการแสดงในครั้งนี้อย่างมากและยกให้โชว์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในโชว์ที่แย่ที่สุดตลอดกาลของซูเปอรโบว์ล เคียงคู่กับโชว์ดึงเสื้อเห็นจุกของเจเน็ท แจ็กสัน และ จัสติน ทิมเบอร์เลค ในซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 38 เมื่อปี 2004 เพราะตลอดเกือบสิบห้านาทีทุกคนจดจำได้เพียงโมเมนต์ที่อดัม เลวีน ถอดเสื้อออกเท่านั้น
แต่ภายใต้ปัญหานี้ สิ่งดีสิ่งหนึ่งที่ศิลปินเหล่านี้ฝากไว้คือการร่วมบริจาคเงินให้แก่องค์กรการกุศลต่าง ๆ ซึ่งสาเหตุที่ ทราวิส สกอตต์ ตัดสินใจมาเล่นในงานนี้เพราะทาง NFL ยอมทำตามเงื่อนไขของเขาในการบริจาคเงินจำนวน 500,000 ดอลลาร์ให้แก่มูลนิธิการกุศล ซึ่งทาง Maroon 5 เองก็ร่วมบริจาคเงินจำนวน 500,000 ดอลลาร์ให้แก่มูลนิธิ Big Brothers and Sisters of America เช่นกัน
แน่นอนนี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาและยากที่จะปฏิเสธ กลับกันอีกมุมหนึ่งพวกเขาก็โชคร้ายที่ต้องมาอยู่ในเรือที่กำลังอับปางลำนี้ การได้เล่นในซูเปอร์โบว์ลและถูกกดดันจนกลายเป็นจำเลยสังคมมูลค่ากว่าสามหมื่นล้านบาท ! คงไม่ใช่สิ่งที่วงคงต้องการนัก
“การเล่นในซูเปอร์โบว์ลคือความฝันของพวกเรา” อดัม เลวีน
สุดท้ายขอแสดงความยินดีกับทีมนิวอิงแลนด์ เพเทียตส์ ที่เอาชนะทีม แอลเอ แรมส์ ไปได้ 13 ต่อ 3 คว้าแชมป์สมัยที่หกของแฟรนไชส์ได้สำเร็จ
ที่มา : https://www.usatoday.com/story/life/music/2019/02/01/adam-levine-critics-voices-heard-through-halftime-show/2741766002
https://www.gq.com/story/cardi-b-halftime-show-kaepernick
https://www.thisisinsider.com/super-bowl-halftime-show-most-controversial-all-time-2018-2#12-the-black-eyed-peas-were-bad-even-for-the-standards-of-people-who-enjoy-the-black-eyed-peas-in-2011-4