Céline Dion - My Heart Will Go On: เพลงที่เกือบไม่ได้อยู่ในหนัง ‘Titanic’

Céline Dion - My Heart Will Go On: เพลงที่เกือบไม่ได้อยู่ในหนัง ‘Titanic’
ปี 1997 เป็นปีที่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง ‘Titanic’ ได้โลดแล่นบนจอ เล่าถึงเรื่องราวความรักของสองหนุ่มสาว ‘แจ็ก’ และ ‘โรส’ ที่ต้องอับปางลงพร้อมกับการจมทะเลของเรือ ‘Titanic’ โดยอ้างอิงชื่อและเรื่องราวมาจากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจริงในปี 1912 - เมื่อเรือเหล็กแห่งความฝันอับปาง ผู้คนนับพันชีวิตต้องจากไปในท้องทะเล เรื่องราวของ ‘แจ็กและโรส’ ถูกขนานนามว่าเป็น ‘โรมิโอกับจูเลียต’ แห่งศตวรรษที่ 19 รักของหนุ่มสาวต่างฐานะ ต่างที่มาที่ไป แต่กลับเหมือนจิ๊กซอว์ส่วนที่ขาดหายของกันและกัน พวกเขาผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งในช่วงเวลาสั้น ๆ บนเรือสำราญ ภาพยนตร์บรรจุฉากเล่ารักมากมายที่กลายเป็น iconic scene ไม่ว่าจะเป็นฉากการพบกันของพระ-นาง ฉากโอบประคองที่หัวเรือให้สองแขนอ้าราวกำลังบินไปเหนือทะเล ฉากคำร่ำลาก่อนจากกันหลังเรือล่ม หรือฉากสุดท้ายของหนังที่เรียกทั้งรอยยิ้มและน้ำตาให้ประดับบนใบหน้าของผู้ชม ภาพยนตร์จบลง เสียงดนตรีหวานเศร้าที่ขับร้องโดย ‘เซลีน ดิออน’ (Céline Dion) ก็ดังขึ้น    / Every night in my dreams I see you, I feel you That is how I know you go on /   บทเพลง ‘My Heart Will Go On’ บรรจุห้วงอารมณ์ของโรสไว้อย่างเต็มที่ มันสวยงาม ยิ่งใหญ่ และมีความยาวพอเหมาะพอดีสำหรับผู้ชมที่จะพกมันใส่กระเป๋าตอนก้าวเท้าออกจากโรงหนัง ‘My Heart Will Go On’ เสริมแรงให้ ‘Titanic’ อยู่กับพวกเขาได้นานขึ้น ทว่าเมื่อจุดเริ่มต้นของมัน เพลงรักที่บอกว่า ‘หัวใจของฉันจะเต้นต่อไปแม้ไร้เธอ’ เพลงนี้เกือบจะไม่ได้ประกอบภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์รักเรือล่มเสียแล้ว อันที่จริง มันเกือบจะไม่ได้กลายเป็นเพลงที่ถูกอัดเสียงด้วยซ้ำ โดยเมื่อแรกเริ่มนั้น ‘เจมส์ คาเมรอน’ (James Cameron) ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ และเป็นคนดีลให้ ‘เจมส์ ฮอร์เนอร์’ (James Horner) มาทำสกอร์หนังให้ ตั้งใจว่าจะให้ ‘Titanic’ จบลงด้วยสกอร์ที่ฟังดูอลังการ ฮอร์เนอร์ตกลงรับดีลนั้น แต่ว่าเขากลับซุ่มทำบางอย่างโดยไม่ให้ใครรู้ เรียกได้ว่ามีเพียง ‘วิลล์ เจนนิงส์’ (Will Jennings) นักเขียนเนื้อเพลงฝีมือเยี่ยมเท่านั้นที่ระแคะระคายถึงการมีขึ้นของ ‘My Heart Will Go On’ เขาเล่าถึงเรื่องราวในวันวานว่า “ผมเคยร่วมงานกับเจมส์ ฮอร์เนอร์ในภาพยนตร์เรื่องอื่นมาก่อน วันหนึ่งเขาขอให้ผมไปบ้านเขาและเขียนบางอย่างให้ ‘Titanic’ เจมส์เล่าสคริปต์ให้ผมฟังและเล่นเพลงธีมของภาพยนตร์ที่เขาเขียนเอาไว้ ตัวละคร ‘โรส’ ที่กำลังมองย้อนอดีตไปจับใจผม” “เธอทำให้ผมนึกถึง ‘เบียทริซ วูด’ (Beatrice Wood) หญิงอายุร้อยปีที่ยังเต็มเปี่ยมด้วยชีวิต ผมนึกถึงครั้งที่ผมได้พบเธอ และสัมผัสมือของเธอ ความรู้สึกนั้นเองที่ทำให้ผมเริ่มเขียนเนื้อเพลง ‘My Heart Will Go On’” เมื่อเพลงที่พวกเขาทั้งคู่แอบเจมส์ คาเมรอนเขียนเสร็จสิ้น นักร้องคนแรกที่เจมส์ ฮอร์เนอร์นึกถึงคือ ‘เซลีน ดิออน’ นักร้องหญิงที่เคยร้องเดโม ‘Dreams To Dream’ ประกอบภาพยนตร์ ‘Fievel Goes West’ ที่ลงเอยด้วยการได้ ‘ลินดา รอนสตัดต์’ (Linda Ronstadt) นักร้องหญิงที่ตอนนั้นมีชื่อเสียงกว่าเซลีนมาร้อง - เจมส์ ฮอร์เนอร์ก็ยังคงติดใจในเนื้อเสียงของเซลีน เขาจึงได้ติดต่อเธอไปอีกครั้ง คราวนี้ เซลีน ดิออนกลายเป็นป็อปสตาร์และมีเพลงฮิตอย่าง ‘The Power Of Love’, ‘Because You Loved Me’ และ ‘Beauty And The Beast’ หลังจากที่เซลีน กับ ‘เรอเน อองเชลลีล’ (René Angélil) สามีของเธอ ได้ฟังฮอร์เนอร์เล่นเปียโนและร้องเพลงนี้ให้ฟังครั้งแรก เธอเกือบจะส่ายหน้าและกล่าวปฏิเสธออกมาทันที ถ้าสามีของเธอไม่กล่าวออกมาอย่างประนีประนอม “เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะให้เธอ (เซลีน) อัดเดโมเพลงนี้เอาไว้ก่อน” “ฉันละอยากเขย่าคอสามีตัวเองซะจริง” เซลีนกล่าว เป็นที่รู้กันดีว่าเธอนั้นไม่ชอบเพลงนี้ตั้งแต่ได้ฟังครั้งแรก และก็ยังไม่ชอบมันอยู่เมื่อถึงวันที่ต้องเข้าห้องอัดเสียง วันนั้นเซลีนอารมณ์บูดอย่างร้าย “ฉันปวดท้องมากเพราะ ‘วันนั้นของเดือน’ ตอนที่อัดเสียงฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ได้คิดถึงหนัง ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเพลงดังในวิทยุ ฉันคิดแค่ว่า ฉันจะร้องเพลงซะ แล้วออกไปจากที่นี่” เซลีนอัดเดโม ‘My Heart Will Go On’ ไปแค่เทคเดียวเท่านั้น ทุกคนในห้องอัดร้องไห้เมื่อได้ฟังเธอร้องเพลง เจมส์ ฮอร์เนอร์เป็นคนแรกที่พูดสิ่งที่อยู่ในใจทุกคนออกมา “เราอาจไม่ต้องอัดมันซ้ำก็ได้” - เมื่อเขาพูดแบบนั้น นั่นหมายความว่างานชิ้นนี้อาจไม่ใช่เพียงเดโม แต่เป็นเวอร์ชันที่ปรากฏในภาพยนตร์จริง ๆ เจมส์ ฮอร์เนอร์ พกเทปติดตัวนานกว่าหนึ่งอาทิตย์เพื่อรอให้ เจมส์ คาเมรอน อยู่ในอารมณ์ที่ดีที่สุดก่อนเอาเพลงนี้ให้เขาฟัง แต่หลังได้ฟังเสียงร้องทรงพลังของเซลีนในเพลงแล้ว คาเมรอนก็ยังไม่ซื้อไอเดีย ‘เพลงปิดหนัง’ ที่ฮอร์เนอร์ภูมิใจนำเสนออยู่ดี อย่างไรก็ตาม เพลง ‘My Heart Will Go On’ ก็ได้ถูกทดลองตัดต่อลงไปในตอนท้ายของภาพยนตร์ และฉายให้เจมส์ คาเมรอน, เซลีน ดิออน และ เรอเน อองเชลีลได้ดู หนังจบลงและเพลงที่เธอร้องเริ่มต้นเล่น เซลีนร้องไห้อย่างหนัก และหยดน้ำตาอันอ่อนไหวของเธอเปลี่ยนใจให้คาเมรอนยอมใส่บทเพลงนี้ลงในภาพยนตร์ ‘My Heart Will Go On’ ของเซลีน ดิออน ถูกคอมโพสและเผยแพร่สองเวอร์ชัน หนึ่งคือเวอร์ชันที่ใช้ในหนังที่ให้อารมณ์ดนตรีออร์เคสตรา และสอง, เวอร์ชันที่ป็อปกว่า ในอัลบั้มของเซลีน - เวอร์ชันแรกได้รับรางวัลออสการ์ สาขา Best Original Song’ เวอร์ชันหลังได้ 4 ถ้วยรางวัลแกรมมีอวอร์ด - คือ Record of the Year, Best Female Pop Vocal Performance, Song of the Year และ Best Song From a Motion Picture ‘My Heart Will Go On’ กลายเป็นเพลงที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าที่ใคร ๆ - โดยเฉพาะตัวเซลีนเองคาดคิด จากเมื่อแรกฟังและครั้งบันทึกเสียง เธอไม่เคยชอบเพลงนี้ แต่แล้วทั้งหมดก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้ร้องเพลงนี้บนเวทีต่อหน้าผู้คน “คืนแล้วคืนเล่าที่ฉันคิดว่า ‘ฉันจะไม่ร้องเพลงนี้อีก’ แต่แล้วก็ได้เวลาเปิดม่าน บรรยากาศเคล้าควันเวที และผู้คนก็ร้องไห้ ทุกครั้งที่ฉันเริ่มร้องเพลงนี้ทีไร ก็ได้แต่คิดว่า ‘เพลงแบบไหนกันนะที่สร้างช่วงเวลาแบบนี้ขึ้นมาได้’ และแล้วฉันก็รู้สึกขอบคุณที่ได้เป็นคนขับร้องมัน” เซลีนยังบอกอีกว่า เธอรู้สึกขอบคุณสามีของเธอที่แนะนำให้เธอยอมอัดเดโมเพลงนี้ - ปี 2017 เมื่อเซลีนร้องเพลงนี้ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ในงาน ‘Billboard Music Awards’ เธอร้องมันด้วยความระลึกถึงสามีผู้ล่วงลับจากโรคมะเร็งไปเมื่อปี 2016 “ตอนที่ฉันพร้อมที่จะร้องเพลง น้ำตาฉันไหลและรู้สึกว่าร่างกายเริ่มสั่นเพราะอารมณ์ร่วมที่ล้นเหลือ การร้องเพลงครั้งนั้นเป็นช่วงเวลาแสนมหัศจรรย์สำหรับฉันเลยทีเดียว”   เรื่อง: จิรภิญญา สมเทพ ที่มา: https://www.songfacts.com/facts/celine-dion/my-heart-will-go-on https://www.popsugar.com/entertainment/Celine-Dion-My-Heart-Go-Song-Facts-43567565 https://www.billboard.com/music/features/celine-dion-my-heart-will-go-on-oral-history-interview-7800213/ https://www.vogue.fr/fashion-culture/article/celine-dion-hit-song-my-heart-will-go-on-story-secrets