‘นิก ออกซ์เนอร์’ นักข่าวสืบสวนสอบสวนเปิดเผยเรื่องราวของ ‘พ่อ’ ผู้เป็นทหารอเมริกันที่เสียชีวิตขณะไปปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถาน
“พ่อผมไปอัฟกานิสถาน ต่อสู้ และกลับบ้าน เขาทำแบบนั้นอยู่ 3 ครั้ง มีเพียงครั้งสุดท้ายเท่านั้นที่เขาไม่กลับมา”
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปี 2002 เด็กชายตัวน้อยวัย 12 ปี นามว่า ‘นิก ออกซ์เนอร์’ (Nick Ochsner) และสมาชิกครอบครัวอีก 2 คน คือแม่และน้องสาวได้รับรู้เป็นครั้งแรกว่าพ่อของเขาจะเดินทางไปยังอัฟกานิสถาน
นิกเล่าว่าพ่อของเขา ‘เจมส์ ออกซ์เนอร์’ (James Ochsner) มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นทหารมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการฝึกกับหน่วยรบพิเศษ เพื่อเข้าหน่วยรบพิเศษกองทัพบกสหรัฐ หรือที่เรียกกันว่า ‘กรีนเบอเรต์’ (Green Beret)
ก่อนที่เจมส์จะออกเดินทางไปยังอัฟกานิสถาน นิกหยุดเรียนเพื่อใช้เวลากับพ่อของเขาให้นานที่สุด พวกเขารับประทานอาหารมื้อสุดท้ายพร้อมกันที่ศูนย์อาหาร หลังจากนั้นนิกก็ได้เห็นพ่อของเขาขึ้นรถบัสเพื่อไปยังเครื่องบินที่จะส่งเขาไปประเทศอัฟกานิสถาน ระหว่างทางกลับบ้าน นิก แม่ และน้องสาวสนทนากันเกี่ยวกับการเอาคืนผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ 9/11 เมื่อปี 2001 อย่างตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นนั้นก็กลบได้เพียงความกังวลที่ต้องจำใจส่งคนรักไปยังสงคราม
บนแผ่นดินอีกซีกโลก พ่อของนิกรับหน้าที่เป็นจ่าหน่วยข่าวกรองของกรีนเบอเรต์ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพบปะพูดคุยกับผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน รวมไปถึงชาวบ้านละแวกนั้น เจมส์ทำหน้าที่ของเขาได้อย่างดีเยี่ยม เขามอบความรักและความเคารพให้กับชาวอัฟกานิสถาน และได้รับสิ่งเหล่านั้นคืนกลับมาภายใต้ชื่อเรียก ‘Jimbo Khan’ ซึ่งเป็นสัญญาณแห่งความเคารพที่ชาวอัฟกานิสถานมีให้
หลังจากนั้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2005 ข่าวการเสียชีวิตของเจมส์ก็ถูกส่งผ่านจดหมายที่เขียนโดยเพื่อนรักของเจมส์อย่าง ‘อายยุบ’ (Ayoub) มายังครอบครัวที่อเมริกา พ่อของนิกเสียชีวิตจากเหตุระเบิดข้างทางใกล้กับพรมแดนอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน หลังจากได้รับจดหมาย นิกรู้ว่าไม่ได้มีเพียงครอบครัวของเขาเท่านั้นที่เสียใจ เพราะชาวอัฟกานิสถานที่รู้จักเจมส์ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน โดยชาวบ้านได้ส่งปืนไรเฟิลโบราณมาให้กับนิก เพื่อเป็นของขวัญแทนความเคารพอย่างสูงสุด ส่วนอายยุบ เพื่อนสนิทของพ่อก็เสียชีวิตที่นั่นในช่วงไม่กี่ปีให้หลัง
เวลาผ่านไปจนนิกอายุได้ 30 ปี เขากลายเป็นหัวหน้านักข่าวสืบสวนสอบสวนแห่งช่อง ‘WBTV’ ในเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา แต่นิกยังคงนึกถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตนเองและประเทศเรื่อยมา ความรู้สึกอันหลากหลายอัดอั้นอยู่ในใจเมื่ออเมริกาถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถาน เขาคิดว่านั่นหมายถึงการทิ้งชาวบ้านให้เผชิญหน้ากับตาลีบันอย่างโดดเดี่ยว พวกเขาไม่มีที่พึ่ง ทำอะไรไม่ถูก และต้องหลบอยู่แนวหลังของฝ่ายตรงข้าม
“2 ทศวรรษแห่งสงคราม หลายพันคนต้องเสียสละชีวิตตัวเอง เงินหลายล้านล้านเหรียญต้องถูกผลาญไป มันยากที่จะพูด กลุ่มตาลีบันยึดประเทศที่พ่อของผมและอีกหลายพันคนพยายามต่อสู้ เพื่อให้พวกเขาหลุดพ้นจากการถูกขี่ในอนาคต ถ้าพ่อของผมยังอยู่ เขาต้องกังวลมากแน่ ๆ มีชาวอัฟกานิสถานหลายพันคนที่ยอมเสี่ยงชีวิตตัวเอง และความปลอดภัยของครอบครัวเพื่อช่วยเหลืออเมริกา”
ทั้งหมดที่กล่าวมาคือความคิดเห็นส่วนตัวของนิก ออกซ์เนอร์ เขายังเพิ่มเติมว่าการเสียสละของพ่อเขาเมื่อ 16 ปีก่อนนั้นอาจคุ้มค่า แต่เขาไม่แน่ใจว่าในตอนนี้มันยังคุ้มอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตามทั้งนิกและผู้คนทั่วโลกต่างหวังให้เหตุการณ์ในอัฟกานิสถานเป็นไปในทิศทางที่ดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนที่นั่นจะปลอดภัย เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่เริ่มต้นความรุนแรง สงครามก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของสันติภาพ
เรื่อง วโรดม เตชศรีสุธี
ภาพ
Courtesy Ann C. Ochsner
อ้างอิง
https://edition.cnn.com/2021/08/17/opinions/afghanistan-us-withdrawal-leaves-gold-star-families-angry-ochsner/index.html?utm_medium=social&utm_source=fbCNN&utm_term=link&utm_content=2021-08-18T03%3A01%3A14&fbclid=IwAR3TRzVMu2H-gV455jrIq2dwhIGNEsrpsU_yflri9-thLs5bYcbVMxlFTbs
https://www.facebook.com/watch/?v=344968523941099