02 ก.ค. 2564 | 18:30 น.
“ความสุขก็เป็นเหมือนกับผีเสื้อ เมื่อไหร่ที่เราพยายามไล่จับ มันจะหนีไปเสมอ แต่เมื่อไหร่ที่นั่งอยู่เงียบ ๆ มันก็จะมาเกาะที่ไหล่ของเราเอง”
นั่นคือที่มาของคำว่า ‘นาบี’ ที่แปลว่า ผีเสื้อ จากชื่อของ ‘ยูนาบี’ นางเอกเรื่อง ‘รักนี้ห้ามไม่ได้’ (Nevertheless) รับบทโดยนักแสดงและนางแบบสาว ‘ฮันโซฮี’
หลายคนคงจะเคยได้ยินวลีสุดฮิตมาใหม่อย่าง “ไปดูผีเสื้อกันไหม… ที่ห้องฉัน” ซึ่งเป็นประโยคที่พระเอกผู้มีรอยสักรูปผีเสื้ออยู่ที่ต้นคออย่าง ‘พัคแจอน’ รับบทโดย ‘ซงคัง’ พูดกับยูนาบี ทั้งหมดคือเรื่องราวของหนุ่มสาวที่ ‘ไม่อยากคบหา’ แต่ ‘อยากมีความรัก’ จึงนำมาซึ่งความสัมพันธ์อันว้าวุ่นหัวใจ ปัจจุบันเรื่องรักนี้ห้ามไม่ได้กำลังออกฉายทาง Netflix ด้วยเรตติ้งที่พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ
ซีรีส์เรื่องนี้นับเป็นผลงานอีกเรื่องของฮันโซฮี นับตั้งแต่เดบิวต์ครั้งแรกในเรื่อง ‘อดีตรักพัดหวน’ (Reunited World) แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนต่างจับตามองเธอไม่ใช่แค่ความสามารถในการแสดงเท่านั้น แต่รวมไปถึงความเป็นดาราเจ้าบทบาทที่มักจะมาพร้อมเสื้อผ้าหน้าผมที่จัดเต็มเหมาะสมกับคาแรกเตอร์ที่เธอได้รับ เรียกได้ว่าทั้งใบหน้าและสไตล์การแต่งตัวนั้นช่วยให้ออร่าของโซฮีเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม
ตัวประกอบที่สไตล์ไม่กระจอก
เริ่มต้นด้วยซีรีส์รักโรแมนติกเรื่องแรกของฮันโซฮี อดีตรักพัดหวน (2017) เธอรับบทเป็น ‘อีซอวอน’ นักข่าวนิตยสารแฟชั่น และลูกสาวผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระเป๋าหนัก เรียกว่าทั้งสถานะทางสังคม และหน้าที่การงานทำให้อีซอวอนเป็นหญิงสาวผู้นำเทรนด์แฟชั่นอยู่เสมอ มิหนำซ้ำเสื้อผ้าที่เธอสวมยังมาจากผลงานออกแบบซีซั่นใหม่ที่ยังไม่ถูกถ่ายลงนิตยสารเลยด้วยซ้ำ
จากนักแสดงประกอบตัวเล็ก ๆ ที่โดดเด่นด้วยเสื้อผ้าหรูหราราคาแพง ฮันโซฮีก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวละครหลักต่อในเรื่อง ‘รัก 100 วันของฉันและองค์ชาย’ (100 Days My Prince)
ถึงแม้ในซีรีส์เรื่อง รัก 100 วันของฉันและองค์ชาย (2018) ฮันโซฮีในฐานะองค์หญิงผู้เลอโฉม ‘คิมโซฮเย’ ลูกสาวของเสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้ทรงอำนาจจะไม่ได้สวมเสื้อผ้าแฟชั่นนำสมัยเหมือนอย่างเคย แต่ความสวยสง่าของเธอกลับไม่ได้น้อยลง ทั้งยังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าในชุดฮันบกสุดปราณีต และเครื่องประดับสีทองอร่ามตา
ด้วยความที่คิมโซฮเยได้แต่งงานกับองค์ชายรัชทายาท ‘อียูล’ ทำให้เธอผู้อยู่ในสถานะอันสูงศักดิ์ต้องมาพร้อมกับชุดฮันบกจัดเต็มตลอดเวลา โดยซีรีส์เรื่องนี้นับเป็นซีรีส์แนวดราม่า-ประวัติศาสตร์เรื่องแรกของฮันโซฮี ก่อนที่เธอจะกลับมาแสดงเป็นสาวน้อยผู้ไร้เดียงสาต่อในเรื่อง ‘ลูกแก้วคืนวิญญาณ’ (Abyss)
ครั้งนี้ฮันโซฮีเปลี่ยนบทบาทมาเป็น ‘จางฮีจิน’ หญิงสาวในชุดสีขาวราบเรียบ ผู้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเรื่อง ลูกแก้วคืนวิญญาณ (2019) ซีรีส์แนวฆาตกรรม-แฟนตาซีที่ยังคงออกฉายอยู่ทาง Netflix
จากการที่ฮันโซฮีรับบทเป็นนักแสดงประกอบ ใครบางคนอาจมองว่าบทบาทของเธอกำลังถูกลดลง แต่ในทางตรงกันข้าม ฮันโซฮีกลับยังคงรักษามาตรฐานการแสดงได้เป็นอย่างดี และด้วยความราบเรียบแต่โดดเด่นในตัวเองทำให้เธอไม่เคยถูกลืมจากหน้าจอเลย กระทั่งปี 2020 ฮันโซฮีก็กลายเป็นที่จับตาของคนดู เพราะการตีบทแตกในเรื่อง ‘หลังภาพแห่งความสุข (The World of the Married)’
ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของฮันโซฮีก็ว่าได้ เพราะการรับบทเป็น ‘ยอดาคยอง’ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของครอบครัวเศรษฐีทำให้เธอมักจะมาพร้อมลุคสวยสง่า มีกระเป๋า เสื้อผ้า และเครื่องประดับราคาแพงช่วยให้คาแรกเตอร์โดดเด่น แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการตีบทแตกจนกลายเป็นที่พูดถึงของแฟนซีรีส์ตลอดมา นำไปสู่ซีรีส์เรื่องที่เธอกลายเป็นนางเอกเต็มตัว
ซีรีส์รักนี้ห้ามไม่ได้ ออกฉายทาง Netflix ซึ่งฮันโซฮีได้เปลี่ยนคาแรกเตอร์ตัวเอง และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนางเอกในบทบาทยูนาบี หญิงสาวผู้ช้ำจากความรัก และปฏิเสธชายรูปงามที่ชวนเธอไปดูผีเสื้อที่ห้อง
สำหรับซีรีส์นี้ เธอแสดงเป็นนักศึกษาภาควิชาประติมากรรมที่มักต้องสร้างสรรค์งานศิลป์จนเนื้อตัวมอมแมมอยู่ตลอด แฟชั่นที่เราเห็นจึงไม่ใช่การสวมเสื้อผ้าเรียบหรู ชุดฮันบก หรือแฟชั่นราคาแพงอีกต่อไป เพราะเธอจะมาในชุดพร้อมผ้ากันเปื้อน เสื้อคาร์ดิแกน เสื้อฮู้ด และชุดหมีช่างให้เห็นอยู่บ่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่านักแสดงเจ้าบทบาทคนนี้ใส่อะไรก็ดูจะสวย และเหมาะสมไปเสียหมด เรียกได้ว่าเสื้อผ้าช่วยส่งเสริมนักแสดงให้เข้าถึงบทบาทได้อย่างแท้จริง และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฮันโซฮีกลายเป็นนักแสดงมากความสามารถที่เริ่มจากชิมลางเป็นตัวประกอบ ก่อนที่โอกาสทองจะเป็นของเธอแล้ว
ถึงแม้วันนี้ เธอจะเป็นนักแสดงที่เต็มไปด้วยความสามารถ และออร่าที่เปล่งประกายไม่แพ้ใคร
แต่ถ้าย้อนกลับไป ก่อนที่ฮันโซฮีจะตัดสินใจเข้าวงการการแสดง ฮันโซฮีเคยเป็นหญิงสาวสายพังค์ มีลายสักประดับตัวเธออยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ยอมทุ่มเงินราว 20 ล้านวอน เพื่อลบรอยสักเหล่านี้
ทั้งหมดก็เพื่อให้รอยสักของเธอ ไม่เป็นข้อจำกัดงานการแสดงของเธอที่เพิ่งเริ่มต้น
และในปี 2024 เธอก็โพสต์ภาพพร้อมรอย Tatoo อีกคร้ัง แม้จะเป็นเพียงรอยสักชั่วคราว แล้วก็ดูเหมือนว่า มีแฟน ๆ เห็นรอยสักด้านข้างร่างกายของของเธอที่งานอีเวนต์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2024 ทีผ่านมาด้วย แต่มันก็แสดงให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ
เหมือนกับครั้งหนึ่งที่ฮันโซฮีเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ฉันในอดีตก็เป็นฉัน ส่วนคนที่ฉันเป็นในตอนนี้ก็ยังคงเป็นฉัน ความคิดของฉันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่”
มากกว่านั้น เธอก็เป็นนักแสดงเกาหลีไม่กี่คนที่เผยความเป็นมนุษย์ของนักแสดงออกมา ซึ่งก็คือ การโพสต์ภาพของเธอตอนเมาลงอินสตาแกรม พร้อมแคปชันว่า “ฉันจะไม่เมาอีก”
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้หญิงที่ชื่อ ‘ฮันโซฮี’ ถึงแปลว่าอิสระ และเป็นนักแสดงที่ครองใจ ‘พี่สาวชาวไทย’ ไปเรียบร้อยแล้ว
โดยเธอกำลังเดินทางประเทศไทยในวันที่ 30 สิงหาคม 2024 และกำลังจะคัมแบคด้านการแสดงในเรื่อง ‘Gyeongseong Creature 2’ ที่กำลังจะออนแอร์ทาง Netflix วันที่ 27 กันยายน 2024 นี้
หมายเหตุ: เนื้อหานี้ปรับปรุงใหม่จากบทความเดิมที่เผยแพร่เมื่อกรกฎาคม 2021
เรื่อง: วโรดม เตชศรีสุธี
อ้างอิง
Netflix