ชาวเอเชียกำลังครองความยิ่งใหญ่ในวงการกอล์ฟได้เบ็ดเสร็จ หลังฮิเดกิ มัตสึยามะ (Hideki Matsuyama) สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักกีฬาเอเชียคนแรกที่ได้สวมเสื้อแจ็คเกตสีเขียวในฐานะแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส 2021 ศึกดวลวงสวิงรายการใหญ่ระดับเมเจอร์รายการแรกของปีที่สหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านั้นแค่ 1 สัปดาห์ “โปรเหมียว” ปภังกร (แพตตี้) ธวัชธนกิจ นักกอล์ฟสาวไทยวัย 21 ปี ก็เพิ่งเปิดหัวคว้าแชมป์ LPGA รายการเอเอ็นเอ อินสไปเรชัน เมื่อวันที่ 4 เมษายน ประเดิมเมเจอร์แรกของศึกกอล์ฟอาชีพหญิงปี 2021 ที่สหรัฐฯ นับเป็นการตอกย้ำความยิ่งใหญ่ในวงการกอล์ฟของนักกีฬาเอเชียได้เช่นกัน
กอล์ฟเป็นกีฬาที่เริ่มต้นขึ้นมาในสกอตแลนด์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ก่อนจะมาเฟื่องฟูในอเมริกายุคศตวรรษที่ 20 และครั้งหนึ่งเคยโด่งดังไปทั่วโลกจากนักกีฬาซูเปอร์สตาร์ผิวดำลูกครื่งไทย-อเมริกันอย่าง ไทเกอร์ วูดส์ จนกระทั่งเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เมื่อ “พญาเสือ” เริ่มโรยรา ดูเหมือนกีฬาชนิดนี้จะย้ายแกนมาบูมทางฝั่งเอเชียมากขึ้น
สำหรับวงการกอล์ฟหญิง LPGA (Ladies Professional Golf Association) ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัยอีกต่อไป เมื่อมืออันดับต้น ๆ ของโลก และแชมป์ส่วนใหญ่มักเป็นนักกีฬาเชื้อสายเอเชีย โดยเฉพาะเกาหลีใต้ จีน และไทย ส่วนที่ยังเป็นคำถามคือวงการกอล์ฟชาย หรือ PGA (Professional Golfers' Association) ซึ่งมือต้น ๆ ส่วนใหญ่ยังไม่ใช่คนเอเชีย
ด้วยเหตุนี้ การคว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ของมัตสึยามะ จึงถือเป็นนิมิตหมายใหม่ และอาจเป็นใบเบิกทางให้โปรเอเชียคนอื่น ๆ ก้าวตามไปยึดครองวงการกอล์ฟอาชีพของผู้ชาย คล้ายกับที่บรรดาโปรสาวชาวเอเชียทำได้กันมาแล้ว
แจ็คเกตเขียวในฝัน
ในมุมมองของนักกอล์ฟส่วนใหญ่การได้เป็นเจ้าของแจ็คเกตสีเขียวที่สนาม ออกัสตา แนชันแนล ในรัฐจอร์เจีย ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถานที่จัด เดอะ มาสเตอร์ส ถือเป็นเกียรติยศและความฝันสูงสุดไม่แพ้การคว้าถ้วยบอลโลกของนักฟุตบอล หรือครองแชมป์วิมเบิลดัน ของนักกีฬาเทนนิสทั่วโลก
ทั้งนี้ เพราะเดอะ มาสเตอร์ส แม้จะไม่ใช่รายการกอล์ฟเก่าแก่ที่สุด หรือมีเงินรางวัลมากที่สุด แต่เนื่องจากรายการนี้มีธรรมเนียมปฏิบัติที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แถมยังมีรูปแบบสนามที่สวยงามชวนหลงใหล และสงวนไว้ให้เฉพาะกลุ่มนักกอล์ฟฝีมือดีที่สุดในโลกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ฮิเดกิ มัตสึยามะ ไม่ใช่นักกีฬาหน้าใหม่ในสนามแห่งนี้ เพราะเมื่อปี 2011 เขาเคยเดินทางมาโชว์วงสวิงที่นี่แล้วตั้งแต่ยังเป็นมือสมัครเล่น และคว้ารางวัลมือสมัครเล่นยอดเยี่ยม ด้วยการทำคะแนนดีที่สุดในรุ่นเดียวกัน พร้อมคว้าถ้วยรางวัล “ซิลเวอร์ คัพ” กลับบ้านได้สำเร็จ
ความสำเร็จครั้งนั้นทำให้ชื่อของ ฮิเดกิ มัตสึยามะ ได้รับการโจษจันไปทั่วญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นนักกีฬาคนแรกของแดนอาทิตย์อุทัยที่คว้ารางวัลดาวรุ่งได้ในรายการอันทรงเกียรติ และเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้คนในชาติที่กำลังเผชิญภัยธรรมชาติร้ายแรงจากแผ่นดินไหว และสึนามิครั้งใหญ่ในปีเดียวกัน
ภัยธรรมชาติครั้งนั้นเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2011 ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 19,300 ราย และเกือบทำให้ไม่มีชายชื่อ มัตสึยามะ ในวันนี้ เนื่องจากหลังเกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว เขาเกือบยกเลิกแผนเดินทางไปแข่งขันที่สหรัฐฯ เพราะยังทำใจไม่ได้กับความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมชาติ
แม้มัตสึยามะจะไม่ได้รับอันตรายใด ๆ จากสึนามิและแผ่นดินไหวใหญ่ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเดินทางไปฝึกซ้อมอยู่ที่ออสเตรเลีย แต่หลังเกิดเหตุเขาได้เดินทางกลับบ้านเกิด และพบว่า หอพักของตนเองที่มหาวิทยาลัยโทโฮกุ ฟุกุชิ ในเมืองเซนได ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่ชะตากรรมของครอบครัว และเพื่อน ๆ ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายมัตสึยามะ ตัดสินใจเดินทางไปแข่งขันและได้รางวัลมือสมัครเล่นยอดเยี่ยมกลับมา ก่อนจะกลายเป็นดาวดัง และเป็นทั้งแรงบันดาลใจและความหวังให้เพื่อนร่วมชาติ จนสามารถก้าวไปสู่แชมป์ในระดับอาชีพ และได้สวมแจ็คเกตสีเขียวสมใจในอีก 10 ปีต่อมา
แชมป์เอเชียคนแรก
มัตสึยามะคว้าแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ ในวันที่ 11 เมษายน 2021 โดยทำคะแนนได้ 10 อันเดอร์พาร์ เฉือนชนะ วิล ซาลาโตริส โปรชาวอเมริกันซึ่งจบอันดับสองห่างสโตรกเดียว แม้ก่อนลงแข่งรอบสุดท้าย แชมป์ชาวญี่ปุ่น จะมีคะแนนนำคู่แข่งที่ตามมาถึง 4 สโตรก
เจ้าของแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ชาวเอเชียคนแรกยอมรับว่า เขารู้สึกกดดันในการตีวันสุดท้าย แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด โดยหลังจากพัตต์ลูกสุดท้ายลงหลุม เขายังยืนงง ๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปสวมกอดเพื่อนนักกอล์ฟ และแคดดี้ประจำตัวเพื่อแสดงความดีใจในแบบฉบับของตนเอง
การคว้าแชมป์ครั้งนี้ของมัตสึยามะ ถือเป็นความสำเร็จที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมาย เนื่องจากฟอร์มระยะหลังของเขาลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใดมาตั้งแต่ปี 2017 และอันดับโลกที่เคยขึ้นถึงมือ 2 ก็ร่วงหล่นลงมาอยู่อันดับ 25 ก่อนลงแข่งรายการ เดอะ มาสเตอร์ส
แต่ถึงกระนั้น มัตสึยามะเปิดเผยว่า เขารู้สึกมั่นใจเป็นพิเศษในช่วงก่อนลงแข่ง เนื่องจากระหว่างฝึกซ้อม เขารู้สึกว่าทำผลงานได้ดีกว่าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีสมาธิกับการซ้อมและการแข่งขันมากกว่าเก่า เพราะไม่มีกองทัพนักข่าวจากญี่ปุ่นคอยตามสัมภาษณ์เหมือนในช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19
โลกส่วนตัวสูง
มัตสึยามะได้ชื่อว่าเป็นนักกอล์ฟซูเปอร์สตาร์ที่ขี้อายและพูดน้อยมาก ถึงกับมีคนแซวว่า เขาพูดภาษาญี่ปุ่นของตัวเองน้อยกว่าภาษาอังกฤษที่ตนเองไม่ค่อยถนัดเสียด้วยซ้ำ และนั่นจึงทำให้ไม่ค่อยมีใครรับรู้เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของเขามากนัก
ฮิเดกิ มัตสึยามะ เกิดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 ในจังหวัดเอฮิเมะ บนเกาะชิโกกุ ของญี่ปุ่น เขาเริ่มฝึกเล่นกอล์ฟตั้งแต่อายุ 4 ขวบ โดยบิดาซึ่งเป็นเจ้าของสนามไดร์ฟกอล์ฟ เป็นผู้คอยให้คำแนะนำและฝึกสอนตั้งแต่เด็กเหมือนนักกอล์ฟชื่อดังอีกหลายคน
“โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล แชมป์เมเจอร์หญิงคนแรกของไทย ก็เริ่มเล่นกอล์ฟตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบครึ่ง โดยมีพ่อที่เปิดร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟเป็นโค้ชคนแรก ขณะที่ “โปรเหมียว" แชมป์เมเจอร์หญิงคนที่สองของไทย ฝันอยากเป็นนักกอล์ฟมาตั้งแต่ 8 ขวบ และมี ไทเกอร์ วูดส์ เป็นแรงบันดาลใจ
อย่างไรก็ตาม มัตสึยามะ บอกว่า ไอดอลของเขาไม่ใช่นักกีฬากอล์ฟ แต่เป็นนักเบสบอล ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น และเป็นอีกกีฬาที่เขาโปรดปราน
แม้จะโด่งดังระดับสากลเพียงใด มัตสึยามะยังคงมีนิสัยเก็บตัวและค่อนข้างอนุรักษนิยม เขาชอบกินซูชิ และไม่พูดภาษาอังกฤษ แม้เพื่อนนักกอล์ฟหลายคนบอกว่า ภาษาอังกฤษของเขาจัดอยู่ในขั้น “โอเค” แต่ก็ยังคงใช้ล่ามติดตามไปด้วยตลอด
นอกจากนี้ เขายังเป็นคนเก็บตัว และไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง ถึงขั้นที่ไม่มีสื่อสำนักใดรู้ว่า เขามีภรรยาและกำลังตั้งครรภ์ลูกสาวคนแรก จนกระทั่งบริษัทต้นสังกัดออกมาแถลงในปี 2017 หลังวันแต่งงานผ่านพ้นไปแล้ว 8 เดือน
“เพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวและเรื่องส่วนตัว จึงไม่มีใครถามผมเรื่องการแต่งงาน ดังนั้น ผมจึงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนั้นกับใคร” มัตสึยามะให้เหตุผลว่า ทำไมนักกีฬาชื่อดังอย่างเขาจึงไม่ป่าวประกาศเรื่องแต่งงาน
ซูเปอร์สตาร์ติดดิน
นอกจากความขี้อายและพูดไม่เก่งแล้ว มัตสึยามะยังได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬาที่ทำตัวเรียบง่ายติดดิน โดยเขาขับรถมินิแวนธรรมดามาสนามแข่งขัน ต่างจากรถซูเปอร์คาร์ของนักกีฬาบางคน แถมยังเดินทางด้วยเที่ยวบินพาณิชย์เหมือนคนทั่วไป ไม่ได้ใช้เครื่องบินส่วนตัวเหมือนนักกีฬาซูเปอร์สตาร์หลายคน
GolfDigest รายงานว่า มัตสึยามะในวัย 29 ปี มีรายได้จากเงินรางวัลสะสมในการแข่งขันรวมกว่า 33 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ส ที่ทำได้ ทำให้เขามีเงินเข้ากระเป๋าเพิ่มอีก 2.07 ล้านเหรียญสหรัฐ นั่นยังไม่นับรายได้จากสปอนเซอร์ และผู้สนับสนุนอื่น ๆ ที่ตามมา ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำให้ยอดรวมพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
ด้วยชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จที่เข้ามา มัตสึยามะหวังว่า เขาจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ในญี่ปุ่น หันมาสนใจกีฬากอล์ฟ และเดินตามเส้นทางที่เขาวางไว้ให้มากขึ้น
“ผมพูดไม่ได้หรอกว่าผมเก่งที่สุด (ในประวัติศาสตร์กอล์ฟญี่ปุ่น) แต่ผมเป็นคนแรกที่คว้าแชมป์เมเจอร์ และถ้านั่นคือมาตรฐานใหม่ ผมคือผู้สร้างมันขึ้นมา”
มัตสึยามะเปิดใจหลังคว้าแชมป์ PGA เมเจอร์ได้เป็นคนแรกของญี่ปุ่น และเป็นคนที่สองของเอเชียต่อจาก หยาง ยอง อึน โปรเกาหลีใต้ ที่เคยทำได้ในรายการพีจีเอ แชมเปียนชิป เมื่อปี 2009
“เราไม่เคยมีคนญี่ปุ่นคว้าแชมป์เมเจอร์มาก่อน บางทีนักกอล์ฟรุ่นใหม่จำนวนมากอาจคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมหวังว่านี่จะเป็นตัวอย่างว่ามันเป็นไปได้ และถ้าพวกเขาเชื่ออย่างนั้น เขาก็จะสามารถทำมันได้เช่นกัน”
ข้อมูลอ้างอิง:
https://www.espn.com/golf/story/_/id/31238587/how-hideki-matsuyama-ended-japan-long-wait-masters-champion
https://www.nytimes.com/2021/04/11/sports/golf/masters-2021-winner-matsuyama-japan.html?action=click&module=RelatedLinks&pgtype=Article
https://edition.cnn.com/2021/04/12/golf/masters-2021-hideki-matsuyama-caddie-shota-hayafuji-spt-intl/index.html
https://www.masters.com/en_US/news/articles/2021-04-11/matsuyama_carves_his_place_in_history.html
https://www.golfdigest.com/story/hideki-matsuyama-things-to-know
https://www.forbes.com/sites/monteburke/2012/06/12/which-golf-major-is-the-most-prestigious/?sh=434513e56b5e