ซิมง เคียร์: กัปตันเดนมาร์ก ผู้พิสูจน์ความเป็นผู้นำที่วัดด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด
ฟุตบอลยูโร 2020+1 นัดระหว่างสองทีมจากสแกนดิเนเวีย จบลงด้วยชัยชนะของฟินแลนด์ ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกเหนือ ‘โคนม’ เดนมาร์ก 1-0 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในการแข่งขันจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงไปอีกยาวนาน กับหนึ่งเกมที่จะถูกขนานนามว่า Beautiful Game
หลังจากการหมดสติกลางสนามของจอมทัพเดนมาร์กอย่าง คริสเตียน อีริคเซ่น ในช่วงปลายครึ่งแรก สร้างความตกตะลึงให้กับแฟนบอลทั้งในสนามและทั่วโลกที่กำลังชมถ่ายทอดสด บางคนถึงกับร่ำไห้ บางคนถึงกับช็อกทำอะไรไม่ถูก แต่มีนักเตะหนึ่งคนที่มีสติดีและประคองเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปได้ เขาคือกัปตันทีมชาติเดนมาร์ก ‘ซิมง เคียร์’
ด้วยวีรกรรมที่หาญกล้าสมกับเป็นผู้นำตั้งแต่การเป็นคนแรกที่ไปถึงร่างของอีริคเซ่น และช่วยทำการปฐมพยาบาลก่อนที่ทีมแพทย์จะเดินทางมาถึงเพื่อช่วยชีวิตนักเตะ เมื่อทีมแพทย์วิ่งไปยังจุดเกิดเหตุ ในฐานะกัปตัน เคียร์สั่งให้ลูกทีมตั้งกำแพงมนุษย์ล้อมอีริคเซ่นและทีมแพทย์ไว้เพื่อให้ภาพนาทีชีวิตที่บีบหัวใจไม่ถูกถ่ายทอดออกไปสู่สาธารณชน และนัดนี้เดนมาร์กลงแข่งที่โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศ ดังนั้นครอบครัวอีริคเซ่นจึงตามมาเชียร์ แต่เมื่อซาบริน่า-ภริยาของอีริคเซ่นเห็นภาพที่ทรมานใจ ก็เป็นเคียร์และแคสเปอร์ ชไมเคิล ที่วิ่งเข้าไปปลอบซาริน่า
ในนาทีสำคัญนี้ ทำให้เราเห็นภาวะผู้นำของกัปตันทีมชาติเดนมาร์กผู้นี้อย่างชัดเจน
นี่คือเรื่องราวของเขา...ซิมง เคียร์
เคียร์ ถือว่าเป็นนักเตะจอมพเนจรคนหนึ่ง โดยเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพจากมิดทิลแลนด์ ในเดนมาร์ก ทีมที่เขาเริ่มต้นฝึกฝีเท้าตั้งแต่ระดับเยาวชน ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ แข็งแกร่ง เข้าปะทะดี ทำให้ฟอร์มเข้าตาและถูกดึงย้ายประเทศข้ามมากัลโช่เซเรียอา กับทีม ‘ปาแลร์โม่’ ในยุคทอง ในตอนนั้นเขาร่วมเล่นกับผู้เล่นอย่าง เอดิสัน คาวานี ที่ปัจจุบันอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมไปถึงมาร์โก อเมเลีย ผู้รักษาประตูแชมป์โลก 2006 กับทีมชาติอิตาลี เขาพาทีมจบอันดับที่ 8 ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับทีมเล็ก ๆ และฤดูกาลต่อมา 2009/10 เขาพาปาแลร์โม่จบอันดับ 5 เหนือนาโปลีและยูเวนตุส พาทีมไปแข่งยูโรป้าลีก ผลงานสุดยอดนี้ทำให้เขาได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเดนมาร์กอีกด้วย
ในช่วงฟอร์มพีคสุด เคียร์นั้นเป็นที่ต้องการของทั้งทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล ซึ่งเคียร์ถือว่าเป็นแฟนทีมลิเวอร์พูลอย่างเหนียวแน่น แต่ท้ายที่สุดเคียร์ตัดสินใจย้ายไปยังโวล์ฟบวร์กในบุนเดสลีกา และถูกปล่อยยืมกลับมาอยู่อิตาลีกับโรม่า ผลงานของเคียร์อยู่ในระดับพอใช้ได้ และมีโอกาสไปเล่นกับทีมใหญ่ ๆ ในหลายประเทศ เช่น ลีลล์ในฝรั่งเศส เฟเนบาห์เช่ในตุรกี เซบีญ่าในสเปน แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับทีม ในขณะที่อยู่กับเซบีญ่า เคียร์เริ่มประสบปัญหาการเสียตำแหน่งตัวจริง และถูกปล่อยยืมตัวกลับมายังกัลโช่เซเรียอา ที่เขาคุ้นชินกับอตาลันต้า ก่อนที่จะถูกปล่อยยืมให้กับเอซี มิลาน ในปี 2019/20
และกลายเป็นที่เอซี มิลานนี่เองที่ปลุกเขากลับมาอีกครั้ง เคียร์ได้กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของถิ่นซานซีโร่ ในแผงหลังไม่ว่าเขาจะจับคู่กับอเลสซิโอ โรมันโญลี่, ฟิยาโก้ โทโมริ หรือมัตเตีย กับเบีย เขาก็ทำผลงานได้อย่างดี กลายเป็นนักเตะที่มิลานขาดไม่ได้ ตั้งแต่เคียร์เข้ามาทำให้ผลงานของเอซี มิลานยุคสเตฟาโน่ ปิโอลี ดูดีขึ้นผิดหูผิดตา ฤดูกาล 2019/20 มิลานก่อนที่จะมีเคียร์อันดับอยู่ที่ 11 ของตารางคะแนนในลีก พอเคียร์เข้ามา เขาก็มีส่วนสำคัญในแนวรับทำให้หลังเปิดจากการหยุดแข่งในช่วงพัก COVID-19 มิลานกลับมาฟอร์มดี รับเหนียวแน่น จนจบอันดับ 5 ได้ไปแข่งฟุตบอลยูโรป้าลีก
เคียร์เคยให้สัมภาษณ์กับ Goal เกี่ยวกับมิลานไว้ว่า “มิลานนั้นมีความหมายพิเศษเป็นอย่างมากสำหรับผม พวกเราคือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ ผมเคยถามเอเย่นต์ของผมว่า ผมจะมีโอกาสย้ายไปร่วมทีมนี้ในสักวันหนึ่งไหม และเมื่อผมมาถึง ผมจะนำทีมกลับสู่ประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง”
เปาโล มัลดินี ตำนานกองหลังของโลก ในฐานะผู้อำนวยการกีฬาของเอซี มิลาน ไม่ลังเลที่จะซื้อขาดเคียร์เข้ามาร่วมทัพ เพราะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และได้พิสูจน์แล้วว่ามัลดินีตัดสินใจไม่ผิด ในฤดูกาลที่ผ่านมา เคียร์ลงเล่นในลีกไป 28 นัด และมีส่วนสำคัญที่พาเอซี มิลานคว้ารองแชมป์และไปแข่งยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกในรอบ 7 ปี และมีส่วนสำคัญที่ทำให้จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา ผู้รักษาประตูของทีม สามารถเก็บคลีนชีทได้ 14 นัด มากที่สุดในกัลโช่เซเรียอา
เมื่อพูดถึงมิลานดาร์บี้แมตซ์แห่งอิตาลีแล้ว นักเตะสองคนที่เป็นสัญลักษณ์ของทั้งสองทีมก็คือ ซิมง เคียร์แห่งเอซี มิลาน และ คริสเตียน อีริคเซ่น ของอินเตอร์มิลาน ตามประวัติศาสตร์สองสโมสรแห่งนี้แข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในสนาม เคียร์กุมหัวใจแนวรับของปีศาจแดงดำ และอีริคเซ่นคือหัวใจแนวรุกของทีมงูใหญ่ แต่นอกสนามพวกเขาสองคนสนิทกันเป็นอย่างมาก
อีริคเซ่นเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อของเดนมาร์กว่า เขาเล่นคู่กับเคียร์ในนามทีมชาติมาอย่างยาวนาน เมื่อตัวอีริคเซ่นย้ายมาอยู่ที่เมืองมิลาน หลังจากตัดสินใจออกจากท็อตแนมฮอตสเปอร์ส ทีมสร้างชื่อในอังกฤษ เคียร์มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการทำให้เขาสามารถปรับตัวใช้ชีวิตได้เมื่อย้ายมาอยู่อิตาลี และครอบครัวของทั้งคู่ยังมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก และเคียร์ก็เป็นคนที่นิสัยดีมาก ๆ
ถึงแม้ฟุตบอลจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือด และสำหรับบางสโมสรเรียกได้ว่าเป็นคู่รักคู่แค้น แต่ก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับคำว่า ‘มิตรภาพ’ ระหว่างเพื่อน ในนามทีมชาติ เคียร์ได้รับความไว้วางใจกับเพื่อนและโค้ชเป็นกัปตันทีมมายาวนาน และเขาเองก็ทำผลงานได้ดี จนติดทีมชาติเดนมาร์กไปแล้วถึง 103 นัด (นับนัดแข่งกับฟินแลนด์) ยึดตำแหน่งกองหลังตัวจริงของเดนมาร์กมายาวนาน
แต่คงไม่มีการแข่งขันนัดไหนที่แสดงความยิ่งใหญ่ของขนาดหัวใจที่เคียร์มีได้เท่ากับการแข่งขันกับฟินแลนด์ ในศึกยูโร 2020+1 ถึงแม้เขาเองจะไม่เคยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์กับสโมสรใด ๆ ออกจะเป็นแนวนักเตะที่ปิดทองหลังพระ ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างซื่อตรง เจ้าของฉายา Danish Wall หรือกำแพงแห่งเดนส์ พาลูกทีมลุยศึกยูโรอย่างห้าวหาญและเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน (เขาถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับตำแหน่งกัปตันทีมคนต่อไปของมิลานหลังจากการย้ายออกไปของดอนนารุมมา)
แต่เชื่อเถอะว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในนัดกับฟินแลนด์จะถูกพูดถึงไปอีกนาน ไม่ใช่ในฐานะของนักฟุตบอลเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่ได้ช่วยชีวิตของเพื่อนมนุษย์ และถูกถ่ายทอดออกไปยังสายตาของคนหลายพันล้านคนบนโลกนี้ นี่คือ ซิมง เคียร์
ที่มา:
https://wwos.nine.com.au/football/uefa-euro-2020-christian-ericksen-simon-kjaer/1afe0dfc-0f7a-4485-afcd-c14a20101a70
https://sempreinter.com/2021/03/16/christian-eriksen-ac-milans-simon-kjaer-helped-me-settle-at-inter-i-understand-italian-well-now/
https://www.goal.com/en-bh/news/milan-has-always-been-special-to-me-kjaer-feels-privileged/r6bwzgop90fh1tyxrz8abi0q5
เรื่อง: พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ
ภาพ: Lars Ronbog / FrontZoneSport via Getty Images