เตนล์ - ชิตพล ลี้ชัยพรกุล: ปฏิบัติการความฝันของเด็กชายที่มีศิลปะในหัวใจ สู่ศิลปินไทยคนแรกใน SM ค่ายปั้นไอดอลชื่อดัง
หากคุณบังเอิญได้ผ่านไปพบเด็กหนุ่มคนหนึ่งในจอทีวี และเด็กหนุ่มคนนั้นขยับร่างกายเต้นได้ราวกับว่าเขามีปีกและกำลังโบยบิน หากคุณบังเอิญได้รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นสามารถร้องเพลงได้อย่างน่าฟัง มีรอยสักโดดเด่นน่าประทับใจ เขาหลงรักในศิลปะ เป็นไม้แขวนที่ดีสำหรับเสื้อผ้า พูดได้ 5 ภาษา และมีโฮมแลนด์เป็นประเทศไทย - ขอให้แน่ใจว่าเด็กหนุ่มที่คุณบังเอิญผ่านไปพบคือ ‘เตนล์’ ชิตพล ลี้ชัยพรกุล
จากเด็กที่ไม่ได้รักสิ่งใดมากไปกว่าการเต้นและเวที เตนล์เติบโตและได้เป็นศิลปินสมความตั้งใจ
ต่อไปนี้คือเรื่องราวของเด็กชายที่กลายเป็นที่รู้จักในฐานะสมาชิกวง NCT, WayV และ SuperM โดยทั้งหมดเริ่มจากบ้านหนึ่งหลังในประเทศไทย และความฝันที่โบยบินไปไกลแสนไกลพร้อมการเดินทางของเจ้าตัว
ก่อนศิลปินจะโบกบิน
27 กุมภาพันธ์ 1996 คือวันที่ครอบครัวลี้ชัยพรกุลได้อ้าแขนต้อนรับลูกชายคนแรกของบ้าน - เตนล์เป็นพี่ชายที่เติบโตมาพร้อมกับน้องสาวที่อายุห่างกัน 3 ปี อย่าง ‘เติร์น’ โดยทั้งคู่ได้รับการสนับสนุนจากผู้เป็นแม่เต็มที่ การเล่นและเรียนอย่างหลากหลายทำให้เตนล์ค้นพบความฝันของตัวเองตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวจ้อย เจ้าหนูน้อยชอบร้องเพลง เล่นเปียโนได้ และเมื่อเติบโตขึ้นอีกหน่อย เด็กน้อยก็เริ่มจริงจังกับการเต้นมากขึ้นจนเข้าคลาสเรียนเต้นอย่างเต็มตัว
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เตนล์หลงรักการเต้นนั้นเกิดขึ้นตอนเด็กน้อยอายุได้ 14 ขวบ เมื่อเขาได้ดูภาพยนตร์คนพันธุ์แดนซ์อย่าง ‘Step Up 2’ และได้รู้จักกับเพลงฮิตในตำนาน ที่คอเพลงเกาหลีในยุคนั้นต้องร้องอ๋อ อย่าง ‘Sorry Sorry’ ของบอยแบนด์ ‘Super Junior’
ในขวบปีที่ 14 นั่นเองที่เตนล์ได้ฉายแววแห่งไฟฝันด้วยการแข่งขันที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการออดิชันกับค่าย ‘YG Entertainment’ และผ่านเข้ารอบ หรือการแข่งขันในรายการ ‘ทีนซูเปอร์สตาร์’ โดยใช้สเตจเนมว่า ‘TNT’ และก็กลายเป็นแชมป์ของรายการที่ครองใจทั้งกรรมการและแฟน ๆ ไปด้วยบุคลิกขี้เล่นแต่ความสามารถไม่ใช่เล่น ๆ ของเขา และได้รับโอกาสให้ไปฝึกกับค่ายเกาหลีอย่าง Starship อีกด้วย - เรียกได้ว่าตั้งแต่ยังไม่เข้าวัยหนุ่มเต็มตัว เตนล์ก็เข้าตาค่ายเพลงเกาหลีถึงสองแห่งด้วยกัน แต่ว่าครอบครัวของเตนล์ก็ปฏิเสธการไปฝึกระยะยาวในต่างถิ่นไปเพราะช่วงวัย และอยากให้เจ้าตัวได้เรียนที่ไทยไปก่อน
3 ปีต่อมา เตนล์ที่เริ่มโตเป็นหนุ่มออกเดินทางตามความฝันอีกครั้งด้วยการออดิชันกับค่ายเพลง ‘SM Entertainment’ และผ่านการออดิชันเช่นเคย แต่คราวนี้เด็กหนุ่มเติบโตมากพอที่ครอบครัวจะวางใจให้ไปใช้ชีวิตในต่างแดนแล้ว เด็กชายชาวไทยจึงมีโอกาสได้เก็บกระเป๋าไปฝึกวิชาฝันที่เกาหลี และเปิดตัวเป็น SM Rookies (ชื่อเด็กฝึกของค่าย) ในปีเดียวกัน
ติดปีกเติมฝัน
ปี 2016 เตนล์และสมาชิกอีก 4 คนได้เปิดตัวในฐานะ ‘NCT U’ - ยูนิตแรกของวงบอยแบนด์คอนเซปต์ไม่คุ้นหู ที่ตัววงสามารถเพิ่มจำนวนสมาชิก และแยกยูนิตย่อยได้เรื่อย ๆ โดยเส้นเรื่องของวงนั้นข้องเกี่ยวกับ ‘ความฝัน’ - ครั้งนั้นพวกเขาเปิดตัวด้วยเพลง ‘The 7th Sense’ ที่ถือเป็นเพลงแรกสุดของยูนิตนี้ และของวง NCT ด้วย
แม้ NCT U จะเป็นยูนิตที่น่าจับตามองไม่น้อยในช่วงเวลานั้น แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนทั้งเพื่อนร่วมวงการและแฟน ๆ รู้สึกทึ่งในความสามารถของเด็กหนุ่มคนนี้คือรายการนอกการโปรโมตในนามวงที่เขาเข้าร่วม อย่าง ‘Hit The Stage’ รายการแข่งเต้นที่ผู้เข้าแข่งขันต้องสร้างสรรค์เวทีและออกแบบท่วงท่าของตนเองตามโจทย์ที่ได้รับ
ความโดดเด่นของเขาในรายการนั้น ทำให้เตนล์กลายเป็นที่รู้จักด้วยคำกล่าวว่าเขาเป็น ‘เด็กที่เต้นบนเวทีเหมือนกับว่าเขามีปีก และบินได้’ แต่ก็แลกมาด้วยความห่วงระคนตกใจของแฟน ๆ เมื่อได้ทราบข่าวจากค่ายเพลงว่า เขาได้รับบาดเจ็บที่เข่าอย่างรุนแรงจนจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด และพักฟื้นจากเวทีไปร่วมปี
ความฝันของฮีโร่เลือดใหม่
ถ้าเปรียบศิลปินแต่ละคนเป็นเพชรที่ค่ายต้นสังกัดมีหน้าที่คอยเจียระไน ก็เรียกได้ว่าเตนล์คือเพชรเม็ดงามที่ได้รับโอกาสให้เปล่งประกายหลายครั้ง มากไปกว่ายูนิตและวง ไม่ว่าจะเป็น ‘NCT’ ‘WayV’ หรือ ‘SuperM’ ที่เขาได้เป็นสมาชิกและผลิตผลงานร่วมกับเพื่อนร่วมอาชีพ นับจากปี 2017 ถึงปัจจุบัน ผ่านโปรเจกต์ ‘SM Station’ เตนล์ได้ทำให้ผู้คนได้รู้จักตัวตนในบทบาทที่ต่างออกไป ด้วยการปล่อยเพลงเดี่ยวให้แฟน ๆ ได้ฟัง
‘Dream In A Dream’ ในปี 2017 คือบทเพลงที่ทำให้เตนล์ได้วาดสองแขนจนสุดมือเพื่อขยับเต้น ร่ายรำตามทำนอง ไปพร้อมกับร้องเพลงด้วยเสียงของตัวเอง ส่วนผลงานเดี่ยวครั้งที่สอง อย่าง ‘New Heroes’ ในปี 2018 ก็มีความลึกซึ้งด้านเนื้อหามากขึ้น เพราะมันพูดถึงชีวิตของศิลปินที่ต้องดิ้นรนเพื่อเป็น ‘ฮีโร่’ ในเส้นทางดนตรี
หลายถ้อยคำในเพลงนั้นทำให้เรานึกถึงตัวตนของเตนล์ ผู้ร้องและเพอร์ฟอร์มบทเพลงเหล่านั้นออกมา - ในฐานะแฟนคลับ เราต่างรับรู้เพียงว่าเด็กหนุ่มเคยบาดเจ็บทางกายภาพแบบที่เรียกได้ว่าเจ็บหนักหนึ่งครั้ง แต่เราอาจไม่มีทางรู้ได้ว่าระหว่างทางฝันที่เติบโตผ่านช่วงวัยไปพร้อมชีวิตศิลปินสักคน เขาจะต้องเผชิญหน้าความเจ็บปวดมามากแค่ไหน เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้เขียนรับรู้ได้ผ่านการเต้นและร้องของเตนล์ใน ‘New Heroes’
/ Nobody knows how I got here
Nobody cared for my dream
I get high off my lows and stronger from the blows
So I keep on, keep on, keep on /
เด็กหนุ่ม all-round ที่จะสร้างศิลปะต่อไป
สำหรับ ‘WayZenNi’ แฟนคลับของ ‘WayV’ และ ‘10vely’ แฟนคลับของเตนล์ ที่เฝ้ามองเด็กหนุ่มคนนี้มาโดยตลอด ก็คงจะเห็นได้ชัดว่าหลังจากเดบิวต์ในวันนั้น จนวันนี้ เตนล์เก่งขึ้นในทุกด้านมากขึ้นแค่ไหน
จากที่เต้นได้ดีอยู่แล้วก็ดีขึ้นได้อีก จากรับหน้าที่แรปในเพลงก็สามารถรับตำแหน่งร้องได้ด้วย เนื้อเสียงและเทคนิคการร้องของเขาพัฒนาจนสามารถร้อง ‘ไฮโน้ต’ ได้อย่างไพเราะ แถมการทำงานในหลาย ๆ ประเทศยังทำให้เตนล์สามารถพูดสนทนาอย่างคล่องแคล่วได้ถึง 4 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ เกาหลี จีน และกำลังตั้งใจเรียนภาษาที่ 5 อย่างญี่ปุ่นอีกด้วย จนแฟนคลับหลาย ๆ คนมักพูดบ่อย ๆ ว่า เตนล์กลายเป็นแรงบันดาลใจและ ‘ไอดอล’ ในการใช้ชีวิตของพวกเขา และเป็นคนที่แค่มองก็ทำให้รู้ว่าความพยายามอย่างเต็มที่ในสิ่งที่ตัวเองรักนั้นมีความหมายมากเพียงใด
สิ่งที่ตอกย้ำว่าศิลปินหนุ่มวัย 25 ปีคนนี้มีความสามารถแบบ ‘all-round’ ไม่แพ้ใครก็คงจะเป็นเพลงเดี่ยวในรูปแบบ Station ครั้งที่ 3 ชื่อเพลงว่า ‘Paint Me Naked’ ที่ปล่อยเพลงและเอ็มวีออกมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2021 นั่นเอง โดยในคราวนี้เรียกได้ว่าฉีกจาก Station สองรอบก่อนอยู่พอตัว เพราะเตนล์มาในชุดแฟชั่นแบบป็อปผสมพังก์ และได้โชว์ศักยภาพทั้งร้อง แรป เต้น รวมทั้งส่งคาริสมาของเจ้าตัวแบบเต็มที่ไม่มีแผ่ว
แม้บทความชิ้นนี้จะจบลงที่ ‘Paint Me Naked’ แต่เส้นทางสายศิลปะของเด็กหนุ่มที่มีความเป็นศิลปินเต็มเปี่ยมอย่างเตนล์ยังอีกยาวไกล และการได้เฝ้ามองเตนล์ค่อย ๆ เติบโตก็น่าจะสร้างทั้งแรงบันดาลใจ และความเพลิดเพลินระหว่างเสียงเพลงให้ผู้คนไม่น้อยทีเดียว