อองรี เนสท์เล่ : ผู้ก่อตั้ง Nestlé แบรนด์ที่เริ่มจากการช่วยชีวิตทารก สู่กาแฟเจ้าแรกบนดวงจันทร์
หากพูดถึงแบรนด์ที่มีโลโก้เป็นภาพรังนกและแม่นกคอยป้อนอาหารให้ลูก ๆ ตัวจ้อย เชื่อว่าหลายคนคงพอจะนึกออกว่าเรากำลังพูดถึงแบรนด์ ‘Nestlé’ ที่โด่งดังมานานนับศตวรรษ โดยมีทั้งแบรนด์กาแฟ น้ำเปล่า ซีเรียล ซีรีแล็ค ไอศกรีม และผลิตภัณฑ์อาหารหลากชนิดที่เราคุ้นตา
หากโลโก้รังนกที่คุ้นเคยนี้ ไม่ได้สะท้อนภาพของสินค้าสำหรับนกแต่อย่างใด หากซ่อนความหมายอันแสนอบอุ่นเอาไว้ เพราะ ‘อองรี เนสท์เล่’ (Henri Nestlé) ผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้เริ่มต้นมาจากความตั้งใจจะช่วยเหลือเด็กทารกที่ไม่สามารถดื่มนมแม่ได้
จากเยอรมนีถึงสวิตเซอร์แลนด์
เดิมทีอองรีมีชื่อว่า ไฮน์ริช (Heinrich) เขาคือชาวเยอรมันที่เกิดในช่วงปี 1814 ท่ามกลางพี่น้อง 14 คน และครอบครัวที่บรรพบุรุษส่วนใหญ่ รวมทั้งพ่อแม่ของเขาดำรงชีพด้วยการทำธุรกิจส่วนตัว เขาจึงซึมซับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่วัยเยาว์
แต่เด็กชายคนนี้ไม่ได้วาดหวังจะเป็นนักธุรกิจตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะเขามีความสามารถโดดเด่นทั้งภาษาละติน พฤกษศาสตร์และเคมี โดยเฉพาะวิชาเคมีที่กลายเป็นรากฐานให้เขามาฝึกงานและประกอบอาชีพด้านเภสัชกร
ต่อมาเนสท์เล่ได้อพยพจากเยอรมนีมาอาศัยอยู่ในเมืองเวอแว (Vevey) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเปลี่ยนจากชื่อไฮน์ริช (Heinrich) มาเป็น ‘อองรี’ (Henri) โดยเนสท์เล่คลุกคลีอยู่กับงานด้านเภสัชกรรมมาพักใหญ่ จนกระทั่งเกิดวิกฤตที่พบว่าเด็กทารกจำนวนมากทยอยเสียชีวิตลง เพราะไม่สามารถดื่มนมแม่ได้ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Nestlé ในเวลาต่อมา
เมื่อไม่มีสิ่งใดทดแทนนมแม่
ในยุคสมัยนั้นผู้คนเชื่อว่า ‘นมแม่’ คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก แต่เด็กทารกจำนวนมากจำต้องจากโลกใบนี้ไป ด้วยเงื่อนไขหลากหลายที่ไม่สามารถดื่มนมแม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายของแม่บางคนที่ไม่พร้อม บ้างก็มีโรคติดต่อ บ้างก็มีปัญหาเรื่องการเก็บรักษานมแม่ หรือหากเป็นน้ำนมจากสัตว์ชนิดต่าง ๆ ก็ย่อยยากและมีโอกาสปนเปื้อนสูง
นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขในเชิงสังคม เช่น เด็กทารกบางคนถูกทอดทิ้งและต้องไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า จึงไม่มีนมแม่สำหรับเด็กกลุ่มนี้ หรือหญิงสาวยากจนที่ต้องทำงานในโรงงาน หากพวกเธอลางานมาเพื่อเลี้ยงลูก ก็มักจะถูกบีบให้ออกจากงานอย่างถาวร ส่วนอาหารสำหรับทารกที่ทดแทนนมแม่ได้ ก็มีความซับซ้อน และใช้เวลาเตรียมค่อนข้างนาน
เนสท์เล่จึงพยายามคิดค้นวิธีสร้างสารอาหารทดแทนนมแม่ เพื่อช่วยชีวิตเด็กจำนวนมากที่ต้องจากอ้อมกอดของมารดาไป จนกระทั่งกลางทศวรรษ 1860 เนสท์เล่ในวัย 53 ปีได้ค้นพบสูตรนมสำหรับเด็กทารก แล้วตั้งชื่อผลิตภัณฑ์นี้ว่า ‘ฟารีน แล็กเต’ (Farine Lactée) นมสำหรับทารกชนิดแรกในโลกซึ่งออกจำหน่ายในปี 1867
หลังจากนั้น เนสท์เล่ได้ลองใช้ ฟารีน แล็กเต สำหรับเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด หรือทารกที่ไม่สามารถดื่มนมแม่ได้ ซึ่งผลลัพธ์คือพวกเขามีสุขภาพที่สมบูรณ์ขึ้น จนชื่อเสียงของ ฟารีน แล็กเต แพร่กระจายไปทั่วบริเวณทะเลสาบเจนีวาอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นอาหารทารกที่เตรียมง่าย อร่อย และถูกต้องตามหลักโภชนาการ
ต่อมาในปี 1868 เนสท์เล่ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าราว 8,000 ชิ้น ก่อนจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็น 670,000 ชิ้นในปี 1874 และมากกว่า 1 ล้านชิ้นในปีถัดมา และภายในเวลาเพียง 7 ปี เนสท์เล่มีเครือข่ายจัดจำหน่ายกว่า 18 ประเทศทั่วโลก
นอกจากความสำเร็จของตัวสินค้าแล้ว อองรี เนสท์เล่ ยังใส่ใจลงในตราสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับจุดเริ่มต้นครั้งนี้ นั่นคือภาพรังนกที่มีแม่นกกำลังป้อนอาหารลูก ๆ อยู่ โดยอองรีพัฒนามาจากตราประจำตระกูลของครอบครัว และต้องการเชื่อมโยงกับสูตรนมสำหรับเด็กทารก รวมทั้งสายใยระหว่างแม่ลูก ส่วนคำว่า Nestlé มาจากนามสกุลของเขา และยังเป็นภาษาถิ่นที่หมายถึงรังน้อย ๆ ของเจ้านก (little nest) อีกด้วย
นกน้อยโบยบินสู่ดวงจันทร์
อองรี เนสท์เล่ พาเจ้านกโบยบินไปเติบโตยังประเทศต่าง ๆ ก่อนจะตัดสินใจขายกิจการให้กับอีกบริษัทหนึ่ง เพื่อพักผ่อนหลังวัยเกษียณในเมืองเวอแวตามเดิม ถึงอย่างนั้นเจ้านกในรังของ Nestlé ก็ยังคงเติบโตและออกเดินทางต่อไป ซึ่งหนึ่งในเรื่องราวที่มีชื่อเสียงของแบรนด์ Nestlé ในเวลาต่อมาคือการผลิต NESCAFÉ
แม็กซ์ มอร์เกนทาเลอร์ (Max Morgenthaler) คือผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟของ Nestlé เขาคิดค้นวิธีการผลิตกาแฟสำเร็จรูปที่รับประทานง่ายขึ้น เพียงแค่เติมน้ำลงไปเท่านั้น เมื่อเขาคิดค้นสำเร็จ NESCAFÉ จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1938 โดยตั้งตามชื่อแบรนด์ Nestlé แต่หนึ่งปีต่อมา สงครามโลกครั้งที่สองได้เริ่มต้นขึ้น NESCAFÉ จึงกลายเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของทหารในช่วงสงคราม เพราะรับประทานง่าย สะดวกและรวดเร็ว
จนกระทั่งสงครามสงบลง NESCAFÉ ยังคงเป็นที่นิยมอยู่เช่นเดิม แถมยังร่วมเดินทางไปกับผู้คนไม่ว่าจะเป็นการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ครั้งแรกในปี 1953 พร้อมกับ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี (Edmund Hillary) และ เทนซิง นอร์เกย์ (Tenzing Norgay) ไปจนถึงการเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) บัซ อัลดริน (Buzz Aldrin) และไมเคิล คอลลินส์ (Michael Collins) ที่ได้นำ NESCAFÉ ขึ้นไปบนนั้นด้วย ทำให้ NESCAFÉ กลายเป็นกาแฟเจ้าแรกที่เดินทางไกลไปถึงดวงจันทร์เลยทีเดียว
แม้สุดท้ายแล้วอองรี เนสท์เล่จะขายกิจการให้กับบริษัทอื่น และจากโลกใบนี้ไปเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 1890 แต่เขาจะยังคงเป็นที่จดจำ ในฐานะจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Nestlé และผู้ประกอบการที่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม ทั้งยังเป็นการย้ำเตือนกับผู้คนว่า ผลิตภัณฑ์อาหารสามารถเป็นได้มากกว่าความอิ่มท้อง แต่อาจทำให้การใช้ชีวิตของใครบางคนดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย หรือแม้กระทั่งสุขภาพและลมหายใจของคนที่เรารัก
ติดตาม Instagram ของ The People ได้ที่ https://www.instagram.com/thepeoplecoofficial/
ที่มา:
https://www.nestle.com/sites/default/files/asset-library/documents/about_us/henri-nestle-biography-en.pdf
https://www.erih.net/how-it-started/stories-about-people-biographies/biography/nestle
https://houseofswitzerland.org/swissstories/history/henri-nestle-man-behind-global-enterprise
https://www.nestle-cwa.com/en/henri-nestl-company-founder-turns-200
https://www.nestle.com/aboutus/history/nestle-company-history
https://persona.rin.ru/eng/view/f/0/18016/nestle-henry
https://www.nescafe.com/th/th-th/about-us
ที่มาภาพ:
https://www.nestle.com/aboutus/history/nestle-company-history
https://www.nescafe.com/th/th-th/about-us
https://www.facebook.com/Nestle