คลิกฟังข่าว!!
กำลังโหลด
event
29 พ.ย. 2564 | 12:35 น.
"The Power" 7 โรงพยาบาลสุดเฮี้ยน สถานที่แห่งความตายกับเรื่องราวหลอนหัวจากทั่วมุมโลก
หากพูดถึงสถานที่สุดเฮี้ยนที่คนชอบไปลองของหรือประสบพบเจอเรื่องสยองขวัญ โรงพยาบาลถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดฮิตนั้นที่มักจะปรากฎเรื่องเล่าต่างๆ มากมาย เพราะด้วยสถานพยาบาลส่วนใหญ่มักจะเป็นสถานที่เก่าแก่ ก่อตั้งมานาน และมีซอกหลืบลึกลับ แต่อีกหนึ่งเหตุผลหลักคือ โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่มีคนเจ็บป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก หากใครเคยได้ยินเรื่องราวลี้ลับของสถานที่แห่งความตายหลายเรื่องมาแล้ว ขอบอกเลยว่าสิ่งที่จะเล่าในวันนี้ มันคือฝันร้ายของคนที่ชอบลองของหรือฟังเรื่องผีเลยก็ว่าได้ กับ 7 โรงพยาบาลสุดเฮี้ยนที่สุดในโลก
Beechworth Lunatic Asylum จากประเทศ Australia
อันดับที่ 7 สถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต Beechworth Lunatic Asylum เดิมมีชื่อว่า Mayday Hills Lunatic Asylum ตั้งอยู่ในรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1867 และปิดตัวลงหลังจากให้บริการมา 128 ปี มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับโรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น การทรมานผู้ป่วยทางจิตในรูปแบบต่าง ๆ ผู้ป่วยจับผู้ป่วยและเจ้าหน้าพยาบาลโยนทิ้งออกมาทางหน้าต่างหรือปล่องทิ้งขยะ และมีการทดลองการรักษาปริศนา ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึง 9,000 คน และหลายคนเล่าต่อกันว่า มักจะเห็นร่างของชายปริศนาตัวใหญ่ปรากฎขึ้นบริเวณห้องใต้ดินและหายตัวไปต่อหน้าต่อตา หรือบางคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นมักจะพบเห็นร่างใส่ชุดฮู้ดสีเทาโบราณ เกิดเหตุการณ์ประตูเปิดปิดได้เอง และในยามค่ำคืน ผู้คนก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังสลับเสียงกรีดร้องลึกลับ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าเคยเผลอมองออกไปนอกหน้าต่างยามวิกาล แล้วพบร่างชายชราสวมแจ็คเก็ตสีเขียวเดินเตร็ดเตร่อยู่ในสวน
ซึ่งปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงอยู่และเปิดให้กลุ่มล่าท้าผีหรือคนที่อยากพิสูจน์สิ่งลี้ลับ เข้าไปพบเจอวิญญาณอยู่เสมอ แต่ก็มีหลายๆครั้งที่มีคนเข้าไปแล้วหายสาบสูญไปในอาคารแห่งนี้
Tranquille Sanatorium
จากประเทศ
Canada
ประวัติศาสตร์ที่น่าสยดสยองของสถานพยาบาลที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้คือที่มาของความเฮี้ยนอันดับ 6 Tranquille คือพื้นที่ก่อสร้างรกร้างตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 600 เอเคอร์ แต่เดิมที่ดินแห่งนี้เคยถูกใช้สำหรับทำการเกษตรตั้งแต่ปี 1890 ก่อนที่จะเปลี่ยนให้เป็นสถานกักกันผู้ป่วยวัณโรคในปี 1910 (แคมป์ลูปส์) ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าการป่วยด้วยโรควัณโรคในยุคนั้น โอกาสรอดแทบจะเป็นศูนย์ การเข้าถึงการรักษาล้มเหลว จึงทำให้เป็นสถานพยาบาลที่มีคนตายจำนวนมากและถูกปิดในปี 1985 สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดินแดนแห่งความตาย เพราะหลังจากที่ถูกปิด ทางการเข้ามาค้นพบสุสานมากมาย รวมไปถึงอุโมงค์ใต้ดินลึกลับที่ว่ากันว่ามีศพมนุษย์กองอยู่จนล้นในวันที่ค้นพบ
ด้วยเรื่องราวความสยอง ทำให้มีการจัดทัวร์ล่าท้าผีกันแบบจริงจัง ในรูปแบบบริษัททัวร์ ซึ่งผู้ที่เคยเดินทางไปพิสูจน์ ต่างก็บอกเล่าความน่ากลัวสืบทอดกันมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของลอยได้ เสียงกรีดร้อง และความเย็นยะเยือกที่เคลื่อนผ่านกระดูกสันหลัง ปัจจุบันที่แห่งนี้กลายเป็นที่ดินส่วนบุคคลและถูกสั่งห้ามเข้า แต่สำหรับบริเวณอุโมงค์แห่งความตาย ทางผู้ครอบครองอนุญาตเปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าไปสำรวจได้ในช่วงวันฮาโลวีนเท่านั้น เพื่อควบคุมความปลอดภัยและการมั่วสุมยาเสพติด
Trans-Allegheny Lunatic Asylum
จากประเทศ
United States
สถานที่แห่งความบ้าคลั่งและทำลายล้าง ลึกลงไปใจกลางรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย จะพบกับอาคารหลังยาวที่ดูเหมือนคฤหาสน์ราคาแพง รายล้อมไปด้วยสนามหญ้าเขียวขจีสวยงาม แต่เบื้องหลังที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลจิตเวชเก่า สถานที่เฮี้ยนอันดับที่ 5 มีเรื่องราวเกี่ยวกับการฆาตกรรม การจองจำ ความอาฆาตแค้นและความน่ากลัว โรงพยาบาลแห่งนี้เปิดทำการในปี 1850 บริการรักษาผู้ป่วยจิตเวชมานานถึง 130 ปี โดยใช้ชื่อเดิมว่า โรงพยาบาลคนบ้าทรานส์อัลเลเฮนี จึงทำให้ที่นี่มีเรื่องราวไม่ธรรมดา สถานที่แห่งนี้ใช้กักขังผู้ป่วยทางจิตมากถึง 2,600 คน และการเสียชีวิตส่วนใหญ่คือ การฆ่าตัวตายและการถูกเพื่อนผู้ป่วยด้วยกันฆ่าอย่างโหดเหี้ยม บางคนก็ถูกปล่อยให้ตายอย่างทรมาน ไร้การรักษา ขาดเครื่องมือ ทำให้ผู้ที่เข้าไปลองของพิสูจน์ความเฮี้ยน พบเจอประสบการณ์สยองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องทรมาน เสียงคนตะกุยฝาผนัง และเสียงคนเดินไปมาบริเวณบันไดวงกต เงาผู้หญิงปริศนาบนชั้น 2 หลายคนเชื่อว่าเป็นวิญญาณทรมานที่ถูกขังไว้หลายร้อยปีและไม่เคยได้รับการปลดปล่อยโดยการทำพิธีที่ถูกต้อง ปัจจุบันที่นี่เปิดบริการทัวร์ให้คนใจกล้าในช่วงกลางวัน และนอนพักได้ในช่วงเวลากลางคืน ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่และแน่นอนว่าทั้งหมดมีค่าใช้จ่าย
Sai Ying Pun Psychiatric Hospital
จากประเทศ ฮ่องกง
สถานที่เฮี้ยนอันดับที่ 4 ตั้งอยู่บริเวณ จิมซาจุ่ย ใจกลางเกาะฮ่องกง โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งขึ้นในปี 1892 และเป็นที่รู้จักในชื่อ High Street Ghost House เนื่องจากมีเรื่องราวเหนือธรรมชาติมากมายเกิดขึ้น แต่เดิมที่นี่เป็นที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่พยาบาล ก่อนจะกลายเป็นที่คุมขังและโถงประหารของกองทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้เปลี่ยนมาเป็นโรงพยาบาลจิตเวช เปิดให้บริการถึงปี 1970 หลังจากโรงพยาบาลปิดตัวลง ที่นี่ถูกทิ้งให้รกร้างและเกิดไฟไหม้ถึง 2 ครั้ง โดยอ้างว่าเกิดจากผู้บุกรุก ส่งผลให้ผู้ที่อยู่อาศัยใกล้เคียงหรือคนที่สัญจรผ่านไปมาได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิง หรือเสียงดังกึกก้องของคนจำนวนมากดังมาจากข้างในอาคารร้าง บ้างก็พบเจอรอยเท้าปริศนาปรากฎขึ้นก่อนจะหายไป เสียงร้องขอชีวิตของนักโทษประหารที่ดังโหยหวน ร่างชายที่ถูกไฟไหม้ทั้งตัวบนหน้าต่างชั้นสอง รวมถึงวิญญาณที่ถูกตัดคอปรากฎตัวให้เห็นบ่อยครั้ง
ถึงแม่ว่าปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็น Sai Ying Pun Community Complex แหล่งยอดฮิตของวัยรุ่น แต่ความน่ากลัวและเสียงโหยหวนก็ยังคงมีให้คนรุ่นนี้ได้ยินไม่เคยหายไป
Old Changi Hospital
จากประเทศ
Singapore
ความเฮี้ยนอันดับที่ 3 อยู่ในประเทศสิงคโปร์ ถูกก่อตั้งในปี 1935 โดยรัฐบาลอาณานิคมของอังกฤษ ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนเป็นสถานกักกันของทหาร และสถานพยาบาลของเชลยศึกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีข้อมูลพบว่าบางส่วนของอาคารถูกใช้เป็นห้องทรมานสำหรับล้วงข้อมูล ในห้องนั้นยังมีโซ่เส้นหนาห้อยอยู่ และบริเวณพื้นเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งกรังสะสมมายาวนาน ส่งผลให้มีนักโทษและเชลยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมโรงพยาบาลแห่งนี้จึงได้รับชื่อเสียงที่น่ากลัวตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะใครก็ตามที่ใจกล้า เข้ามาลองของมักจะต้องพบเห็นวิญญาณในเครื่องแบบทหาร วิญญาณพยาบาลลอยผ่านหน้าต่างตัวอาคาร เสียงกรีดร้องก้องทั่วทางเดินของโรงพยาบาลในตอนดึก
จนเมื่อปี 2010 สถานที่แห่งนี้ถูกใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ แต่ระหว่างการถ่ายทำ นักแสดงและทีมงานกลับต้องตกตะลึง เมื่อพวกเขาเล่ากันว่าพบวิญญาณผู้หญิงที่ถูกทรมานจากเงาดำปริศนาไร้ใบหน้า และเสียงโหยหวนด้วยความทุกข์ทรมาน
Gonjiam Psychiatric Hospital
จากประเทศเกาหลีใต้
หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องราวของสถานที่เฮี้ยนอันดับที่ 2 อย่างแน่นอน สำหรับโรงพยาบาลจิตเวชกนจีอัม อยู่ในเมืองคยองกี ประเทศเกาหลีใต้ ที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลจิตเวชขนาดใหญ่ก่อตั้งในปี 1980 แต่ก็ต้องปิดตัวลงหลังจากเปิดบริการได้เพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น โรงพยาบาลแห่งนี้จึงถูกทิ้งให้รกร้างตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน
สถานที่แห่งนี้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติ ความสยองมากมาย แต่สาเหตุหลักที่เล่าต่อกันมาคือ ระหว่างการรักษา ผู้ป่วยหลายรายได้รับบาดเจ็บ เกิดบาดแผลตามตัวโดยไม่มีสาเหตุ ตั้งแต่แผลขนาดเล็กจนไปถึงแผลที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เรื่องนี้เป็นที่โจษจันในกลุ่มญาติผู้ป่วย มีการร้องเรียนจนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากประชาชนกลัวว่าจะเป็นความผิดพลาดในการรักษาของเจ้าหน้าที่พยาบาล แต่หลังจากที่ใช้เวลาสอบสวนนานถึงสองสัปดาห์ เจ้าหน้าที่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ เรื่องร้องเรียนนี้จึงถูกปัดตกไป แต่ระหว่างนั้นก็กลับเกิดเรื่องเล่า ข่าวลือหลอนของผู้ที่เข้าเวรในช่วงกลางคืน เช่น เสียงคนเดินตลอดทั้งคืน ระหว่างนอนหลับ เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยถูกสิ่งของขว้างปาแบบไม่มีที่มาที่ไป จนเรื่องราวลุกลามใหญ่โต เมื่อเกิดการเสียชีวิตปริศนาของผู้ป่วยหลายราย ส่งผลให้บุคลากรลาออกเป็นจำนวนมาก บรรดาญาติต่างก็พากันย้ายผู้ป่วยออก ส่งผลให้โรงพยาบาลต้องปิดตัวลงในที่สุด ท้ายที่สุดสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นจุดนัดลองของยอดฮิตของวัยรุ่นเกาหลีและนักท่องเที่ยว จนถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในที่สุด
East London Royal Infirmary
จากประเทศอังกฤษ
สำหรับสถานที่เฮี้ยนอันดับ 1 มาจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ย้อนกลับไปปี 1974 อังกฤษเกิดเหตุประท้วงหยุดงานครั้งใหญ่ของคนงานเหมือง การประท้วงครั้งนี้ส่งผลให้ลอนดอนทั้งเมืองตกอยู่ในความมืดยาวนานกว่า 3 เดือน ทางการจึงมีกฎบังคับให้ประชาชนและสถานที่ราชการใช้ไฟฟ้าได้เพียง 3 วันต่อสัปดาห์ นั่นหมายถึงอีก 4 วันทุกอย่างในเมืองจะมืดสนิท รวมถึงสถานพยาบาลอย่าง East London Royal Infirmary การอพยพผู้ป่วยเริ่มเกิดขึ้น พร้อมๆกับการโจรกรรม ปล้น ชิงทรัพย์ ในความมืดมิดยังเกิดคดีฆาตกรรมปริศนามากมาย ด้วยเหตุนี้สถานที่ราชการหลายที่จึงมีการจัดเวรยามในช่วงกลางคืน รวมถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ก็ได้มีการจัดเวรพยาบาลกะดึกเพื่อไม่ให้ขโมยเข้ามา แต่ด้วยความวุ่นวายโกลาหลในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย จึงทำให้มีพยาบาลเพียงหนึ่งคนต่อหนึ่งคืนเท่านั้น
และเรื่องเล่าสุดหลอนก็เกิดขึ้น เมื่อค่ำคืนแรกของการดับไฟทั้งเมือง พยาบาลฝึกหัดคนหนึ่งถูกให้อยู่เวรคนเดียวพร้อมกับแสงไฟจากตะเกียงเท่านั้น ในโรงพยาบาลมีสภาพพังยับเยิน เพราะความโกลาหลวุ่นวายจากญาติผู้ป่วยที่ต้องการย้ายไปโรงพยาบาลเมืองอื่น และเมื่อความมืดเข้ายึดทุกพื้นที่ทำให้พยาบาลคนนี้กลับพบว่าเธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เพราะเธอได้ยินทั้งเสียงคนเดินไปมา เสียงกระแทกส้นรองเท้าตามทางเดิน เสียงกระซิบที่สะท้อนจากกำแพง ซึ่งในช่วงแรกคิดว่าเป็นพวกตีนแมว เธอจึงเดินถือตะเกียงสำรวจไปรอบๆ แต่แล้วเมื่อถึงห้องเตียงรวม ทุกอย่างที่เคยเงียบสงัดกลับมีแรงจากลมหายใจเป่าจนตะเกียงดับ ทุกอย่างมืดสนิทก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างพยายามดึงเธอจากความมืดด้านหลัง คืนนั้นแทบทำเธอเสียสติจนบ้าคลั่ง และหลังจากวันนั้นก็ยังมีเหตุการณ์ที่ผู้ป่วยและพยาบาลถูกเข้าสิงอาละวาดบ้าคลั่งหลายครั้ง และเมื่อสิ้นสุดการประท้วง ไฟฟ้ากลับมาเป็นปกติ ที่นี่ก็กลับไม่พบเจออะไรแปลก ๆ อีกเลย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบถึงต้นตอของความสยองที่เกิดขึ้นว่าอะไรที่อยู่ในความมืดมิดกันแน่
ปัจจุบัน โรงพยาบาลแห่งนี้ได้มีการปรับปรุงและยังคงเปิดให้บริการอยู่ และกลายเป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัย ใหญ่ที่สุดใน East London
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
“เบทาโกร” ผสานความต่างให้เป็นหนึ่งเดียว ปักธงสร้าง Great Workplace สำหรับทุกคน
15 พ.ค. 2567
สโมสรชั้นนำอาเซียน เริ่มศึกแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสร ASEAN SHOPEE CUP
15 พ.ค. 2567
“Rabbit Cash Sustainability หัวใจแห่งความยั่งยืน...เริ่มที่คุณ”
15 พ.ค. 2567
แท็กที่เกี่ยวข้อง
The People
The Power
Haunted Houses