มาดงซอก: จากหมัดพลังพ่อใน ‘Train to Busan’ สู่หมัดพลังเทพเจ้าแห่ง ‘Eternals’
ไม่ว่าจะรับบทในภาพยนตร์เรื่องไหน ชายคนนี้ก็มีความโดดเด่นในด้านการแสดงและร่างกายเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับภาพยนตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก จนทำให้ชื่อของ ‘มาดงซอก’ (Ma Dong-seok) หรือ ‘ดอนลี’ (Don Lee) เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ทั้งยังเป็นการเปิดประตูสู่วงการฮอลลีวูดให้กับเขา คงหนีไม่พ้นภาพยนตร์รถไฟนรกกับซอมบี้คลั่งเรื่อง ‘Train to Busan’ (2016)
จากบทคุณพ่อผู้ปล่อยหมัดซัดซอมบี้เพื่อปกป้องลูกในท้องของภรรยา สู่ฮีโร่จากต่างดาวผู้ปล่อยหมัดปกป้องมนุษยชาติและเพื่อนพ้อง มาดงซอกก้าวเดินบนพรมแดงในฐานะนักแสดงมากฝีมือได้อย่างน่าชื่นชม แต่ก่อนที่โชคชะตาจะลิขิตให้เขาได้ทำงานกับผู้กำกับหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์ สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม อย่าง ‘โคลอี้ เจา’ (Chloé Zhao) และร่วมเป็น 1 ใน 10 อีเทอร์นอลส์แห่งค่ายฮีโร่ยักษ์ใหญ่ ‘Marvel’ โดยที่ไม่ต้อง ‘ออดิชัน’ มาดงซอกเคยอาศัยอยู่ที่อเมริกามาก่อน ทั้งยังรับหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ และครูฝึกส่วนตัวให้กับผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานอีกด้วย
จากอเมริกาสู่การกลับมาตามล่าฝันที่เกาหลี
มาดงซอกเป็นนักแสดงชาวเกาหลีใต้ที่ถือสัญชาติอเมริกัน โดยเขาเดินทางไปอาศัยที่โคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุได้ 18 ปี ก่อนจะจบการศึกษาจาก ‘Columbus State University’ และย้ายไปยังรัฐอื่น ๆ ทั้งซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส เกรตฟอลส์ รัฐมอนแทนา และลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย
หลังจบการศึกษา มาดงซอกเริ่มทำงานเป็นเทรนเนอร์และครูฝึกส่วนตัวให้กับผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานอย่าง ‘มาร์ค โคลแมน’ (Mark Coleman) และ ‘เควิน แรนเดิลแมน’ (Kevin Randleman) แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้บินกลับมายังประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเริ่มต้นการเป็นนักแสดง
ปี 2005 ภาพยนตร์เรื่องแรกของมาดงซอก ‘Heaven’s Soldiers’ ออกฉายเป็นครั้งแรก ทำให้เขาเริ่มมีผลงานอื่น ๆ ตามมาทั้ง ‘The Good, The Bad, The Weird’ (2008) ‘The Neighbors’ (2012) ‘The Flu’ (2013) และ ‘One on One’ (2014) แต่ด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งสีหน้าที่เข้มแข็ง ดุดัน และร่างกายกำยำ พร้อมพุ่งชนทุกศัตรู ทำให้ภาพยนตร์ที่เขาได้แสดงส่วนใหญ่มักจะเป็นแนวทางซ้ำเดิม เช่น การใช้กำลังเข้าปะทะ หรือมีกลิ่นอายของความโหดและรุนแรง แต่โดยส่วนตัว มาดงซอกให้สัมภาษณ์ว่าเขาชื่นชอบภาพยนตร์แนวคอมเมดี้
“ผมต้องพยายามข่มความต้องการของตัวเองที่จะไม่ทำให้ผู้ชมหัวเราะ”
ด้วยความอารมณ์ดีและนิสัยที่น่ารักของมาดงซอก เขากลายเป็นนักแสดงชื่อดังที่แฟนคลับต่างหลงรัก จนได้รับฉายาว่า ‘Mavely’ ซึ่งเป็นการนำชื่อของเขา ‘Ma’ และคำว่า ‘Lovely’ มารวมกัน
กระทั่งปี 2016 ภาพยนตร์เรื่อง Train to Busan ก็โด่งดังเป็นพลุแตก ชื่อเสียงของมาดงซอกที่ตั้งใจขึ้นรถไฟไปปูซานกลับได้เดินทางยาวข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงฮอลลีวูด
หมัดพลังพ่อ
ในภาพยนตร์รถไฟนรกกับฝูงซอมบี้คลั่ง มาดงซอกรับบทเป็น ซังฮวา (Sang-Hwa) ชายร่างบึกบึนในชุดสูทสีน้ำเงินที่มีคาแรกเตอร์สุดห้าวและดุดัน แต่ถึงเขาจะทำหน้าถมึงทึงใส่คนอื่นตลอดเวลา เมื่ออยู่กับศรีภรรยาที่รัก เขากลับเป็นคุณพ่อและสามีที่น่ารักและพึ่งพาได้
มาดงซอกทำให้ตัวละครที่ดูจะโดดเด่นแค่เพียงความแข็งแกร่งกลายเป็นตัวละครที่มีมิติน่าค้นหา ชายคนนี้ไม่ใช่คนป่าเถื่อนที่ใช้กำปั้นทุบหน้าซอมบี้เพื่อรักษาชีวิตรอด แต่เขาคือชายผู้ทำหน้าที่ปกป้องครอบครัวอย่างเต็มที่ ทั้งยังเป็นพลเมืองดีที่พร้อมช่วยเหลือคนแปลกหน้าตลอดเวลา นี่แหละฮีโร่ตัวจริงบนโศกนาฏกรรมรถไฟนรก สถานที่ที่เผยธาตุแท้และความเห็นแก่ตัวของผู้คนออกมา
จากนั้นรถไฟของมาดงซอกก็เดินทางไปถึงฮอลลีวูด มาดงซอกเล่าว่า เขาได้รับคำเชิญจากฝั่งฮอลลีวูดหลายครั้งเพื่อให้ไปร่วมแสดงภาพยนตร์ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เวลาของเขากลับไม่เคยตรงกันเลย
“ผมไม่คิดว่า Train to Busan จะโด่งดังขนาดนี้ มันมอบโอกาสให้กับผมในฐานะนักแสดง เพราะมันเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ผมได้รับการติดต่อจากฮอลลีวูดหลายเรื่องเพื่อให้ไปร่วมแสดง แต่ตลอดเวลา 5-6 ปีที่ผ่าน เวลาของผมไม่เคยตรงกันเลย ผมติดถ่ายภาพยนตร์ที่เกาหลี และมีโปรเจกต์งานที่ทำเอง ทำให้ผมไม่มีเวลาว่าง”
หลังจากภาพยนตร์เรื่อง Train to Busan ออกฉาย เขาก็ได้แสดงในภาพยนตร์เรื่องอื่นอีกทั้ง ‘Along with the Gods’ (2017) ‘Unstoppable’ (2018) และ ‘The Gangster, the Cop, the Devil’ (2019) จนกระทั่งเวลาของเขามาถึง ซึ่งตรงกับเวลาตามหานักแสดงของภาพยนตร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ของค่ายมาร์เวลเรื่อง ‘Eternals’ พอดิบพอดี
หมัดพลังเทพ
“ซาราห์ติดต่อผมและบอกรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจกต์ของเธอ มันไม่มีการออดิชันอะไรเลย ผมแค่ประชุมซูมกับโคลอี้เท่านั้น แล้วผมก็ได้บทเลย”
ถือเป็นเวลาที่ใช่สำหรับมาดงซอก เขาไม่ต้องเข้าร่วมการออดิชัน แต่ได้รับบท ‘กิลกาเมช’ ฮีโร่ที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแรงและมีพละกำลังมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่อง Eternals หลังจากที่ได้พบกับผู้คัดเลือกนักแสดงอย่าง ‘ซาราห์ ฟินน์’ (Sarah Finn) และผู้กำกับ ‘โคลอี้ เจา’ (Chloé Zhao) ซึ่งมาดงซอกเผยว่า เขาเป็นแฟนภาพยนตร์ของโคลอี้ เจาอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่เธอจะได้รับรางวัลออสการ์ แถมบทของกิลกาเมชยังมีความเชื่อมโยงกับเขาด้วย
“นั่นแหละครับ จุดเริ่มต้นของการเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์มาร์เวลของผม”
มาดงซอกเล่าว่า การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้มีความพิถีพิถันและใช้เวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากต่อสู้ ที่หนึ่งฉากใช้เวลาถ่ายทำนานถึง 4 สัปดาห์
“กิลกาเมชมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผม ผมต้องถ่ายทำฉากแอ็กชัน 1 ฉากโดยใช้เวลา 4 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรตกหล่น ถึงมันจะต่างจากที่เคยทำมา แต่ผมก็พร้อมเสมอ ความพร้อมของผมมันอยู่ตรงนั้นตลอด แล้วในฉากเหล่านั้น ผมก็เข้ากับคาแรกเตอร์ที่ได้รับเป็นอย่างดี”
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ประสบการณ์การถ่ายภาพยนตร์ของมาดงซอกแตกต่างและดีที่สุดตลอดกาล คือการที่เขาได้แสดงร่วมกับดาราฮอลลีวูดที่ตนเองชื่นชอบมาโดยตลอดอย่าง ‘แอนเจลินา โจลี’ (Angelina Jolie)
“เธอคือนักแสดงระดับโลก ผมเป็นแฟนคลับเธอ แน่นอนว่ามันเป็นความสุขที่สุดที่ได้ร่วมงานเคียงข้างเธอ ครั้งแรกที่ผมได้พบกับแอนเจลินา โจลี เชื่อเถอะ เป็นใครก็ทำตัวไม่ถูก
“หลังจากได้ทำงานร่วมกัน ถึงเราจะมีเวลาซ้อมบทร่วมกันไม่พอ แต่เราก็ไปยังสถานที่ถ่ายทำแล้วก็เริ่มแสดงกันเลย ผมรู้สึกว่าเรามีความเชื่อมโยงกัน เคมีของเราเข้ากันได้ มันเหมือนกำลังร่วมงานกับเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง”
มาดงซอกปลื้มใจที่เขาได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลมาร์เวล และรู้สึกปลื้มใจยิ่งกว่าที่ฮีโร่เอเชียได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งเขาถือเป็นการเดินหน้าที่ดี โดยเขาหวังว่าในอนาคตจะมีพื้นที่ให้กับชาวเกาหลีที่มีความสามารถในวงการฮอลลีวูดมากขึ้นอีก
“มีนักแสดงและผู้กำกับในประเทศเกาหลีมากมาย ไม่ใช่แค่เกาหลีด้วย แต่เป็นทั่วโลก คนเหล่านั้นต้องการโอกาสที่มากขึ้นเพื่อให้มีคนมองเห็นพวกเขา และให้พวกเขาได้ส่องประกายบนเวทีโลก”
มาดงซอกกล่าวว่า กระแสลมในตอนนี้ได้พัดมาถูกที่แล้วสำหรับการแสดงความสามารถของชาวเกาหลี ซึ่งเขามีความสุขเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความก้าวหน้านี้
“ผมหวังจะได้เห็นเรื่องราวของชาวเอเชียกระจายไปทั่วโลก”
ความตั้งใจของมาดงซอกจะช่วยขับเคลื่อนวงการบันเทิงของเกาหลีและของโลกไปได้ไกลกว่าเดิม ทุกวันนี้ความเท่าเทียมถูกบอกเล่าผ่านภาพยนตร์หลากหลายเรื่อง และพื้นที่ของคนที่เคยถูกกีดกันจากสปอตไลต์ก็เริ่มขยายขอบเขตมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ใช่เพียงมาดงซอกเท่านั้นที่ได้เป็นตัวแทนของชาวเอเชีย และผู้ผลักดันความเท่าเทียมในวงการการแสดง แต่ยังมีทั้ง ‘เจมมา ชาน’ (Gemma Chan) ในบท ‘เซอร์ซี’ ‘คูมาล นานจานี’ (Kumail Nanjiani) ในบท ‘คิงโก’ ‘ฮาริช พาเทล’ (Harish Patel) ในบท ‘การุณ’ รวมไปถึงผู้กำกับโคลอี้ เจา และ ‘ลอร์เรน ริดลอฟฟ์’ (Lauren Ridloff) ในบท ‘มัคคาลี’ ฮีโร่ผู้มีความบกพร่องทางการได้ยินด้วยที่มีส่วนแสดงออกถึงความหลากหลายบนโลกใบนี้
จากหมัดพลังพ่อ สู่หมัดพลังเทพ เราจะยังได้เห็นมาดงซอกโลดแล่นในวงการบันเทิงต่อไปทั้งในระดับประเทศและระดับโลก รวมถึงได้เห็นฝีมือของเขาพัฒนามากขึ้นไปอีก ตามที่เขาได้กล่าวว่า ถึงแม้บทบาทที่ได้รับจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่เขาก็พยายามหาแนวทางใหม่ในการแสดงของเขาอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเขาคือบุคคลตัวอย่างผู้ไม่เคยหยุดเรียนรู้ และมุ่งมั่นทำตามความฝันของตนเองจนสำเร็จ
เรื่อง: วโรดม เตชศรีสุธี
ภาพ:
Photo by Pascal Le Segretain/Getty Images
ภาพยนตร์เรื่อง Eternals (2021)
ภาพยนตร์เรื่อง Train to Busan (2016)
อ้างอิง:
https://www.imdb.com/name/nm3011350/bio
https://asianwiki.com/Ma_Dong-Seok
https://www.koreanfilm.or.kr/eng/films/index/peopleView.jsp?peopleCd=10021341
https://geekculture.co/geek-interview-eternals-star-don-lee-switches-trains-from-busan-to-the-marvel-cinematic-universe/
https://collider.com/don-lee-interview-eternals-gilgamesh-train-to-busan-remake/
https://www.koreatimes.co.kr/www/art/2021/10/689_317519.html
https://voiceactorsplacesmediaandmore.fandom.com/wiki/Ma_Dong-seok
https://en.yna.co.kr/view/AEN20190510005700315#none