บาส - ปอป้อ: คู่หูผู้ทลายความต่าง สร้างตำนานนักตบลูกขนไก่มือ 1 ของโลก
เขาคือผู้ชายที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่รักการออกกำลังกาย เลยมาเอาดีด้านกีฬา ส่วนเธอเป็นผู้หญิงเรียนดี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยระดับแถวหน้าของประเทศ เธอชอบเก็บอารมณ์ความรู้สึก ส่วนเขาชอบแสดงออก นึกอย่างไรก็พูดออกมา
หากดูจากนิสัย ทั้งคู่ดูไม่น่าเข้ากันได้ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นคู่หูนักกีฬาที่พากันคว้าแชมป์โลก และสร้างตำนานเป็นนักกีฬาคู่แรกของไทยที่ไปไกลถึงมือวางอันดับ 1 ของโลก
สองคนที่ว่าคือ ‘บาส’ เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ‘ปอป้อ’ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักแบดมินตันประเภทคู่ผสม ผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการกีฬาไทยด้วยการบุกไปคว้าแชมป์โลกแบดมินตันรายการใหญ่ส่งท้ายปี 2564 ที่สเปน และสามารถครองตำแหน่งมือ 1 ของโลกคู่กันได้จนข้ามปี
บาส - ปอป้อ คือส่วนผสมที่ลงตัวของความแตกต่าง ทั้งเส้นทางชีวิต อุปนิสัย วัย และสไตล์การเล่น เมื่อจับมาอยู่ร่วมกันบนคอร์ทลูกขนไก่ ผ่านการเรียนรู้ ฝึกฝนจนเข้าขา จากนั้นไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้
จากเด็กชื่อบาสสู่นักกีฬาแบดฯ
‘บาส’ เดชาพล เป็นคนจังหวัดชลบุรี เขาเกิดวันที่ 20 พฤษภาคม 2540 สมัยเด็กชอบเล่นกีฬา บาส บอล กรีฑา ไม่ว่ากีฬาอะไรเขาเล่นได้หมด เพราะเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นเด็กไม่ชอบเรียนหนังสือ เลยหันมาเอาดีด้านกีฬาเพื่อปลดปล่อยพลังงานออกมาตามประสาเด็กผู้ชาย
“ย้อนกลับไปตอนเด็ก ๆ เราต้องการหาอะไรให้เขาเล่นเพื่อให้พลังเหลือน้อย และที่มาเล่นแบดมินตันก็ไม่ได้คาดหวังจนถึงติดทีมชาติหรอก” อริญา พัววรานุเคราะห์ สตรีผู้ให้กำเนิดบาสออกมาลืมตาดูโลกกล่าวถึงลูกชายในวัยเยาว์
บาสเปิดใจถึงเหตุผลที่เลือกเล่นแบดมินตัน แทนที่จะเป็นบาสเกตบอลตามชื่อเล่นที่พ่อแม่ตั้งให้ว่า เป็นเพราะเขาไม่ชอบกีฬาที่ต้องใช้ร่างกายปะทะ และช่วงนั้น ‘แมน’ บุญศักดิ์ พลสนะ กำลังดัง ทำให้เขาเลือกมาเอาดีในกีฬาลูกขนไก่ เพราะอยากเป็นเหมือนพี่แมน ซึ่งไปได้ไกลถึงดีกรีนักแบดฯ ชายเดี่ยวมือ 4 ของโลก
บาสเริ่มเดินบนเส้นทางสายลูกขนไก่ด้วยการเข้าสังกัดสโมสรแบดมินตันศรีราชา และต่อมาเมื่อฉายแววมีพรสวรรค์จึงได้เซ็นสัญญามาเล่นในเมืองกรุงกับสโมสรเอสซีจี ท่ามกลางความหวังเพื่อปูทางสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพตั้งแต่อายุ 13 ปี
เส้นทางสายแบดฯ ของบาสเริ่มด้วยการเล่นประเภทเดี่ยว จนอายุ 14 ปี จึงเริ่มตีชายคู่ และในวัยย่าง 17 ปี เขาจับคู่กับ ‘สกาย’ กิตตินุพงษ์ เกตุเรน คว้าแชมป์ชายคู่เยาวชนชิงแชมป์โลกปี 2014 ที่มาเลเซีย นับเป็นแชมป์เยาวชนโลกประเภทชายคู่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการแบดมินตันไทย
เธอมีวันนี้ได้เพราะไม่ยอมแพ้
‘ปอป้อ’ ทรัพย์สิรี เกิดวันที่ 18 เมษายน 2535 เธอแก่กว่าบาส 5 ปี มีถิ่นกำเนิดอยู่จังหวัดอุดรธานี ครอบครัวของเธอจัดว่ามีฐานะดี เป็นเจ้าของกิจการร้านทอง นอกจากนี้เธอยังเรียนเก่ง จบปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เส้นทางสู่วงการลูกขนไก่ของปอป้อเรียกว่าเริ่มมาจากสายเลือด พ่อแม่ของเธอชอบเล่นกีฬาชนิดนี้ถึงขั้นเคยเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย เธอได้ลงคอร์ทตีลูกขนไก่ครั้งแรกก็เพราะพ่อแม่พาไปสมัยอยู่อุดรฯ เมื่อมีคอร์ทแบดฯ มาเปิดใหม่ใกล้บ้าน
อย่างไรก็ตาม แค่สืบสายเลือดนักแบดฯ จากพ่อแม่อย่างเดียวคงไม่พอ ปอป้อบอกว่าที่เธอจริงจังกับการตีแบดฯ เพราะมีนิสัยไม่ชอบความพ่ายแพ้ การลงคอร์ทครั้งแรกในชีวิตของเธอ ผลงานไม่ได้ดั่งใจ เธอตีพ่ายคู่แข่ง ถ้าเป็นคนอื่นอาจล้มเลิกความตั้งใจและหันไปเล่นกีฬาอื่น แต่ปอป้อไม่ยอมแพ้ และต้องการเป็นผู้ชนะ เธอตัดสินใจฝึกซ้อมอย่างจริงจังเพื่อกลับมาเอาชนะให้ได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอหลงใหลกีฬาลูกขนไก่ในที่สุด
“จริง ๆ แล้วตั้งแต่เด็ก ๆ เขาจะตีโดนบ้างไม่โดนบ้างก็จริง แต่จะวิ่งเข้าถึงลูกทุกลูก ก็คือล้มลุกคลุกคลาน ปอป้อบอกว่าเขาทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกมันหล่นต่อหน้าโดยที่ไม่ทำอะไรเลย เขาพูดตั้งแต่เด็ก ๆ นะ จนโตมาเขาก็ทำเหมือนเดิม” สุนีย์ แต้รัตนชัย กล่าวถึงนิสัยของลูกสาว
ปอป้อไม่ต่างจากบาส เธอเริ่มเส้นทางนักแบดฯ จากการเล่นเดี่ยว และมาลงประเภทหญิงคู่ ก่อนมาจับคู่กับบาสลงแข่งคู่ผสม โดยปอป้อนับเป็นนักกีฬาคนแรกของโลกที่คว้าแชมป์แบดมินตันระดับกรังด์ปรีซ์โกลด์ครบทั้ง 3 ประเภท คือ หญิงเดี่ยว หญิงคู่ และคู่ผสม
การพบกันของส่วนผสมที่ลงตัว
จุดบรรจบที่ทำให้หนุ่มจอมพลังจากเมืองชลฯ มาพบกับสาวมาดเท่จากอุดรฯ จนกลายเป็นตำนานแห่งวงการแบดมินตันไทยเริ่มขึ้นเมื่อปลาย พ.ศ. 2558 หลังปอป้อย้ายสังกัดจากสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ฯ กลับมาเล่นให้เอสซีจี ซึ่งมีบาสเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง
บาสบอกว่า ช่วงแรกเขาแค่อยากลองอะไรใหม่ ๆ สนุก ๆ เลยขอลองตีคู่กับปอป้อ แต่พอตีไปตีมารู้สึกเข้าขากันดี บาสได้กระโดดตบจากแดนหลังอย่างไม่ต้องกังวล เพราะมีปอป้อที่เล่นเกมรับเหนียวแน่นคอยประคอง ส่วนปอป้อก็ชอบเล่นคู่ผสม เพราะบอกว่าเกมมีความสนุกตื่นเต้นและไหลลื่นรวดเร็วกว่าหญิงเดี่ยวและหญิงคู่
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ต้องใช้เวลาเรียนรู้และปรับจูนสไตล์ให้เข้าขากันนานหลายปีกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เนื่องจากเส้นทางที่มาของทั้งคู่นอกจากจะต่างกัน นิสัยส่วนตัวก็ไม่เหมือนกันด้วย
นิสัยของบาสจะเป็นผู้ชายที่มีอะไรก็พูดตรง ๆ รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาอย่างนั้น ส่วนปอป้อเป็นผู้หญิงที่ชอบเก็บอารมณ์ความรู้สึก พวกเขาต้องใช้เวลาทำความรู้จักคุ้นเคยกันไปสักพักจึงสามารถเข้าใจและไว้ใจกัน จนสุดท้ายทั้งคู่สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องทั้งในและนอกสนาม
บาส - ปอป้อ จับคู่กันคว้าแชมป์รายการระดับอินเตอร์ฯ รายการแรกที่ สวิส โอเพ่น 2017 และในปีเดียวกัน ขณะที่ฟอร์มของทั้งคู่กำลังพุ่ง พวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคครั้งใหญ่ที่เกือบทำให้ไม่มีตำนานคู่ผสมของไทยในวันนี้
ก้าวข้ามอุปสรรคด้วยความมีวินัย
ในการแข่งขันซีเกมส์ 2017 ที่มาเลเซีย ปอป้อได้รับบาดเจ็บหนักจากอาการเอ็นไขว้หน้าขาด ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บยาว 8 เดือน ช่วงนั้นหลายคนไม่มั่นใจว่าปอป้อจะหายเจ็บกลับมาลงแข่งได้เหมือนเดิมอีกหรือไม่ แต่สำหรับบาส เขามั่นใจว่าคู่คนนี้ของเขาจะหายเจ็บกลับมา และยังรอเวลาให้ได้กลับมาเล่นคู่กันอีกครั้ง
“ตอนที่พี่ป้อพักรักษาตัว บาสเชื่อมั่นอยู่เสมอว่า ยังไงพี่ป้อก็กลับมาได้แน่ ด้วยความที่เขาเป็นนักกีฬาที่มีระเบียบวินัยสูง เราอยู่ด้วยกันทุกวัน บาสรู้ว่าพี่ป้อเป็นคนยังไง เขาไม่ยอมแพ้แน่ ๆ สุดท้ายเขาก็กลับมาได้จริง ๆ และทำผลงานได้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ” บาสให้สัมภาษณ์กับ Main Stand
ปอป้อบรรยายช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่สุดในชีวิตนักแบดฯ นี้ในรายการ WoodyFM ว่า “ตั้งแต่วันที่เจ็บและเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีวันไหนเลยที่ป้อได้พัก คือทุกวันต้องไปกายภาพฯ พอกายภาพฯ เสร็จก็มาทำที่คอร์ทต่อ ฟื้นฟูแบบเต็มเวลา มันก็ถือว่าหนักพอสมควร
“ถามว่ามีเหนื่อยไหม มีท้อไหม มันมีบ้าง แต่เรารู้ว่าเราทำเพื่ออะไรอยู่ มีเป้าหมายอะไรที่เราจะต้องไปให้ถึง”
หลังปอป้อหายเจ็บกลับมาลงเล่นคู่กับบาสได้อีกครั้ง ทั้งคู่ประสานพลังกันกวาดแชมป์มาครองได้อย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ ขยับอันดับโลกขึ้นมาจนกลายเป็นคู่มือ 1 ของโลกได้สำเร็จ
เบื้องหลังความสำเร็จสู่จุดสูงสุดของโลก
บาส - ปอป้อ นับเป็นนักแบดฯ คู่แรกในประวัติศาสตร์วงการกีฬาไทยที่สามารถไต่ขึ้นไปเป็นคู่มือ 1 ของโลก นับถึงรายการสุดท้ายของปี 2021 ทั้งคู่กวาดแชมป์ระดับนานาชาติมาด้วยกันทั้งหมด 12 รายการ
หากนับเฉพาะปี 2021 ซึ่งเป็นปีที่ร้อนแรงที่สุดของทั้งคู่ บาส - ปอป้อ คว้าแชมป์ได้ 8 รายการภายในปีเดียว โดยเฉพาะรายการส่งท้ายปี โททาล เอนเนอร์ยี บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2021 ซึ่งเป็นรายการชิงแชมป์โลกที่สเปน พวกเขาเอาชนะคู่ชิงจากญี่ปุ่น 2 - 0 เกม ทำให้สามารถรักษาตำแหน่งมือ 1 ของโลกไว้ได้จนข้ามปี
ทั้งบาสและปอป้อบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เคล็ดลับความสำเร็จของทั้งคู่ไม่มีอะไรพิเศษ แค่รักษาวินัยให้ได้อย่างเคร่งครัดทั้งในและนอกสนาม มีความมุ่งมั่น ขยันฝึกซ้อม แม้ในช่วงที่ทั่วโลกหยุดการแข่งขันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งคู่ก็ไม่เคยหยุดพัฒนาตนเอง
นอกจากนี้ การทำงานเป็นทีม ช่วยกันแก้ปัญหา และศึกษาคู่ต่อสู้อย่างเป็นระบบก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
“กีฬาประเภทคู่ ยังไงมันก็ต้องมีช็อตที่ผิดพลาด หรือวันที่แพ้ แต่เราก็ใช้เหตุผลคุยกัน ไม่ได้ยึดความคิดใครเป็นหลัก ทีมเราไม่ได้มีแค่สองคน ยังมีโค้ชที่คอยช่วยแก้เกม ชี้แนะว่าควรเล่นร่วมกันอย่างไร” บาสให้เครดิตทีมงานเบื้องหลัง ซึ่งนำโดย ‘โค้ชโอม’ เทศนา พันธ์วิศวาส หัวหน้าผู้ฝึกสอน
“ผมว่านักกีฬาทุกคนอยากชนะหมด ถ้าอยากชนะต้องทำอย่างไรบ้าง ที่จริงการแพ้หรือชนะก็เป็นแค่ผลการแข่งขัน แต่สุดท้ายแล้วเราต้องทำอะไรกับผลการแข่งขันนั้น และที่สำคัญคือนักกีฬาต้องรู้ว่าเขาแพ้หรือชนะเพราะอะไร” โค้ชโอมให้แนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเหมือนคู่ของ บาส - ปอป้อ
ไม่ว่าทั้งคู่จะมีพื้นฐานครอบครัว อุปนิสัย หรือที่มาแตกต่างกันอย่างไร ขอเพียงมีวินัย ไม่หยุดเรียนรู้ และพัฒนาตนเองทั้งในและนอกสนาม พร้อมเดินไปข้างหน้าด้วยเป้าหมายร่วมกัน สักวันความสำเร็จนั้นต้องมาเหมือน ‘บาส’ เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ‘ปอป้อ’ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย สองผู้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศไทยและวงการแบดมินตันโลก
ข้อมูลอ้างอิง:
https://www.mainstand.co.th/2225
www.youtube.com/watch?v=KKH-sEA1HwI
www.youtube.com/watch?v=LORbDvM4WjY