“เฮเซลนัตหอมกรุ่น ช็อกโกแลตเนียนนุ่ม ในห่อสีทองเลอค่า”
พูดมาขนาดนี้ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากเฟอร์เรโร รอชเชอร์ (Ferrero Rocher) ช็อกโกแลตห่อฟอยล์สีทองสัญชาติอิตาลี ที่คล้าย ๆ จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ไปโดยปริยาย
ด้วยรูปร่างอันหรูหรา สวยงาม และรสชาติอร่อย ทำให้หลายคนนิยมมอบให้กันเพื่อแสดงแทนความรักที่ตนมี
เฟอร์เรโร รอชเชอร์ เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่โดดเด่นที่สุดของ Ferrero Group ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1946 แต่แท้จริงแล้วจุดเริ่มต้นของแบรนด์กลับมีความยาวนานและน่าสนใจมากกว่านั้น
เรื่องราวของ เฟอร์เรโร รอชเชอร์ เริ่มต้นขึ้นภายใต้เงาของสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1923 หลังจากปิเอโตร เฟอร์เรโร (Pietro Ferrero) ปลดประจำการราชการทหารลงและตัดสินใจเปิดร้านขนมอบในเมือง Dogliani ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลีขึ้นเพื่อเลี้ยงชีพครอบครัว
แต่ในระหว่างนี้ปิเอโตรก็ได้พยายามพัฒนาสูตรขนมของตัวเองไปเรื่อย ๆ พร้อมกับย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองต่าง ๆ ในปี 1938 เพื่อขายขนมของเขา เขาย้ายไปยังแอฟริกาตะวันออกสำหรับแผนจะขายบิสกิตให้กับกองทหารอิตาลีที่มุสโสลินีส่งไปที่นั่น ก่อนจะกลับมายังเมืองเดิมหลังจากไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง และเมื่อถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาและครอบครัวก็ตัดสินใจย้ายไปตั้งรกรากอยู่ในหุบเขา Alba อันเงียบสงบ
และที่นั่นเองที่ปิเอโตร กับน้องชาย จิโอวานี เฟอร์เรโร (Giovanni Ferrero) ได้คิดค้นสูตรใหม่ที่มีส่วนผสมของกากน้ำตาล น้ำมันเฮเซลนัต เนยมะพร้าว และโกโก้จำนวนเล็กน้อย ห่อด้วยกระดาษไข และวางขายในเมืองเล็ก ๆ จนได้รับความสนใจ
ก่อนจะขยับขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถก่อตั้งเป็น Ferrero Group ขึ้นในปี 1946 ได้ในที่สุด
แต่กว่าที่เจ้าขนม เฟอร์เรโร รอชเชอร์ จะถูกวางขายอย่างเป็นทางการอย่างทุกวันนี้ก็ปาเข้าไปกว่า 34 ปีหลังจากก่อตั้งบริษัท เพราะในระหว่างนั้น Ferrero Group ได้ออกสินค้าอื่นที่สามารถทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ อย่าง นูเทลลา (Nutella) คินเดอร์ (Kinder) และ ทิคเทค (Tic Tac) มาก่อนแล้ว
และก็เป็นที่น่าเสียดายที่ปิเอโตรและจิโอวานี ไม่ทันจะได้เห็น เฟอร์เรโร รอชเชอร์ กลายเป็นขนมที่ครองใจผู้คนทั้งโลก เพราะทั้งคู่ได้เสียชีวิตไปเสียก่อน
ดังนั้นผลงานการสร้างสรรค์ เฟอร์เรโร รอชเชอร์ ออกสู่สายตาประชาชนจึงตกเป็นของ มิเชล เฟอร์เรโร (Michele Ferrero) ลูกชายของปิเอโตร ที่รับหน้าที่บริหารธุรกิจเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อ และสร้างสูตรขนมใหม่ขึ้นมาจนโด่งดัง
“ความสำเร็จของเฟอร์เรโร เราเป็นหนี้แม่พระประจักษ์ที่ลูร์ด (Our Lady of Lourdes) ถ้าไม่มีเขา เราก็ทำอะไรได้เล็กน้อย” นั่นคือคำพูดของมิเชลที่กล่าวในงานเลี้ยงฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท
[caption id="attachment_41355" align="aligncenter" width="640"]
Lourdes (south-western France): statue of the Virgin Mary in the grotto of Massabielle, Our Lady of Lourdes sanctuary (not available for postcard edition)[/caption]
Ferrero ที่มาจากนามสกุลของตระกูล และ Rocher ที่มาจาก ‘Rocher de Massabielle’ ถ้ำหินขรุขระซึ่งเป็นที่ที่พระนางมารีย์ได้เสด็จมาปรากฏต่อนักบุญเบอร์นาเดตต์ในเมืองลูร์ด ประเทศฝรั่งเศส กลายมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในชื่อ ‘Ferrero Rocher’
อีกทั้งผิวที่ขรุขระของเฮเชลนัตและช็อกโกแลต ก็ยังเปรียบได้กับลักษณะของถ้ำที่มีความขรุขระ ไม่เรียบเนียน แต่เมื่อเข้าไปข้างในก็จะพบกับพระแม่มารีย์ ดั่งเช่น เฟอร์เรโร รอชเชอร์ ที่เมื่อกัดเข้าไปก็จะพบกับผลเฮเซลนัตอยู่ภายใน
ความเลื่อมใสและศรัทธาในศริสตศาสนาของมิเชลยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เพราะในทุก ๆ ปีเขามักจะไปแสวงบุญประจำปีที่เมืองลูร์ดอยู่เสมอ และยังมีการจัดตั้งรูปปั้นพระแม่มารีย์ไว้ในโรงงานผลิตของ เฟอร์เรโร รอชเชอร์ กว่า 14 แห่งทั่วโลก ก่อนที่เขาจะจากไปในวันวาเลนไทน์ ปี 2015 ด้วยวัย 89 ปี
เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ชีวิตอุทิศให้กับพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริง ที่สามารถพาให้บริษัทกลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก และกลายเป็นของขวัญชิ้นแรก ๆ ที่ใครต่อใครต่างก็นึกถึง เมื่อต้องการซื้อให้คนที่รัก
ตามสโลแกน “เฟอร์เรโร รอชเชอร์ ล้ำค่าดั่งคนที่คุณรัก”
ภาพ: Andia/Universal Images Group via Getty Images และ https://www.ferrerorocher.com/int/en/
อ้างอิง: https://aleteia.org/2020/06/24/how-ferrero-rocher-chocolates-were-inspired-by-the-virgin-mary/
https://www.forbes.com/feature/ferrero-candy-empire/#590b37406c49
https://religionunplugged.com/news/2020/2/11/these-popular-valentines-chocolates-honor-the-virgin-mary