“ZERO DROPOUT เด็กทุกคนต้องได้เรียน” ส่งต่อความเท่าเทียมทางการศึกษา เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของเด็กไทย
โอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมเป็นพื้นฐานสำคัญหนึ่งที่ช่วยให้ทุกคนสามารถเริ่มต้นสร้างอนาคตของตัวเองได้อย่างเสมอภาค
แต่ตอนนี้ที่สถานการณ์โรคระบาดที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมากลับทวีความรุนแรงและส่งผล กระทบให้หลายครอบครัวที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว
กลับยิ่งลดลงไปอีกจนแทบไม่พอใช้ บางรายถึงขั้นตกงานไปเลยก็มี และปัญหาที่ตามมาจากนั้น ก็คือ เด็กยากจนจำนวนมากต้อง “หลุดจากระบบการศึกษา” อย่างเลือกไม่ได้ เพราะพวกเค้าไม่มีเงินทุนที่จะนำมาใช้จ่ายในส่วนนี้ ทั้ง ๆ ที่ก็อยากเรียน อยากมีความรู้ อยากมีอนาคตที่ดี ไม่ต่างจากเรา
สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น หรือเป็นประเด็นปัญหาใหม่ แต่กลับเป็นสิ่งที่พวกเราเองก็เคยได้ยิน เคยได้สัมผัสจากคนใกล้ตัว หรือเคยได้เห็นข่าวเกี่ยวกับความขาดแคลนทุนทรัพย์ของเด็ก ๆ จากสื่อต่าง ๆ กันมานานแล้ว แม้จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารณรงค์ขอความช่วยเหลือกันอยู่มากมายก็ตาม แต่สุดท้าย เรื่องราวของเด็กกลุ่มนี้ก็ถูกกลืนหายหลงลืมไปด้วยปัจจัยบางอย่าง
มาถึงตรงนี้บางท่านอาจจะมองว่า สิ่งนี้ “เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ” มากนัก เพราะอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรือไม่ก็อาจจะยังไม่เคยได้นั่งพิจารณาลงลึกถึงปัญหาอย่างแท้จริงก็เป็นได้ การตระหนักถึงสิทธิของเด็ก และความสำคัญของการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง จะส่งผลกระทบต่ออนาคตเด็กไทยในภาพรวมของอย่างแน่นอน
บางคนอาจจะเคยให้การสนับสนุนเรื่องการศึกษากับเด็ก ๆ ในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินเป็นทุนการศึกษา สมัครเป็นครูอาสาสอนหนังสือ หรือบริจาคอุปกรณ์การเรียนการสอนต่าง ๆ เพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาได้มากที่สุด
แต่การช่วยเหลือเหล่านี้ อาจช่วยเด็กได้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่สามารถช่วยเหลือเด็ก “ทุกคน” ได้
แสนสิริเล็งเห็นถึงปัญหา และต้องการที่จะสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นในสังคม จึงสร้างรูปแบบการการบริจาคใหม่ที่น่าสนใจ คือ การออกหุ้นกู้แสนสิริ ระดมทุน 100 ล้านบาท บริจาคให้กับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อใช้ในโครงการ “ZERO DROPOUT เด็กทุกคนต้องได้เรียน” มุ่งให้เด็กหลุดจากระบบการศึกษาเป็น “ศูนย์”
สำหรับผู้ที่ลงทุนในหุ้นกู้แสนสิริจะได้รับผลตอบแทน ในรูปแบบของดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เมื่อครบกำหนดก็จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนซึ่งเป็นโมเดลการบริจาคที่ผู้ให้และผู้รับต่างได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน
ซึ่งเงินที่ระดมทุนนี้ทาง กสศ. จะนำไปใช้ในโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน" โดยเลือกจังหวัดราชบุรีเป็นจังหวัดนำร่อง สร้างเป็น “ราชบุรี โมเดล” ซึ่งเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ ทำให้เด็กนักเรียนทั้งจังหวัดราชบุรี จำนวน 10,000 คน ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ภายใน 3 ปีจากก่อนหน้านี้ที่เด็กยากจนจำนวนมาก มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้เรียนต่อ เนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา
การออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนในการช่วยพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกในเอเชีย โดยนักลงทุนเองนอกจากจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนแล้วที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ ได้ลงทุนในอนาคตเด็กเพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในระบบการศึกษา เป็นการสร้างรากฐานสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง
“เพราะเด็กทุกคนต้องได้เรียน ไม่ควรมีสถานการณ์ไหนทำให้เด็ก ๆ ต้องโดนบังคับทิ้งการศึกษาไว้ข้างหลัง” มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์เพื่อเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยให้เด็กหลุดระบบการศึกษาเป็น “ศูนย์” ไปด้วยกัน ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน 3.20% ต่อปี พร้อมรับดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ 3 ปี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ โดยทริสเรทติ้ง
เปิดจองซื้อพร้อมกัน วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 8.30 น. ผ่าน SCB Easy App เท่านั้น ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นกู้เพื่อช่วยเหลือการศึกษาเด็กไทยของแสนสิริ และโครงการ ZERO DROPOUT ได้ที่ https://blog.sansiri.com/zero-dropout-main/