ใครอยู่ใน ‘Talk Tonight’ ของ Oasis? และเรื่องราวในเพลง B-side ที่กลายเป็นชื่ออัลบั้ม ‘(What’s The Story) Morning Glory?’

ใครอยู่ใน ‘Talk Tonight’ ของ Oasis? และเรื่องราวในเพลง B-side ที่กลายเป็นชื่ออัลบั้ม ‘(What’s The Story) Morning Glory?’
วิสกี้ อะโกโก คลับ, ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ปี 1994  ท่ามกลางความตื่นเต้นและมึนเมาของอเมริกันชนในคลับที่มาเพื่อรับชมการแสดงของวงดนตรีหน้าใหม่ที่เพิ่งมีผลงานแค่หนึ่งอัลบั้ม แต่สื่อทั่วโลกกลับขนานนามให้เป็น ‘วงร็อกที่ดีที่สุดจากเกาะอังกฤษ’ ไม่สิ! ‘วงร็อกที่ดีที่สุดในจักรวาล!’ พิธีกรในคลับพูดเปิดงานไว้แบบนั้น ก่อนส่งต่อเวทีให้ ‘Oasis’ ขึ้นประจำที่พร้อมด้วยเสียงร้องเชียร์กระหึ่มของคนดู ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ยกเว้นสภาพร่างกายของสมาชิกในวงที่ไม่ค่อยเข้าท่า เพลง ‘Rock ‘N’ Roll Star’ ถูกเล่นเป็นเพลงเปิดโชว์ในช่วงเวลาที่ Oasis กำลังมึนเมาจากฤทธิ์ยาแบบเต็มคราบ “ใครหน้าไหนไม่รู้เอายาไอซ์มา และเราก็ซี้ดเข้าไปไม่ยั้งเพราะนึกว่ามันเป็นโคเคน” หลังค่ำคืนที่พวกเขาเมากันเต็มที่ แต่เล่นดนตรีได้ห่วยเต็มขั้น พร้อมด้วยการกระทบกระทั่งระหว่างสองพี่น้องโนล เลียม เช้าวันถัดมา โนล กัลลาเกอร์ นักแต่งเพลงและมือกีตาร์ประจำวงหายตัวไปจากโรงแรม โดยทิ้งไว้เพียงจดหมายสอดใต้ประตูห้องน้องชายและเมเนเจอร์ ใจความว่า “กูไม่เอาด้วยแล้ว กูจะออกจาก Oasis” Oasis เกือบจะจบเห่และต้องยุบวงในวันนั้น หากไม่ได้หญิงสาวหนึ่งคนมาช่วยชุบชีวิตวงดนตรีวงนี้เอาไว้ และบันดาลใจให้โนลกลับเข้าสตูดิโออีกครั้ง เพื่อแต่งเพลงหน้าบีที่บรรจุในอัลบั้มถัดไปอย่างเพลง ‘Talk Tonight’   / Sittin’ on my own Chewin’ on a bone A thousand million Miles from home when Something hit me Somewhere right between the eyes /   หญิงสาวไร้นามในซานฟรานซิสโก “นักแต่งเพลงหายตัวไปงั้นเหรอ ตายห่- เราจบเห่แล้ว” นั่นคือสิ่งที่ ‘โบนเฮด’ สมาชิกรุ่นบุกเบิกของวงคิดในตอนที่เขารู้ข่าวว่าโนลหนีออกจากโรงแรม ขณะที่เลียมซึ่งเป็นคนได้รับจดหมายกลับคิดว่า ‘อีกเดี๋ยวมันก็กลับมาน่า’ แล้วไปเสพยาต่อ แต่วันแล้ววันเล่า โนลที่หนีไปก็ยังไม่กลับ ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน นอกจากผู้จัดการวงในขณะนั้นที่ระแคะระคายว่าโนลอาจจะพักใจไปหาสาวสักคนในซานฟรานซิสโก เพราะเมื่อสามหรือสี่วันก่อนวงดนตรีร็อกจอมเฮี้ยววงนี้เพิ่งจะไปขึ้นเล่นที่นั่นมา โนล กัลลาเกอร์ยืนเคว้งอยู่หน้าประตูห้องของหญิงสาวปริศนา เขาอาจจะเมาค้างอยู่นิดหน่อย อารมณ์เสียอีกเล็กน้อย และเหมือนมีคำว่า ‘สิ้นหวัง’ ตัวโต ๆ เขียนไว้บนหน้าผากในตอนที่เธอเปิดประตูต้อนรับเขา พาเขาเข้าห้อง หาอะไรอุ่น ๆ ให้เขาดื่มกิน และเริ่มพูดคุยอะไรก็ตามที่นักดนตรีผู้ซังกะตายอยากฟัง ตอนนั้นเองที่โนลตัดสินใจบอกกับเธอว่าเขาอยากจะยุบวง “ซานฟรานซิสโกมีชื่อเสียงเรื่องฆ่าวงดนตรี วงอย่าง The Band และ Sex Pistols ล้วนไปได้ไม่สวยที่นี่ ฉันจะไม่ยอมให้ Oasis เป็นแบบนั้น “ฉันบอกโนลว่า คุณจะยุบวงไม่ได้นะ คุณกำลังจะทำสิ่งยิ่งใหญ่ และมันใกล้สำเร็จแล้ว”   ช่วยชีวิตวงดนตรี คำพูดของเธอมีผล เพราะท้ายที่สุดตอนที่เมเนเจอร์ของเขาโทรฯ มาตามให้โนลกลับห้องอัดไปทำเพลง นักดนตรีที่คิดจะยุบวงคนนี้ก็กลับเปลี่ยนใจ เขาบอกลาหญิงสาวที่ตัวเองหลบมรสุมชีวิตไปพักพิง และตรงดิ่งไปที่สตูดิโอในออสติน เพื่อถ่ายทอดและบันทึก ‘Talk Tonight’ เพลงที่บอกเล่าถึงความอ่อนไหวของเขากับเหตุการณ์ในเมืองซึ่งห่างจากบ้านเป็นพันไมล์ลงในแผ่น   / I wanna talk tonight Until the mornin’ light ’Bout how you saved my life You and me see how we are /   เรียกได้ว่าถ้าไม่มีการปลอบประโลมจากหญิงแปลกหน้าและบทสนทนาช่วงค่ำใจความว่า ‘อย่าออกจากวงดนตรี’ ที่เธอพูด วง Oasis ก็อาจต้องแยกย้ายกันไปตั้งแต่ปี 1994 และอัลบั้มชุดที่สองอย่าง ‘(What’s The Story) Morning Glory?’ ก็อาจไม่มีวันได้บันทึกลงแผ่นด้วยซ้ำ เราอาจไม่ได้ฟัง ‘Wonderwall’, ‘Don’t Look Back In Anger’ หรือ ‘Champagne Supernova’ ที่เรียกได้ว่าเป็นอภิมหาเพลงฮิตของพวกเขา ถ้าไม่มีเธอ แม้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวจะสำคัญกับความเป็นความตายของวงดนตรีจากเกาะอังกฤษวงนี้ถึงขนาดนั้น ใน ‘Supersonic’ สารคดีของวงที่ฉายเมื่อปี 2016 เสียงในฟิล์มของโนลก็เล่าชัดว่าเขา ‘นึกภาพผู้หญิงคนนั้นไม่ออก และจำชื่อเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ’   ตัวตนของหญิงปริศนา “คีธ ริชาร์ดส์ (มือกีตาร์ The Rolling Stones) จำได้กระทั่งคนส่งนมตอนเขาอายุแปดขวบ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ (ความทรงจำของ) โนล แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก” หลังจากภาพยนตร์ Supersonic เข้าฉาย และ ‘ผู้หญิงที่โนลจำชื่อไม่ได้’ แต่ช่วยชีวิตวงไว้ กลายเป็นที่พูดถึงหนาหูในหมู่แฟนเพลงอีกครั้ง ‘เมลิซซา ลิม’ (Melissa Lim) จึงได้เปิดเผยตัวกับสำนักข่าว the San Francisco Chronicle ว่าเธอนี่แหละที่ช่วยให้โนลผ่านช่วงเวลาที่ร่ำ ๆ จะออกจากวงอย่างเดียวมาได้ เมลิซซาเล่าว่า เรื่องราวภายในเพลง ‘Talk Tonight’ นั้นบรรจุความทรงจำระหว่างเธอกับโนลเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งเครื่องดื่มสตรอว์เบอร์รีมะนาวที่เธอชอบ ช่วงเวลาที่เธอเตรียมอาหารให้เขากิน หรือช่วงเวลาที่เธอพาเขาไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ และฟังเพลงด้วยกันในร้านขายแผ่นเสียง   / All your dreams are made Of Strawberry lemonade And you make sure I eat today  You take me walking To where you played When you were young /   และสิ่งที่ทำให้เธอสงสัยว่าความทรงจำของโนลอาจจะมีปัญหาที่สุด ก็คือเรื่องราวจากฝั่งของเธอที่ว่า หลังจากโนลบอกลาเธอและกลับเข้าวงอีกครั้ง เขากับเธอก็ไม่ได้ห่างหายไปจากกันเสียทีเดียว เพราะโนลยังคงโทรฯ มาหาเธอบ่อย ๆ และทุกครั้งเธอก็รับโทรศัพท์ด้วยถ้อยคำที่จะกลายเป็นตำนานอีกชิ้นในโลกดนตรี “(What’s The Story) Morning Glory?” เธอทักทายโนลผ่านสายโทรศัพท์ด้วยประโยคจากภาพยนตร์ ‘Bye Bye Birdie’ และภายในหนึ่งปี เธอก็ได้เห็นอัลบั้มชื่อเดียวกันวางบนแผงในร้านขายแผ่นเพลงใกล้บ้าน ปลายปี 1994 ความสัมพันธ์ทางไกลระหว่างโนลและเมลิซซาจบลง เพราะการเริ่มปลูกต้นรักระหว่างเขาและ ‘เม็ก แมตธิวส์’ (Meg Matthews) หญิงสาวผู้กลายมาเป็นภรรยาในอนาคต โนลบอกเมลิซซาให้รู้ถึงฉากจบของความสัมพันธ์นั้น และเธอเข้าใจ และแม้ในหลายปีให้หลังที่เธอรู้ข่าวว่าโนลจำเธอไม่ได้แม้แต่ชื่อ เมลิซซาก็ยังคงเข้าใจอดีตเพื่อนชายที่เคยมาเคาะประตูห้องเธอ “อย่างน้อยฉันก็เป็นส่วนหนึ่งในบทเพลงที่มีความหมายกับผู้คนมากมาย และแค่นั้นมันก็ดีเกินพอแล้วละ”   เรื่อง: จิรภิญญา สมเทพ ที่มา: สารคดี Supersonic (2016) https://www.oasismania.co.uk/the-girl-who-inspired-oasis-talk-tonight-has-been-finally-found/ https://www.songfacts.com/facts/oasis/talk-tonight https://www.nme.com/news/music/saved-oasis-woman-inspired-talk-tonight-found-1870958 (Photo by Independent News and Media/Getty Images)