Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’

Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
/ ****บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง Eternals (2021) / ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ภายใต้ฝีมือการกำกับของ ‘โคลอี้ เจา’ (Chloé Zhao) เจ้าของรางวัลออสการ์ สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง ‘Nomadland’ (2020) แล้ว ถึงแม้จะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งจักรวาลฮีโร่ ‘Marvel’ ที่มีเอกลักษณ์เรื่องฉากแอ็กชันสุดมันส์อลังการ แต่ครั้งนี้ ความลุ่มลึกของตัวละครและความละเอียดของบทกลับกลายเป็นสิ่งที่น่าจดจำไม่แพ้กัน Eternals ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่ม ‘อีเทอร์นอลส์’ ยอดนักรบผู้มีพลังเทพเจ้าเทียบเคียงได้กับ ‘ธอร์’ (Thor) เทพเจ้าสายฟ้า พวกเขาถูกส่งมายังโลกโดยสิ่งมีชีวิตที่มีพลังราวกับเป็นเทพเจ้าผู้สรรสร้างสรรพสิ่งนามว่า ‘อริเชม’ (Arishem) เพื่อภารกิจในการปกป้องมนุษยชาติจากการถูกเขมือบโดย ‘ดีเวียนต์’ (Deviant) สิ่งมีชีวิตสุดอันตราย ศัตรูคู่อาฆาตของเหล่าอีเทอร์นอลส์ หลังจากที่เหล่าฮีโร่พลังเทพเจ้าเฝ้ากำจัดดีเวียนต์มาตั้งแต่ 7,000 ปีก่อน ในที่สุดพวกเขาก็ทำภารกิจ (เบื้องต้น) ได้สำเร็จ และแยกย้ายไปลองใช้ชีวิตในแบบมนุษย์กันต่ออีกหลายพันปีเพื่อรอคำสั่งจากอริเชมให้กลับบ้าน Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ ระหว่างที่มนุษย์พัฒนาเผ่าพันธุ์ของตนเอง และโลกก็หมุนไปข้างหน้าทุกวัน เหล่าอีเทอร์นอลส์ผู้ไม่มีวันแก่ (แต่มีวันตาย) ทั้ง 10 คน ได้เฝ้ามองมนุษย์อย่างใกล้ชิดไม่ห่าง พวกเขาแต่ละคนมีรูปลักษณ์ ลักษณะนิสัย และพลังที่ไม่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะจดจำพวกเขาทั้งหมดไม่ได้ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบทมาอย่างดี จนสามารถกระจายสปอตไลต์และทำให้คนดูหลงรักพวกเขาทุกคนได้ในเวลาเดียวกัน นี่คือสรุปชื่อและความสามารถในภาพยนตร์ของพวกเขา
  1. ‘เอแจ็ก’ (Ajak) รับบทโดย ‘ซัลมา ฮาเยค’ (Salma Hayek) เธอคือ ไพรม์ อีเทอร์นอลส์ ผู้รับหน้าที่สื่อสารกับอริเชมในฐานะผู้นำกลุ่ม และเป็นเหมือน ‘แม่’ ผู้คอยดูแลทุกคนอยู่เสมอ พลังของเธอที่เห็นในภาพยนตร์คือการเยียวยารักษาบาดแผล Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
  2. ‘เซอร์ซี’ (Sersi) รับบทโดย ‘เจมมา ชาน’ (Gemma Chan) เธอคืออีเทอร์นอลส์ที่รักและเป็นมิตรกับมนุษย์มากที่สุด พลังของเธอคือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสิ่งของจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เช่น เปลี่ยนรถยนต์เป็นกลีบกุหลาบ Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
  3. ‘อิคาริส’ (Ikaris) รับบทโดย ‘ริชาร์ด แมดเดน’ (Richard Madden) ชายหนุ่มหน้าตาดี ผู้มีความจงรักภักดีเป็นเลิศ สามารถเหินฟ้า และปล่อยเลเซอร์ออกจากตาได้เหมือนซูเปอร์แมน แค่เขาไม่ได้สวมผ้าคลุม Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
  4. ‘สไปรท์’ (Sprite) รับบทโดย ‘ไลอา แม็กฮิวจ์’ (Lia McHugh) อีเทอร์นอลส์ที่ถูกสร้างขึ้นให้อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กวัย 12 ปี เธอไม่เคยแก่และไม่เคยสูงขึ้นเลย นั่นทำให้สไปรท์อิจฉาอีเทอร์นอลส์คนอื่นที่ได้สัมผัสความเป็นผู้ใหญ่อยู่ตลอด พลังของสไปรท์คือการสร้างภาพลวงตา Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
  5. ‘ธีน่า’ (Thena) รับบทโดย ‘แองเจลินา โจลี’ (Angelina Jolie) เทพีแห่งสงคราม ผู้แข็งแกร่งและงดงาม เธอออกจะดูหยิ่งไปบ้าง แต่ก็มีความสามารถ และพร้อมยื่นมือช่วยเหลือเพื่อนเสมอ ความสามารถของธีน่าคือการสร้างอาวุธและเกราะป้องกันตนเอง Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
  6. ‘กิลกาเมช’ (Gilgamesh) รับบทโดย ‘มาดงซ็อก’ (Ma Dong-seok) ชายร่างบึกบึนผู้มีพละกำลังมหาศาล เขาสามารถรวมพลังเอาไว้ที่มือ เพื่อเหวี่ยงหมัดที่หนักกว่าหินพุ่งชนศัตรูจนช้ำในตายได้ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ชายใจดีที่ทำอาหารอร่อยอีกด้วย Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
  7. ‘ฟาสโตส’ (Phastos) รับบทโดย ‘ไบรอัน ไทรี เฮนรี’ (Brian Tyree Henry) อีเทอร์นอลส์สาย IT ผู้เชี่ยวชาญทุกนวัตกรรมและเทคโนโลยี เขาคือผู้สร้างและผู้ชี้นำแนวทางในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่มนุษย์ ที่สำคัญเขายังเป็นฮีโร่ LGBTQ+ คนแรกของจักรวาลมาร์เวลที่แต่งงานกับเพศเดียวกัน และกลายเป็นคุณพ่อลูกหนึ่งไปแล้ว Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
  8. ‘มัคคารี’ (Makkari) รับบทโดย ‘ลอร์เรน ริดลอฟฟ์’ (Lauren Ridloff) เธอคือฮีโร่ผู้มีความบกพร่องทางการได้ยิน แต่ทุกคนสามารถใช้ภาษามือคุยกับเธอได้ โดยมัคคารีเป็นสาวอารมณ์ดีที่ไม่สนใจเทคโนโลยี แต่ฝีเท้าของเธอก้าวล้ำยุคไปมาก ถึงขั้นมองไม่เห็นกันเลยทีเดียว Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
  9. ‘คิงโก’ (Kingo) รับบทโดย ‘คูมาล นานจานี’ (Kumail Nanjiani) ชายหนุ่มอารมณ์ดี สายเฮฮา ผู้รักการแสดงเป็นชีวิตจิตใจ เขามีความสามารถในการปล่อยพลังใส่ศัตรูในรูปแบบที่คล้ายกระสุนปืน หรือบางครั้งก็กระสุนปืนใหญ่ Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
  10. ‘ดรูอิก’ (Druig) รับบทโดย ‘แบร์รี โคแกน’ (Barry Keoghan) ชายหนุ่มท่าทางสุขุมลุ่มลึกที่แฝงไปด้วยความกวนโอ๊ย เขามีความสามารถที่สุดจัดในการเข้าควบคุมจิตใจคน Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’
ตัวละครทั้งหมดปรากฏอยู่ใน Eternals ฉบับการ์ตูน ซึ่งเล่มแรกเผยแพร่ในปี 1976 เขียนโดยราชาแห่งวงการคอมมิค ‘แจ็ค เคอร์บี้’ (Jack Kirby) มีเนื้อหาเกี่ยวกับการมาเยือนโลกของพระเจ้า ซึ่งจับเอาลิงไปทำการทดลองจนบังเกิดเป็นสิ่งมีชีวิต 3 กลุ่ม ได้แก่ ดีเวียนต์ มนุษย์ และอีเทอร์นอลส์ ซึ่งความขัดแย้งระหว่างดีเวียนต์และอีเทอร์นอลส์เป็นสิ่งที่ปรากฏในภาพยนตร์เช่นเดียวกัน แต่ต้องบอกว่ารายละเอียดอื่น ๆ นั้นคงไม่เหมือนเสียทีเดียว จากคอมมิคสู่ภาพยนตร์ เพศสภาพของตัวละครถูกเปลี่ยนจากผู้ชายให้เป็นผู้หญิงจำนวน 3 ตัวละคร ได้แก่ เอแจ็ก สไปรท์ และมัคคารี ทำให้สัดส่วนหญิงชายกลับมาเท่ากัน แถมยังมีการเปลี่ยนความสามารถ จริง ๆ ต้องบอกว่าตัวละครโดน ‘เนิร์ฟ’ (ลดความสามารถ) ลงมากกว่า แต่รายละเอียดดังกล่าวคงไม่ได้สำคัญมากนัก เมื่อตัวบทของภาพยนตร์หวังจะพาเราไปชมความเปลี่ยนแปลงและความผิดพลาดที่มนุษย์สั่งสมมาตลอด 7,000 ปีมากกว่า Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ มองประวัติศาสตร์มนุษยชาติผ่านมุมมองของอีเทอร์นอลส์ จากยานโดโม่ สู่แผ่นดินเมโสโปเตเมีย อีเทอร์นอลส์กำจัดดีเวียนต์ที่เข้ามารุกรานพื้นที่ทำกินของมนุษย์เป็นครั้งแรกเมื่อ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล เหล่าอีเทอร์นอลส์ได้เข้ามาช่วยเหลือ และชี้นำพวกเขาให้รู้จักพัฒนาการตัวเอง แต่พวกเขามีกฎสำคัญที่ต้องปฏิบัติคือ ‘ต้องไม่เข้าไปแทรกแซงการทะเลาะวิวาทของมนุษย์ และไม่ทำให้มนุษยชาติพัฒนาเร็วเกินไป’ กล่าวโดยง่ายว่า อีเทอร์นอลส์พยายามจะรักษาสมดุลให้กับพัฒนาการ เราจะเห็นเหล่าอีเทอร์นอลส์เฝ้าดูพัฒนาการของมนุษย์อย่างใกล้ชิด พวกเขาปกป้อง และใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้เป็นอย่างดีจนเกิดเป็นความรักที่มอบให้กับดาวเคราะห์สีฟ้าดวงนี้ทีละนิด แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เหล่าอีเทอร์นอลส์ต้องมีปากเสียงกันก็มีสาเหตุมาจากมนุษย์ด้วย  Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ อีเทอร์นอลส์เห็นมนุษย์ทำผิดพลาดมาตลอดเวลาหลายพันปี พวกเขาเห็นมนุษย์ใช้ความรู้ในการชิงดีชิงเด่น ฆ่าฟัน และแก่งแย่ง ผู้คนถูกความโกรธ ความอิจฉาริษยา และความโลภครอบงำจนก่อสงครามที่นำมาซึ่งการล่มสลายเสมอ จากเมโสโปเตเมีย สู่อาณาจักรบาบีลอนเมื่อ 575 ปีก่อนคริสตกาล ตามมาด้วยจักรวรรดิคุปตะในคริสต์ศักราช 400 และอารยธรรมเม็กซิกัน-เตนอชตีตลัน คริสต์ศักราช 1521 แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงอดีต ภายนอกวิหารที่เคยรุ่งเรืองของเตนอชตีตลัน เพลิงกาฬกำลังแผดเผาต้นไม้และบ้านเรือนของผู้คนจนมอดไหม้ ชายชาตินักรบพุ่งอาวุธเข้าหากันอย่างไร้ความปรานี แสงจากปลายกระบอกปืนสว่างวาบ ขณะที่หลายชีวิตล้มลงกับพื้น นั่นคือครั้งสุดท้ายที่อีเทอร์นอลส์ทั้ง 10 รวมตัวกัน พวกเขากำจัดดีเวียนต์หมดทั้งโลกแล้ว แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก กลับกลายเป็นคนบนโลกที่พวกเขาคอยปกป้อง Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ “อริเชมไม่ต้องการให้เราแทรกแซงเรื่องของมนุษย์” เอแจ็กบอกกับดรูอิกเมื่อเขาไม่อยากทนเห็นมนุษย์รบราฆ่าฟันกันอีก  “ทหารข้างล่างนั่นมืดบอดด้วยความภักดี เราก็เหมือนกัน” ดรูอิกชี้ให้เห็นผลลัพธ์ของทหารผู้รับใช้นายอย่างซื่อสัตย์และตายอย่างจงรักภักดี เอแจ็กและอีกหลายคนเองก็ภักดีต่ออริเชมเพียงคนเดียวเช่นกัน แต่บางครั้งความภักดีก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง เมื่อดรูอิกไม่สามารถใช้พลังหยุดสงครามได้ เขาจึงเลือกจะปลีกวิเวกไปอยู่กับมนุษย์กลุ่มหนึ่งหลังจากที่เอแจ็กประกาศให้ทุกคนแยกย้ายไปใช้ชีวิตแบบมนุษย์ของตนเอง “หรือสิ่งที่เราทำมันคือความผิดพลาด” อีเทอร์นอลส์หลายคนคิดเช่นนั้นไม่ใช่เพียงดรูอิกคนเดียว ฟาสโตสนั่งร้องไห้อยู่ท่ามกลางซากเถ้าธุลีสีดำที่เมืองฮิโรชิม่า นี่คือผลจากการที่เขาหยิบยื่นเทคโนโลยีให้กับมนุษย์ ถึงแม้จะให้อย่างค่อยเป็นค่อยไปแล้วก็ตาม มนุษย์ทำให้อีเทอร์นอลส์หมดศรัทธาในตัวพวกเขา “มนุษย์ไม่คุ้มค่าพอให้ช่วย” ฟาสโตสสะอื้น เราเห็นความผิดพลาดของมนุษย์จากภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง Eternals ก็เช่นเดียวกัน แต่ครั้งนี้เป็นการนำเสนอผลลัพธ์ของมนุษย์แบบกว้างที่ทำให้เห็นถึงการล่มสลายระดับอาณาจักรและอารยธรรม จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดธานอส (Thanos) จึงหวังจะดีดนิ้วเพื่อลดประชากรโลกและจักรวาลลงครึ่งหนึ่ง แต่ในทางกลับกัน เรื่องราวของ Eternals ที่แฟลชแบ็คแทบจะถึงครึ่งเรื่องก็ชวนให้ตั้งคำถามถึงสิ่งที่มนุษย์ทำว่ามันคือ ‘ความผิดพลาด’ หรือ ‘การเติบโต’ กันแน่ แล้วมนุษย์ล่ะ? มนุษย์สมควรจะได้อยู่ต่อไปหรือไม่? Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ มนุษย์สมควรอยู่ต่อไปหรือไม่? คำถามนี้ไม่ใช่คำถามที่แปลกใหม่อะไรนัก มีเทพเจ้าและมนุษย์ที่อยากรับบทเป็นพระเจ้าหลายคนที่พยายามจะกำจัดมนุษย์ทิ้ง เช่นเดียวกับมังงะที่โด่งดังในปี 2021 อย่างเรื่อง ‘มหาศึกคนชนเทพ’ (Record of Ragnarok) เหล่าเทพเจ้าต่างมารวมตัวกันเพื่อตัดสินชะตากรรมของมนุษย์ โดยในมังงะเรื่องนี้ ตัวแทนมนุษย์มีสิทธิ์ร่วมตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขาในการดวลแบบตัวต่อตัวกับเทพเจ้า ส่วนเรื่อง Eternals มนุษย์ไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นอะไรมากมาย แต่มนุษย์กลับเป็นตัวละครสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะพวกเขาทำให้เหล่าฮีโร่พลังเทพได้รู้จักคำว่า ‘การใช้ชีวิต’ อย่างแท้จริง ‘เดน วิทแมน’ (Dane Whitman) รับบทโดย ‘คิต แฮริงตัน’ (Kit Harington) เขาคือชายหนุ่มผู้เข้ามากุมหัวใจของเซอร์ซีแทนที่อิคาริส ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ (หรือเปล่า? เนื่องจากใน end credit มีการกล่าวถึงความลับของเขาด้วย) แต่อย่างไรก็ตาม บทของเขาถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นอาจารย์แสนธรรมดา เขาเข้ามาทำให้หัวใจของเซอร์ซีที่โสดมาเป็นร้อย ๆ ปีได้กระชุ่มกระชวยอีกครั้ง วิทแมนคือคนหนึ่งที่เซอร์ซีอยากปกป้องให้ปลอดภัยจากอันตราย ซึ่งหนึ่งในประโยคพิชิตใจสาววัย 7,000 ปีก็คือ “ผมรักคุณเซอร์ซี” Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ นอกจากวิทแมน เหล่าอีเทอร์นอลส์ยังได้รู้จักกับ ‘การุณ’ (Karun) รับบทโดย ‘ฮาริช พาเทล’ (Harish Patel) ตัวประกอบดีเด่นที่เรียกทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตาแห่งความซึ้งได้เป็นอย่างดี ต้องบอกว่าบทพูดของเขาไม่ได้เท่หรือคมคาย แต่กลับแฝงไปด้วยความจริงใจอยู่ในนั้น การุณคือตัวแทนมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่ทำงานเพื่อแลกเงิน และตั้งใจติดตามคนที่ให้ความช่วยเหลือเขามาตลอดอย่างคิงโก  เมื่อครั้งที่อีเทอร์นอลส์ตัดสินใจไม่หยุด ‘การอุบัติ’ ที่ส่งผลถึงการแตกสลายของโลก การุณไม่ได้ด่าทอหรือว่ากล่าวพวกเขาแม้แต่น้อย ชายวัยกลางคนคนนี้ยอมรับและขอบคุณในความเมตตาที่อีเทอร์นอลส์ปกป้องมนุษย์มาตลอด การุณกำลังบอกเหล่าเทพผ่านการกระทำว่า มนุษย์นั้นมีทั้งคนที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย และคนที่ซื่อสัตย์จริงใจ เราไม่สามารถ ‘เหมารวม’ ได้ว่ามนุษย์เป็นเช่นไรจากคนเพียงกลุ่มเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนกลุ่มนั้นไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ แต่มีอำนาจยิ่งใหญ่จนมองเห็นชีวิตคนอื่นไร้ค่า อีกคนหนึ่งที่เราไม่พูดถึงไม่ได้เลย ถึงแม้เขาจะไม่อยู่ในภาพยนตร์ก็คือ ‘ไอรอนแมน’ ชายผู้ดีดนิ้วนำประชากรทั้งหมดกลับคืนมาโดยแลกด้วยชีวิตของตนเอง เอแจ็กได้กล่าวถึงเขาว่า “เมื่อ 5 ปีก่อน ธานอสล้างประชากรของจักรวาลออกไปครึ่งหนึ่ง แต่ชาวดาวนี้ นำทุกชีวิตคืนมาในการดีดนิ้วครั้งเดียว” ความเสียสละของไอรอนแมนทำให้เอแจ็กผู้จงรักภักดี และไม่เคยกังขาต่อคำสั่งของอริเชมเปลี่ยนความคิดของตัวเอง ภายใต้ไฟสงครามและความหายนะที่มนุษย์ก่อ เธอมองเห็นสิ่งดี ๆ ที่มนุษย์มอบให้กันทั้งความอ่อนโยน ความเมตตา และความรัก จนในที่สุดเอแจ็กและอีเทอร์นอลส์อีกหลายคนก็ตัดสินใจยืนอยู่ข้างมนุษย์ที่ไม่เคยหมดศรัทธาในตัวกันและกัน ไม่เว้นแม้แต่ดรูอิกที่มีความสามารถในการควบคุมจิตใจคนทั้งโลก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ทำ “หากปราศจากข้อเสียก็ไม่ใช่มนุษย์” Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ เทพเจ้าหัวใจมนุษย์ เมื่อเอ่ยถึงเทพเจ้า ทุกคนมักจะนึกถึงพลังที่เหนือจินตนาการ และอายุยืนยาวไม่รู้จักแก่เฒ่า แต่อย่างหลังนั้นไม่ได้แปลว่า พวกเขาตายไม่ได้ เมื่อถึงคราวที่ต้องสูญเสียคนใกล้ชิด เหล่าอีเทอร์นอลส์เองก็มีน้ำตา พวกเขารักได้และเจ็บเป็น ยิ่งรักไม่สมหวังยิ่งเจ็บจี๊ดจนเผลอทรยศเพื่อนฝูงเลยทีเดียว อีเทอร์นอลส์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแบบหุ่นยนต์ที่ไร้ชีวิตจิตใจ พวกเขามีความคิดและความรู้สึก เพียงแต่ไม่มีการเจริญเติบโต ซึ่งสิ่งนี้กลับกลายเป็นปัญหาของสไปรท์ สาวน้อยแห่งวงการมายาที่เวลาออกเดทต้องแปลงกายเป็นผู้ใหญ่อยู่เสมอ จากความสงสัยว่าทำไมตัวเองต้องมีร่างกายเป็นเด็ก สู่ความอิจฉาเพื่อน ๆ อีเทอร์นอลส์ที่สามารถใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ได้ สไปรท์หลงรักอิคาริส แต่น่าเสียดายว่าเขาไม่ได้มองเธอเป็น ‘ผู้หญิง’ เลย ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นอยู่ร่ำไปเพียงแค่เปลี่ยนบริบทกัน สิ่งนี้คือความเป็นมนุษย์ที่แฝงอยู่ในตัวอีเทอร์นอลส์ทุกคน พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับความรัก Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ ด้วยความที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ตัวละครกลับมีมากถึง 10 ตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่เรื่องราวของตัวละครไม่อาจถูกเล่าได้อย่างเจาะลึกครบทุกคน แต่เท่านี้ก็ถือว่ากลมกล่อมและกระจายบทได้อย่างทั่วถึงมากแล้ว ถัดจากสไปรท์ ชายผู้เคยหันหลังให้กับมนุษย์อย่างฟาสโตสเองก็ได้เปิดใจให้มนุษย์อีกครั้งในฐานะ LGBTQ+ แถมเขายังรักครอบครัวเป็นอย่างมาก ส่วนเทพีที่ดูจะพูดน้อยอย่างธีน่า เธอก็มีใจและมิตรภาพดี ๆ ให้กับกิลกาเมชเช่นกัน โดยกิลกาเมชเป็นผู้ที่คอยอยู่ดูแลธีน่านับตั้งแต่ที่เธอค้นพบว่า ตนเองมีโรคที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ ซึ่งมันทำให้เธอลืมตัวตนไปชั่ววูบและหันมาทำร้ายกันเอง เดิมทีเอแจ็กต้องการจะลบความทรงจำของเธอเพื่อไม่ให้เป็นภัยต่ออีเทอร์นอลส์ แต่ถึงธีน่าจะไม่ใช่คนที่พูดเยอะ และไม่ได้มีหน้าตาที่เป็นมิตรมากนัก แต่เธอเองก็ ‘ไม่อยากลืม’ ช่วงเวลาที่เธอใช้ไปกับมนุษย์และเพื่อน ๆ “ข้ายังอยากจำ ข้ายังอยากจำชีวิต” แม้กระทั่งดรูอิกที่ดูเป็นคนร้าย ๆ เขาก็มีความรักมอบให้กับมัคคารี อีเทอร์นอลส์ที่บกพร่องทางการได้ยินเช่นกัน รวมไปถึงคิงโก เขาคือตัวแทนคนที่มีโอกาสค้นพบความฝัน และได้ลงมือทำมันด้วยตัวเองจนสำเร็จ เรียกได้ว่าบทของพวกเขาแต่ละคนแฝงไปด้วยมิติความเป็นมนุษย์ที่แสนละเอียดอ่อน สมแล้วที่ได้ผู้กำกับสายละเอียดทุกการเล่าเรื่องอย่าง โคลอี้ เจา มาฉีกแนวหนังมาร์เวลให้ไม่เหมือนเดิม แถมความขัดแย้งที่ใส่มาในเรื่องก็มีหลายอย่างให้พิจารณา โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ที่สุดอย่าง ‘การทำตามคำสั่งนาย’ Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ เชื่อในตัวนาย หรือเชื่อในสิ่งที่เห็น ปัญหาที่ 1 ของอีเทอร์นอลส์คือการต่อสู้กับดีเวียนต์ และปัญหาที่ 2 คือการอุบัติขึ้นของ ‘เซเลสเชียล’ (Celestial) สิ่งมีชีวิตที่ต้องใช้พลังงานมหาศาลในการเกิด และเมื่อมันอุบัติขึ้น ดาวเคราะห์ดวงนั้น ๆ จะแตกสลายไปจากจักรวาล ซึ่งตัวที่อยู่ในโลกถูกเรียกว่า ‘เทียมัต’ (Tiamut) ยักษ์ใหญ่ที่มีกายเป็นสีทอง (ส่วนอริเชมมีกายสีแดง) Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ แรกเริ่มปัญหาก็ดูจะจบลงที่การกำจัดตัวร้ายอย่างเหล่าดีเวียนต์ให้หมดไป แต่หลังจากที่ความจริงถูกเปิดเผยมากขึ้น ปัญหาที่ใหญ่กว่าจึงเป็นการต้องหยุดการเกิดของเซเลสเชียลให้ได้ มิเช่นนั้นมนุษยชาติจะถึงคราวล่มสลายอย่างแท้จริง รวมไปถึงเหล่าอีเทอร์นอลส์ก็จะตายไปด้วย ตรงนี้ขออธิบายก่อนว่า ภารกิจที่แท้จริงของอีเทอร์นอลส์คือการปกป้องมนุษย์ซึ่งเป็นแหล่งพลังของเซเลสเชียล หากดีเวียนต์ฆ่ามนุษย์จนหมด เซเลสเชียลก็จะไม่สามารถอุบัติขึ้นได้ และเมื่อเซเลสเชียลอุบัติขึ้น ดาวดวงนั้นจะแตกสลายไปพร้อมกับจุดจบของอีเทอร์นอลส์ แต่อริเชมจะสร้างพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมการรีเซตความทรงจำกลับเป็น 0 เพื่อส่งไปทำภารกิจเดิมในดาวดวงอื่น ๆ Eternals: จากการปกป้องมนุษย์ยุคเมโสโปเตเมีย สู่วันที่ชีวิต ‘ชาวโลก’ ถูกตัดสินโดยคนที่ ‘ไม่อยู่บนโลก’ ด้วยความที่อริเชมคือผู้สร้าง จึงไม่มีอีเทอร์นอลส์คนไหนเคยคัดง้างกับเขามาก่อน แต่หลังจากที่เอแจ็กค้นพบเหตุผลที่มนุษย์โลกสมควรได้อยู่ต่อ โปรแกรมที่เคยถูกสั่งและทำมาตลอดจึงเริ่มรวนขึ้น (เป็นการเปรียบเทียบ เนื่องจากอีเทอร์นอลส์ไม่ใช่หุ่นยนต์) พวกเขาเริ่มตั้งคำถามว่าระหว่างสิ่งที่ตนเองเห็น และลงไปคลุกคลีใช้ชีวิตด้วยมาตลอดหลายพันปี กับสิ่งที่เจ้านายอย่างอริเชมสั่ง อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง? และพวกเขาควรเชื่ออะไร? สำหรับชีวิตนอกจอภาพยนตร์ นี่คือสิ่งที่หลายสังคมพบเจอ ผู้มีอำนาจที่ไม่เคยลงมาเห็นชีวิตความเป็นอยู่อันอัตคัดขัดสนของประชาชนย่อมออกคำสั่งหรือตัดสินอะไรโดยปราศจากความเข้าใจ ขณะเดียวกัน ผู้ตามที่เปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดี แม้นายของตนจะเห็นผิดเป็นชอบก็ไม่กล้าติติงหรือตักเตือน พวกเขาล้วนก้มหัวสยบยอมต่ออำนาจ ซึ่งอาจนำความสูญเสียมาโดยใช่เหตุ แต่ที่น่าเศร้าที่สุดคือ พวกเขายอมละทิ้งความยุติธรรมและความเป็นมนุษย์ที่ทุกคนควรมอบให้กัน โชคดีที่เหล่าอีเทอร์นอลส์ไม่เป็นเช่นนั้น และอริเชมก็ไม่ใช่ผู้นำที่ไร้เหตุผลเสียทีเดียว นับว่าแนวทางการกำกับที่แหวกขนบเดิมของโคลอี้ เจา สามารถทำออกมาได้อย่างดี จากฮีโร่พลังเทพเจ้าที่อาจฟังดูแข็งแกร่งในทุกด้าน คนดูกลับได้เห็นปมชีวิต ความเปราะบาง และความอ่อนแอภายในจิตใจพวกเขา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากปราศจากอารมณ์ใด ๆ แล้ว อีเทอร์นอลส์ก็คงเป็นเพียงจักรกลสังหารที่ไม่มีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังให้อบอุ่นหัวใจและตั้งคำถามกันได้ขนาดนี้ เรื่อง: วโรดม เตชศรีสุธี ภาพ:  https://www.imdb.com/title/tt9032400/  https://www.youtube.com/watch?v=yB435IINYzU  อ้างอิง: https://mashable.com/article/eternals-myth-names https://www.imdb.com/title/tt9032400/ https://www.youtube.com/watch?v=sXsdOHzYkNs https://www.slashfilm.com/652868/how-does-each-eternals-character-compare-to-their-comic-counterpart-a-handy-guide/