เราเชื่อว่าตอนเด็ก ๆ หลายคนคงมีของเล่นชิ้นโปรด ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาหมีขนฟู หุ่นยนต์ตัวจิ๋ว ไปจนถึงตัวต่อพลาสติกสีสันสดใส บางคนอาจจะมีหลายชิ้น บางคนอาจจะมีเพียงชิ้นเดียว แต่ยังมีเด็กอีกหลายคนบนโลกที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับประสบการณ์การมี ‘ของเล่นชิ้นโปรด’ เพราะด้วยปัญหาเศรษฐกิจ สถานะทางการเงิน ที่เหล่าผู้ปกครองพยายามปกปิดเอาไว้ ไม่ให้เด็ก ๆ ต้องเศร้าใจที่ไม่มีของเล่นเหมือนเพื่อนคนอื่น
ซึ่งไมค์ ซัลลิแวน (Mike Sullivan) อดีตทหารผ่านศึกวัย 73 ปี เองก็เคยประสบปัญหานี้มาก่อน ไมค์เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ณ เมืองมอนแทนา สหรัฐอเมริกา พ่อเป็นคนงานเหมืองฮาร์ดร็อก ที่ได้รับค่าจ้างเพียงวันละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนพี่ชายทั้งสองของเขาเลือกที่จะเอาดีด้านงานไม้ ทำให้ไมค์คุ้นเคยกับของเล่นที่ทำจากไม้มาตั้งแต่เด็ก
หลังจากปลดประจำการจากการรับใช้ชาติ เขาใช้เวลาว่างในวัยเกษียณไปกับการขลุกตัวอยู่แต่ในโรงไม้ เพื่อสร้างของเล่นในภาพความทรงจำวัยเด็กที่เขาเคยได้รับเมื่อปี 1954 ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในวันที่เขาโตพอจะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตแล้วว่าทำไมครอบครัวของเขาถึงไม่เคยซื้อของขวัญคริสต์มาสให้เลยแม้แต่ปีเดียว
เมื่อภรรยาของเขา จูดี้ ซัลลิแวน (Judy Sullivan) เห็นดังนั้น จึงไม่รอช้าที่จะชักชวนให้ไมค์สมัครเข้าร่วมศูนย์อบรมงานไม้ประจำเมืองดีเซิร์ทฮอตสปริงส์ (Desert Hot Springs) เมืองเล็ก ๆ ในแคลิฟอร์เนีย เพื่อสานต่อความฝันวัยเด็กที่เคยขาดหายไปให้กลายเป็นจริง
แม้ความตั้งใจแรกของทั้งคู่คือการหาอะไรทำคลายเหงา แต่หลังจากที่เริ่มทำของเล่นไม้มากขึ้นก็ได้ค้นพบความจริงว่า สิ่งประดิษฐ์ง่าย ๆ จากฝีมือช่างไม้มือสมัครเล่นอย่างพวกเขา กลับช่วยเติมเต็มรอยยิ้มให้เด็กในหลายชุมชนที่ขาดแคลนมีความสุขมากขึ้นกว่าทุกวัน
นี่จึงกลายมาเป็นหนึ่งในปณิธานหลักในการใช้ชีวิตวัยเกษียณของทั้งสอง ว่าจะเปลี่ยนทุกเทศกาลคริสต์มาสของเด็กยากไร้ ให้ได้รับความอบอุ่นใจไม่ต่างจากเด็กคนอื่น ๆ ในประเทศ ซึ่งไมค์เองก็ได้แต่หวังว่าของเล่นเหล่านี้จะช่วยเปลี่ยนช่วงเวลาที่มืดหม่นให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
8 ปีกับของเล่นนับหมื่นชิ้น
นับตั้งแต่ปี 2013 ที่คู่รักวัยเกษียณทำของเล่นแจกเด็ก ๆ ตอนนี้ก็เป็นเวลา 8 ปีแล้วที่ทั้งคู่ยังคงทำหน้าที่ประดิษฐ์ของเล่นไม้แฮนด์เมดกว่า 1,400 ชิ้น/ปีอย่างต่อเนื่อง โดยไมค์รับผิดชอบการออกแบบ ขึ้นบล็อก ไปจนถึงคิดกลไกต่าง ๆ ของของเล่นแต่ละชิ้น
ส่วนจูดี้ จะเข้ามาดูแลเรื่องความสวยงาม รวมทั้งทำหน้าที่ตรวจเช็กความปลอดภัยของของเล่นแต่ละชิ้น โดยมีผู้ช่วยคนสำคัญคือ หลาน ๆ ทั้ง 15 คน และเหลนอีก 4 คน รวมแล้วกว่า 20 ชีวิตที่ช่วยทดสอบความแข็งแรงของของเล่นที่จะส่งมอบไปยังองค์กรการกุศลส่วนท้องถิ่น โรงเรียน และศูนย์พักพิงทั่วประเทศ
“ถ้ามันพังตอนที่หลานฉันเล่น ก็แสดงว่าของเช่นชิ้นนั้นยังไม่สมบูรณ์แบบ เราต้องเริ่มทำกันใหม่อีกครั้ง” จูดี้กล่าวพร้อมทั้งใช้มือสัมผัสหาข้อบกพร่องอื่น ๆ เช่นเสี้ยนไม้ที่อาจติดอยู่บนพื้นผิว ตรวจดูความแข็งแรงของข้อต่อแต่ละชิ้น จากนั้นจึงบรรจุลงกล่องและบริจาคไปยังพื้นที่ห่างไกล
แม้ทั้งคู่จะเริ่มมีอายุมากขึ้น แต่ไมค์และจูดี้ต่างยืนยันว่าพวกเขายังคงแข็งแรงดี และไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อยกับการทำของเล่นชิ้นใหม่ให้แก่เด็กที่ขาดแคลน “เรายังแข็งแรงกันอยู่เลย ผมและภรรยาสามารถนั่งทำงานอยู่ในโรงไม้ได้ทุกวัน วันละ 10 ชั่วโมงก็ยังไหว”
[caption id="attachment_40374" align="aligncenter" width="902"]
Credit: Courtesy Sierra Sullivan[/caption]
ภารกิจปลอบโยนเด็กยากไร้
ในปี 2020 ที่ผ่านมา พวกเขาเพิ่งฉลองครบรอบแต่งงาน 50 ปี ในโรงไม้หลังเล็กที่ไมค์และจูดี้ใช้เป็นสถานที่ประดิษฐ์ของเล่นนับหมื่นชิ้นส่งไปให้เด็กทั่วประเทศ “ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการได้อยู่เคียงข้างไมค์ ในขณะที่เขากำลังทำของเล่นไม้ชิ้นใหม่ขึ้นมา”
แต่การส่งของเล่นไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ย่อมมีค่าใช้จ่ายตามมาจำนวนมาก แม้ว่าจะพยายามลดรายจ่ายลงบ้างแล้วก็ตาม อีกทั้งยังนำเงินส่วนตัวราว 19,000 ดอลลาร์สหรัฐ มาซื้ออุปกรณ์ทำของเล่น แต่ก็ยังคงไม่เพียงพออยู่ดี
ลูกสาวของทั้งคู่จึงเปิดระดมทุนผ่าน GoFundMe ซึ่งใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็สามารถระดมทุนได้ราว 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ “เราไม่ได้ออกไปไหน เพราะสถานการณ์โควิด-19 แต่การซื้อของมาทำของเล่นต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยเฉพาะรถของเล่นที่ต้องมีล้อและเพลา ชิ้นส่วนพวกนี้มีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับของเล่นชิ้นอื่น”
ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ นับเป็นความท้าทายของครอบครัวซัลลิแวน ในการจัดส่งของเล่นไปให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกล แต่ไมค์และจูดี้ยังคงยืนยันว่า ความท้าทายนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาหมดกำลังใจ มีแต่จะเพิ่มแรงฮึดสู้ในการประดิษฐ์ของเล่นชิ้นใหม่ขึ้นมา
“เราได้รับคำอวยพรมาตลอด 8 ปีที่เราส่งของเล่นไปให้เด็ก ๆ มันไม่มีอะไรที่ช่วยทำให้มีแรงสู้ได้เท่านี้อีกแล้ว” แม้จะต้องทุ่มเงินจำนวนไม่น้อยในการทำของเล่นแต่ละชิ้น แต่ทั้งสองยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์แรกเริ่ม ว่าจะไม่ขายงานแฮนด์เมดที่พวกเขาตั้งใจทำขึ้นมาแม้แต่ชิ้นเดียว
“ไม่ควรมีใครต้องเลือกว่าจะซื้อของเล่นหรืออาหารสักมื้อกลับบ้านไปเป็นของขวัญวันคริสต์มาส ของเล่นไม้ที่เราทำขึ้นมาก็เช่นกัน มันควรเป็นสิ่งที่พวกเขาได้รับโดยปราศจากเงื่อนไข”
แม้จะเป็นการกระทำเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นจากงานอดิเรกในโรงไม้หลังบ้าน แต่สิ่งที่ไมค์และจูดี้ทำมาตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีนั้น ได้เป็นข้อพิสูจน์ชั้นดีว่าความสุขที่เกิดจากการให้ มีคุณค่าทางจิตใจมากเพียงใด และไม่แน่ว่าของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านี้ อาจกำลังเปลี่ยนโลกของใครบางคนไปตลอดกาล…
ภาพ: Courtesy Sierra Sullivan
อ้างอิง
https://www.washingtonpost.com/lifestyle/2021/12/20/christmas-toy-woodshop-mike-sullivan/
https://edition.cnn.com/2020/12/20/us/retired-couple-made-1400-toys-giveaway-christmas-iyw-trnd/index.html
https://www.goodnewsnetwork.org/couple-makes-1400-toys-to-give-away-christmas-2020/
https://www.youtube.com/watch?v=qsENgMxWKzw