10 ส.ค. 2564 | 17:09 น.

‘Mattel’ บริษัทของเล่นระดับโลก เปิดตัว ‘6 บาร์บี้แพทย์ พยาบาล และนักวิทยาศาสตร์หญิง’ เพื่อเป็นเกียรติแด่พวกเธอในการรับมือโควิด-19

‘แมทเทล’ (Mattel) บริษัทผลิตของเล่นชั้นนำระดับโลก ผู้ผลิตตุ๊กตา ‘บาร์บี้’ ได้เปิดตัวตุ๊กตาบาร์บี้รุ่นใหม่จำนวน 6 ตัว โดยมีต้นแบบมาจากบุคลากรทางการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์หญิงที่มีตัวตนอยู่จริงจำนวน 6 คน เพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่พวกเธอที่มีส่วนสำคัญในการรับมือกับโควิด-19 ตุ๊กตาบาร์บี้ มีชื่อจริงว่า ‘บาร์บาร่า มิลลิเซนต์ โรเบิร์ตส์’ (Barbara Millicent Roberts) เธอได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 1959 และประกอบอาชีพมากว่า 200 อาชีพ รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ นั่นทำให้ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา บริษัทแมทเทลได้ปล่อยโปรแกรม ‘#ThankYouHeroes’ บริจาคเงิน 5 ดอลลาร์ทุก ๆ การขายบาร์บี้ในอาชีพ ‘แพทย์ พยาบาล และนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์’ เพื่อนำเงินไปมอบให้กับมูลนิธิ ‘First Responders Children’s Foundation (FRCF)’ ในการดูแลเด็กที่พ่อแม่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือครอบครัวเดือดร้อนจากสถานการณ์ต่าง ๆ “บาร์บี้ตระหนักดีว่า บุคลากรแนวหน้าทุกคนต่างอุทิศชีวิตเพื่อต่อสู้กับโรคระบาด และเพื่อแบ่งปันเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา ทางเราจึงขอใช้แพลตฟอร์มของบาร์บี้ในการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ และจุดประกายจินตนาการของพวกเขาขณะที่เล่นตุ๊กตาฮีโร่เหล่านี้” ‘ลิซ่า แม็คไนท์’ ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้ดูแลส่วนงานบาร์บี้ทั่วโลกเผย

นอกจากนี้ บาร์บี้ยังจัดทำตุ๊กตาสุดพิเศษ โดยมีต้นแบบจากฮีโร่ในชีวิตจริง 6 คน เพื่อเป็นเกียรติแด่พวกเธอที่มีส่วนสำคัญในการรับมือกับโควิด-19 และแน่นอนว่าตุ๊กตาดังกล่าวถูกผลิตขึ้นเพียงตัวเดียวบนโลก เพื่อมอบให้กับต้นแบบตัวจริง ได้แก่

‘เอมี่ โอ’ซัลลิแวน’ (Amy O’Sullivan) พยาบาลห้องฉุกเฉินที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 คนแรกในบรุกลิน
‘ออเดรย์ ซู ครูซ’ (Audrey Sue Cruz) แพทย์หญิงแนวหน้าชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่ต้องต่อสู้กับอคติทางเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติระหว่างการแพร่ระบาด
‘ชิกา สเตซี่ โอริวา’ (Chika Stacy Oriuwa) แพทย์หญิงผู้ต่อต้านการเหยียดสีผิวในวงการแพทย์ระหว่างวิกฤตโควิด-19
‘ซาราห์ กิลเบิร์ต’ (Sarah Gilbert) ศาสตราจารย์ผู้อยู่เบื้องหลังวัคซีน AstraZeneca
‘แจ็คเกอลีน โกส์ เดอ เฮซุส’ (Jaqueline Goes de Jesus) นักวิจัยด้านชีวการแพทย์ชาวบราซิล ผู้ริเริ่มการจัดลำดับจีโนมของไวรัสโคโรนา (โควิด-19)
‘เคอร์บี้ ไวท์’ (Kirby White) แพทย์หญิงผู้พัฒนาเสื้อกาวน์ซักได้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์

ต่อจากนี้คือเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ที่หญิงสาวทั้ง 6 ได้มอบให้กับผู้คนบนโลกใบนี้

พยาบาลที่ป่วยแต่ยังกลับมาดูแลคนไข้ ‘เอมี่ โอ’ซัลลิแวน’ เป็นพยาบาลห้องฉุกเฉินจากโรงพยาบาลเพื่อการเรียนการสอน ‘Wyckoff Heights Medical Center’ ที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เธอรับหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของบรุกลิน ซึ่งเป็นหญิงชราวัย 89 ปี ก่อนที่ตัวเอมี่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ในเวลาต่อมา และรุนแรงถึงขั้นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ด้วยสปิริตของพยาบาล เธอใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ในการรักษาตัว และกลับไปลุยศึกช่วยเหลือผู้ติดเชื้อต่อทันที “ตอนที่ฉันป่วย ฉันคิดแค่ว่าจะต้องรีบกลับไปทำงาน ฉันต้องการไปช่วยคนอื่น ๆ นั่นคือสิ่งที่บุคลากรทุกคนรู้สึก พวกเราหยุดไม่ได้” เอมี่เล่า สำหรับการสร้างตุ๊กตาที่มีต้นแบบมาจากเอมี่ เธอค่อนข้างแปลกใจที่พยาบาลในวัย 58 ปี ร่างกายเต็มไปด้วยรอยสักกว่า 30 ลาย และขี่มอเตอร์ไซค์ฮาเลย์จะกลายไปเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยินดีให้บริษัทแมทเทิลทำการวิดีโอคอลกับเธอ เพื่อเก็บรายละเอียดความเหมือน ไม่ว่าจะเป็นแว่นตา ลายถุงเท้า สีผม รอยสัก หรือผ้าพันคอลายฟลามิงโกอันเป็นเอกลักษณ์ “มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับฉัน” เอมี่ให้สัมภาษณ์ “ตอนที่ฉันเป็นเด็ก ฉันรู้สึกเป็นคนนอก ไม่มีใครที่ดูเหมือนฉัน พูดแบบฉัน หรือเดินแบบฉัน ฉันโตมาโดยไม่มีใครเป็นแรงบันดาลใจ เพราะฉะนั้น ถ้าฉันสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กสาวสักคนที่เป็นแบบนี้ได้ ฉันก็ยินดีมาก มันคงจะวิเศษที่สุด” นอกจากนี้ เอมี่ยังเคยขึ้นปก ‘Time Magazine’ ประจำเดือนตุลาคมปี 2020 ในฐานะตัวแทนพยาบาลผู้ต่อสู้กับโควิด-19 อย่างกล้าหาญ

แพทย์หญิงเชื้อสายเอเชียที่ต้องต่อสู้กับอคติทางเชื้อชาติ แพทย์หญิงชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ‘ออเดรย์ ซู ครูซ’ วัย 29 ปี อุทิศตัวเป็นแนวหน้าของการต่อสู้กับโควิด-19 รวมไปถึงต่อสู้กับอคติทางเชื้อชาติ และการเลือกปฏิบัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่การแพร่ระบาดกระจายมาจากประเทศจีน ออเดรย์เรียนจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจาก ‘University of Nevada, Reno’ ก่อนจะเรียนต่อด้านการแพทย์ที่ ‘University of Nevada School of Medicine’ และย้ายมาทำงานที่ลาสเวกัสพร้อมลูกวัย 2 ขวบ เธอมีความฝันอยากจะเป็นตัวแทนของหญิงสาวผิวสี หญิงสาวที่ทำงานด้านสุขภาพ และแม่ที่ทำงานเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ซึ่งความต้องการของเธอก็ตรงใจกับบริษัทแมทเทิลที่ไม่ได้ต้องการหาเพียงตัวแทนของความกล้าหาญ แต่ต้องเป็นผู้สร้างผลกระทบทางบวกให้กับสังคม รวมถึงเป็นผู้มอบแรงบันดาลใจและอนาคตอันสดใสให้แก่เด็กรุ่นต่อไป “ฉันอยากเป็นตัวแทนของพวกเขาเหล่านั้น ให้พวกเขารู้ว่ามีคนเห็นสิ่งที่พวกเขาทำ “ไม่ว่าคุณจะมีผิวสีอะไร มาจากครอบครัวแบบไหน ทุกอย่างมันเป็นไปได้เสมอ” ออเดรย์ทิ้งท้าย

แพทย์หญิงผู้ต่อสู้กับการเหยียดสีผิว ‘ชิกา สเตซี่ โอริวา’ คือแพทย์หญิงชาวแคนาดาและนักอ่านบทกวีที่ต่อสู้กับโควิด-19 ในแนวหน้า นอกจากนี้ เธอยังต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสุขภาพจิตใจของเด็ก ๆ รวมไปถึงต่อต้านระบบที่ส่งเสริมการเหยียดเชื้อชาติและเหยียดสีผิวในวงการแพทย์ ย้อนกลับไปในปี 2016 ชิกากำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัยโทรอนโต เธอเป็นนักเรียนผิวสีเพียงคนเดียวท่ามกลางเพื่อนร่วมห้องอีก 259 คน และนั่นทำให้เธอต้องทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างบรรยากาศในการเรียนให้มีความหลากหลาย หลังจากที่ตัวเธอเองต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติ ด้วยความพยายามในการเรียนและการใช้ชีวิตของชิกา เธอเป็นนักเรียนผิวสีคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในวันรับประกาศนียบัตร นอกจากนี้เธอยังได้รับรางวัลอีกมากมาย รวมไปถึงเป็นสมาชิกองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ‘Made of Millions Foundation’ เพื่อเปลี่ยนแปลงการรับรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิต “การจินตนาการว่าตุ๊กตาเหล่านั้นเป็นแพทย์ เป็นนักเขียน เป็นนักแสดง มันทำให้ฉันได้ทำตามความฝันตั้งแต่ยังเด็ก ฉันได้เห็นความเป็นไปได้หลายอย่างในชีวิต มันเป็นเกียรติมากที่ฉันได้กลายเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน ฉันหวังว่าเด็ก ๆ จะมีเป้าหมาย และทำเต็มความสามารถที่จะค้นพบศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของตัวเอง”

ศาสตราจารย์ผู้อยู่เบื้องหลังวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ‘ซาราห์ กิลเบิร์ต’ คือศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนแห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เธอเป็นหัวหน้าทีมพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ‘Oxford/AstraZeneca COVID-19 vaccine’ ที่กลายเป็นอีกหนึ่งความหวังและความช่วยเหลือที่ถูกส่งไปบรรเทาทุกข์ให้กับคนทั่วโลก โดยเมื่อไม่นานมานี้ เธอเพิ่งจะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ชั้นอัศวินจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ว่า ‘เดม’ (Dame) เพื่อเชิดชูความดีที่เธอทำ “ฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ในการเลือกอาชีพด้าน ‘STEM’ (วิทยาศาสตร์-Science, เทคโนโลยี-Technology, วิศวกรรมศาสตร์-Engineer และ คณิตศาสตร์-Mathematics) ฉันหวังว่าเด็ก ๆ ที่เห็นตุ๊กตาบาร์บี้ของฉันจะรู้ว่า อาชีพในวงการวิทยาศาสตร์นั้นมีส่วนสำคัญอย่างไรในการช่วยเหลือโลกของเรา ฉันหวังจริง ๆ ว่าจะทำให้พวกเขาเห็นอาชีพที่ผู้คนอาจจะมองไม่ค่อยเห็นนักอย่าง นักวัคซีนวิทยา” นั่นคือความหวังของศาสตราจารย์ในวัย 59 ปีที่อยากเห็นสัดส่วนของผู้หญิงที่เข้าศึกษาด้าน STEM เพิ่มขึ้นในอนาคต จากปัจจุบัน (ปี 2021) มีนักเรียนหญิงสนใจศึกษาด้านนี้เพียง 35% เท่านั้น (STEM Women, U.K.) นอกจากนี้ ซาราห์ยังเลือกมอบเงินจากบริษัทผู้ผลิตตุ๊กตาให้แก่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ‘WISE’ (Women in Science & Engineering) เพื่อส่งเสริมสตรีในการเข้าศึกษาด้าน STEM อีกด้วย

ชาวบราซิลผู้ริเริ่มการจัดลำดับจีโนมของไวรัส ‘แจ็คเกอลีน โกส์ เดอ เฮซุส’ เธอคือนักวิจัยด้านชีวการแพทย์ชาวบราซิลที่จบการศึกษาจาก ‘Bahian School of Medicine and Public Health’ และจบปริญญาโทด้าน Biotechnology in Health and Investigative Medicine ที่สถาบันวิจัย ‘Gonçalo Moniz’ ทั้งยังได้ปริญญาเอกด้าน Human and Experimental Pathology จาก ‘Federal University of Bahia’ เธอคือผู้ริเริ่มการจัดลำดับจีโนมของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) (Genome) ซึ่งการจัดลำดับดังกล่าวจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของไวรัสในระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกและหาความเชื่อมโยงกันได้ โดยทีมวิจัยในประเทศบราซิลที่นำโดยแจ็คเกอลีนประสบความสำเร็จอย่างมากในการค้นพบว่า ไวรัสที่พบในบราซิลนั้นเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากสายพันธุ์ดั้งเดิมในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งนอกจากผลงานของเธอจะสร้างผลกระทบในวงการวิทยาศาสตร์แล้ว นักวิจัยผิวสีอย่างแจ็คเกอลีนยังแสดงให้เห็นว่า สีผิวไม่ใช่อุปสรรคในการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และผู้หญิงผิวสีก็เป็นได้มากกว่าแม่บ้าน หรือพนักงานทำความสะอาด (BLACK BRAZIL TODAY) เพราะตอนนี้พวกเธอเริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการวิทยาศาสตร์มากขึ้นแล้ว

ผู้คิดค้นเสื้อกาวน์ซักได้เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ ‘เคอร์บี้ ไวท์’ แพทย์หญิงจากรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย คือผู้คิดค้นเสื้อกาวน์ซักได้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โดยเธอได้แรงบันดาลใจมาจากช่วงที่คลินิกของตัวเองประสบปัญหาขาดแคลนเสื้อกาวน์เป็นเวลา 3 อาทิตย์ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ระบาด เคอร์บี้ได้เริ่มผลิตเสื้อกาวน์จำนวน 5,000 ชุดที่สามารถซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อแจกจ่ายให้กับบุคลากรในแนวหน้า โดยเธอได้ทุนมากกว่า 40,000 เหรียญ จากแคมเปญ ‘GoFundMe’ ในการพัฒนาชุดเหล่านี้ และนั่นก็ทำให้เธอได้รับรางวัล ‘Local Hero Award’ จาก ‘Australian of the Year Awards’ ไปครอง