11 ส.ค. 2564 | 17:16 น.
‘ชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์’ เจ้าของโรงแรมโฆษะ ขอนแก่น ที่ตั้งใจไม่เลย์ออฟพนักงาน แต่พลิกวิกฤตด้วยการขายไก่ย่าง พร้อมเปิด hospitel รองรับผู้ป่วยโควิด-19
เมื่อการระบาดของโควิด-19 ทำให้การเดินทางและการท่องเที่ยวของผู้คนลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมหลายแห่ง รวมทั้งโรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น หากโรงแรมแห่งนี้กลับไม่มีการเลย์ออฟพนักงาน แต่ใช้วิธีการเปลี่ยนไปขายไก่ย่างเพื่อสุขภาพ รวมทั้งเปิดบางส่วนเป็น hospitel รองรับผู้ป่วยโควิด-19
“ตั้งแต่ตอนโควิด-19 รอบแรก นโยบายเราจะไม่เลย์ออฟพนักงาน แต่ถามว่าสาหัสไหม มันสาหัส เราถือว่าพนักงานหลาย ๆ คนเขาต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ บางคนต้องดูแลลูกเล็ก ดังนั้นเราจะสู้กันไปยังไง
“ขอนแก่นไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ขอนแก่นเป็นศูนย์กลางการค้า โลจิสติกส์ ลูกค้าหลักของโรงแรมจริง ๆ คือลูกค้าที่ประชุมสัมมนา ทีนี้ตั้งแต่โควิด-19 รอบแรก ภาครัฐเขาก็ตัดงบประชุมสัมมนาไปช่วยคนละครึ่ง ในปีนั้นเลยไม่มีประชุมสัมมนา หรือมีก็น้อยมาก คนมาพักก็น้อยมาก”
ชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น เล่าถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่ด้วยแนวคิดที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ นั่นคือ “งานอดิเรกครอบครัวโฆษะ คือเรามุ่งมั่นสั่งสมความดีตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” บริษัทในเครือโฆษะ กรุ๊ป จึงตั้งใจที่จะดูแลพนักงานไปพร้อมกับการทำเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง อย่างการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงสึนามิ การตั้งจุดรับบริจาคโลหิตภายในโรงแรมมานานกว่า 10 ปี ไปจนถึงการขาย ‘ไก่ย่างโฆษะ’ ในช่วงโควิด-19 ที่สานต่อมาจากโปรเจกต์ไก่ KKU1 ช่วยเหลือเกษตรกรในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว
ไก่ KKU1 โปรเจกต์เสริมรายได้ให้เกษตรกร
“นวัตกรรมไก่ KKU1 ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อก่อนสักประมาณ 5 ปีที่แล้ว เขาคิดค้นสายพันธุ์ไก่นี้มาได้ มีคุณสมบัติ low uric low fat แต่เขาไม่รู้ว่าเอาไปทำเมนูอะไรจึงจะอร่อย ก็เลยลองเอามาให้ครัวโฆษะทำ”
ชาติชายเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ ‘โครงการไก่ KKU1’ ในช่วงที่เขารับหน้าที่เป็นประธานประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) เมื่อเห็นข้อดีของไก่พันธุ์นี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ คุณสมบัติของไก่ที่แข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อมท้องถิ่น รวมทั้งประโยชน์ต่อผู้บริโภค จึงพัฒนามาเป็นโครงการไก่เพื่อสุขภาพที่ช่วยเหลือเกษตรกร โดยมี สุเมธ มั่งคั่ง กรรมการผู้จัดการ ในประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) อาสามาช่วยดูแลเรื่องฟาร์มไก่สำหรับ 100 ครัวเรือน
“สมมติว่าบ้านหนึ่งเอาไปเลี้ยงประมาณ 400 ตัว เขาไม่ต้องออกเงินซื้อลูกเจี๊ยบ ไม่ต้องออกเงินซื้ออาหารเลย เราดูแลให้ก่อน เขามีแค่หน้าที่ทำคอกนิดหน่อย แล้วก็ให้อาจารย์ไปเทรนไปสอน”
จุดมุ่งหมายของโครงการไก่ KKU1 ไม่ใช่การส่งเสริมเพื่อเป็นอาชีพหลัก แต่เป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร เพราะต้องการบริหารความเสี่ยง เผื่อกรณีที่มีโรคระบาด เช่น ไข้หวัดนก หรือเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ โดยทางประชารัฐวิสาหกิจจะทำหน้าที่เป็นคนกลางรับซื้อไก่เพื่อส่งต่อไปขายยังร้านรวงต่าง ๆ ซึ่งนอกจากไก่ชนิดนี้จะช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรแล้ว ยังเป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้บริโภค รวมทั้งคนที่กังวลเรื่องโรคเก๊าท์ เพราะไก่ KKU1 จะไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช้ฮอร์โมน รวมทั้งมีกรดยูริกต่ำ ไขมันต่ำ และโปรตีนสูง จึงจัดอยู่ในกลุ่มไก่พรีเมียมเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพและต้องการอุดหนุนเกษตรกรท้องถิ่น
ไก่ย่างโฆษะพลิกวิกฤตโรงแรม
ก่อนหน้านี้ไก่ KKU1 จะวางขายใน Lemon Farm และส่งไปยังร้านอาหารต่าง ๆ จนกระทั่งสถานการณ์โควิด-19 เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ร้านอาหารหลายแห่งปิดตัวลงหรือหยุดให้บริการชั่วคราว ส่งผลกระทบเป็นห่วงโซ่มาจนถึงการจำหน่ายไก่ KKU1 บวกกับโรงแรมที่มีคนเข้าพักน้อยลง ชาติชายจึงตัดสินใจพลิกวิกฤตนี้ ด้วยการนำไก่ที่เคยส่งไปยังร้านอาหารมารังสรรค์เมนูและจัดจำหน่ายโดยพนักงานในโรงแรม จนเกิดเป็น ‘ไก่ย่างโฆษะ’ เพื่อให้เกษตรกรไม่สูญเสียรายได้จากการเลี้ยงไก่ และพนักงานในโรงแรมยังคงมีงาน มีรายได้อยู่เช่นเดิม
“โฆษะก็เลยต้องรับซื้อไก่ชุดนี้ที่จะต้องส่งร้านอาหาร แล้วก็ทำเป็นไก่ย่าง ซีลสุญญากาศ แช่แข็ง ทำกัน 4-5 วัน ตอนนั้นโรงแรมต้องถูกปิดแล้ว เราให้ความร่วมมืออยู่แล้ว เพราะว่าโควิด-19 รอบแรก แนวคิดผมก็คือว่ามันต้องหยุดการเคลื่อนไหว ถ้าไม่หยุดการเคลื่อนไหว มันก็จะระบาดไปเรื่อย ๆ อยู่แล้ว
“ผมก็เลยโพสต์ facebook ว่า ที่ผ่านมาเราไม่เคยขอร้องอะไรใคร ศึกนี้มันใหญ่หลวงนัก ก็เลยทำไก่ย่างมาขายเพื่อให้เราไม่เลย์ออฟพนักงาน หลังจากนั้นกัลยาณมิตร เพื่อนฝูงต่าง ๆ ก็ช่วยแชร์ ช่วยซื้อ จนเป็นไวรัล กลายเป็นอาหารฮอตฮิตติดดาวในช่วงโควิด-19 เพราะมันสะดวกมาก คุณแม่บ้านก็จะชอบมาก เพราะว่าเราย่างเสร็จแล้ว มันแค่อุ่นไม่นานก็อร่อยได้เลย แม้แต่เด็ก ๆ ก็ทำเองได้ แล้วก็ทำแบบมีน้ำจิ้มพร้อม”
Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิด-19
นอกจากการปรับตัวทางธุรกิจด้วยการขายไก่ย่างโฆษะแล้ว ชาติชายยังคงไม่ละทิ้งความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคม เขาจึงเปิดส่วนหนึ่งของโรงแรมให้เป็น Hospitel สำหรับรองรับผู้ป่วยโควิด-19
“วันที่ 10 กรกฎาคม ทางสาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชพฤกษ์ก็โทรฯ หาผม บอกว่าขอนแก่นเตียงเต็มแล้ว น่าจะไม่พอแล้ว ก็อยากให้เราทำโรงพยาบาลสนาม hospitel ผมก็บอกสาธารณสุขจังหวัดว่า ได้ไม่มีปัญหา เราก็ตั้งใจตั้งแต่รอบแรกแล้ว
“ส่วนเรื่องการทำไก่ เราทำคนละอาคารอยู่แล้ว เรากั้นผนังกันส่วนที่เป็น hospitel แล้วเอาผนัง ISOWALL ของเรากั้น เพราะผนังเราทำสำหรับห้องผ่าตัดอยู่แล้ว แล้วใช้ลิฟต์ตัวเดียวที่เป็นลิฟต์ service สำหรับ hospitel ไม่เกี่ยวกับลิฟต์ตัวอื่น”
สำหรับ Hospitel นี้จะใช้รองรับผู้ป่วยสีเขียวที่ผ่านการวินิจฉัยจากแพทย์ โรงพยาบาลราชพฤกษ์ว่าไม่มีอาการและเชื้ออ่อนมากแล้ว แต่ยังไม่พ้นระยะกักตัว โดยจัดห้องพักในส่วนตึกด้านหน้า (KOSA WING) จำนวน 60 ห้อง เพื่อให้โรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ป่วยใหม่ และผู้ป่วยวิกฤตอื่น ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งอาคารดังกล่าวตั้งอยู่แยกห่างจากครัวบริเวณสวนมะพร้าวด้านนอกที่ใช้สำหรับผลิตไก่ย่างโฆษะ อีกทั้งพนักงานครัวและพนักงานส่วนหน้าได้รับวัคซีนกันอย่างครบถ้วน จึงมั่นใจได้ว่าไก่ย่างโฆษะนั้นสะอาดและปลอดภัยก่อนส่งถึงมือผู้บริโภคอย่างแน่นอน
แม้การทำ Hospitel และการปรับมาขายไก่ย่างโฆษะจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถึงอย่างนั้นชาติชายก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อความตั้งใจ ทั้งการดูแลพนักงานและการช่วยเหลือสังคมในวิกฤตครั้งนี้
“เราก็เลยสู้กันมาด้วยการขายไก่ในกรุงเทพฯ แล้วก็ต่างจังหวัดด้วยส่วนหนึ่ง ในขอนแก่นก็มีเบอร์ 0 4333 3999 โทรฯ มาสั่งได้ ก็จัดทีมไปส่งเขตในเมือง หรือว่าอยากกินไก่ย่างร้อน ๆ จากหน้าเตา ก็จัดเป็น pick up zone นัดเวลา ให้คุณมาจอดด้านหน้าโรงแรมเลย ไม่ต้องไปหาที่จอด ไม่ต้องเดิน แต่ถามว่ารายได้จากการขายไก่อย่างเดียวมันไม่พอจ่ายเงินเดือนหรอก แต่ก็สู้ไป ก็ทำกันไป”
โรงแรมโฆษะจึงนับเป็นตัวอย่างหนึ่งของธุรกิจที่ไม่ยอมแพ้และพยายามคิดหาทางออกในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและเร่งด่วนที่สุดในช่วงเวลานี้ คือวัคซีนคุณภาพที่จัดสรรให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง เพราะโควิด-19 ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่ยังหมายถึงเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และลมหายใจของผู้คนอีกจำนวนมาก
ช่องทางสั่งซื้อไก่ย่างโฆษะ (ส่งฟรีในพื้นที่กรุงเทพฯ)
Line : https://lin.ee/kvCIhxx
โทร. 08 1913 1333 (กรุงเทพฯ), 0 4333 3999 (ขอนแก่น)
