ส้ม มารี: จากเจ้าของเพลงเศร้าในโลกดนตรี สู่เจ้าของห้องต้องมนตร์ในธีมแฮร์รี่ พอตเตอร์
หากใครเคยติดตามคลิปวิดีโอในช่องยูทูบของ ‘มารี เออเจนี เลอเลย์’ หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ ‘ส้ม มารี’ (zommarie) แล้วละก็ คงต้องเคยเห็นความคลั่งไคล้ของนักร้องสาวคนนี้ที่มีให้กับ ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’ เด็กชายจากแฟรนไชส์โลกเวทมนตร์อันโด่งดังตลอดกาลของนักเขียนชาวอังกฤษ ‘เจ. เค. โรว์ลิง’ (J. K. Rowling)
ถึงแม้ที่ผ่านมาจะเคยเห็นห้องแฮร์รี่ในวิดีโอของส้ม มารี จนรู้สึกคุ้นเคย แต่ก็อดร้องว้าว! เอามือปิดปากไม่ได้เมื่อได้เห็นโลกพ่อมดแม่มดขนาดย่อมด้วยตาตัวเอง ทุกพื้นที่ของห้องเล็ก ๆ นี้เต็มไปด้วยของสะสมอันทรงคุณค่าทางจิตใจ และเกือบทั้งหมดก็ทรงคุณค่าด้านราคาเช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่ส้ม มารีจะแนะนำของสะสมชิ้นโปรด เราก็เริ่มบทสนทนาด้วยการสำรวจโลกแห่งดนตรีของเธอก่อน
เพราะแม่คิดว่าดนตรีจะช่วยให้ใจเย็น
ส้ม มารี นั่งอยู่บนเก้าอี้สีแดงที่ราวกับเอามาจากห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์ (หนึ่งในสี่บ้านของโรงเรียนพ่อมดแม่มดฮอกวอตส์) เธอเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่จำความได้ก็มีดนตรีอยู่ในชีวิตแล้ว โดยพ่อและแม่ของเธอเป็นคนที่ชอบฟังเพลงมาก แต่ทั้งสองไม่มีความสามารถด้านดนตรี เมื่อส้มอายุได้ประมาณ 7 ปี แม่ที่เป็นคนใจร้อนจึงอยากให้ลูกใจเย็นด้วยการพาลูกสาวไปเรียนเปียโน ซึ่งก็เข้าทางส้มที่เป็นเด็กที่ชอบดนตรีอยู่แล้ว
ด้วยความที่พ่อของส้มเป็นชาวต่างชาติและแม่เป็นคนไทย ทำให้แนวเพลงที่ส้มได้ฟังตั้งแต่เด็กนั้นกว้างมาก ทั้งเพลงโอเปร่าจากพ่อ และเพลงของ Whitney Houston, Celine Dion และ Mariah Carey จากแม่ รวมไปถึงเพลงหมอลำและโบว์รักสีดำที่แม่มักจะฟังเมื่อกลับไทย
“ตอนนั้นยังไม่ได้โตมาก ก็ยังไม่ได้มีสิทธิ์เลือกเองว่าเราชอบเพลงอะไร แล้วก็จำได้ว่า ในช่วงนั้นแม่ซื้อเครื่องเล่นคาราโอเกะมาที่บ้าน แล้วเราก็ชอบมาก ทุกวันกลับจากโรงเรียน เราจะรีบทำการบ้าน เพื่อที่จะได้ร้องคาราโอเกะ”
ส้มเล่าต่อด้วยรอยยิ้มพลางนึกย้อนไปในความทรงจำ เธอร่ายชื่อศิลปินที่ตนเองชื่นชอบมาให้ฟัง ซึ่งสไตล์เพลงก็เปลี่ยนแปลงไปตามวัยตั้งแต่ศิลปินต่างชาติคนแรกอย่าง Britney Spears ตามมาด้วยศิลปินไทย D2B, ไอซ์ ศรัณยู และกอล์ฟ-ไมค์
“เราจำได้ทุกช่วงเวลาเลยว่าตอนอายุเท่าไรฟังเพลงอะไร แต่เพลงที่เปลี่ยนชีวิตน่าจะเป็นเพลงไว้ใจได้กา เพลงรอบไฟนอลที่เราร้องบนเวที LG Starz Talent ตอนอายุ 16 คิดว่าน่าจะเป็นเพลงนี้ สำหรับก้าวแรกในการเข้าสู่วงการบันเทิง”
โลกดนตรีที่เริ่มมีฝนตั้งเค้า
หลังจากที่เด็กน้อยจากเชียงใหม่ได้ขึ้นเวทีประกวดร้องเพลง LG Starz Talent และได้โอกาสในการหาประสบการณ์ในวงการบันเทิงมากมาย ส้มก็ค้นพบว่า เธอที่มากรุงเทพฯ เพื่อร้องเพลง กลับยังไม่ได้เป็นนักร้องสมใจสักที
“หลังจากประกวดร้องเพลงเสร็จ คาดหวังไว้เลยว่า ต้องได้เป็นนักร้อง แต่เปล่าเลย มันกลายเป็นว่าอายุ 16 ชนะการประกวด แล้วก็วุ่นวายกับการย้ายโรงเรียน เพราะว่าถ้าจะไป-กลับเชียงใหม่มันไม่ไหวจริง ๆ แล้วตอน 17 ปีก็มีโอกาสได้เล่นโฆษณา แล้วก็เป็นละครช่อง 3
“แต่ยังไม่ได้เกี่ยวพันกับการร้องเพลงเลย กลายเป็นว่าได้ไปทำอย่างอื่นแทน ใจเราอยากร้องเพลงอย่างเดียว แต่ว่าอันอื่นก็เหมือนเป็นโอกาสที่ลองดู”
ผ่านไปอีก 2 ปี ส้มในวัย 18 ปีก็ได้มีผลงานเพลงแรกในชีวิตภายใต้สังกัด GMM Grammy ในชื่อเพลง ‘Wink’ ตามมาด้วยอีกหลายเพลงทั้ง ‘รักเธอนะ’ และ ‘รักแบบเพื่อนไม่เหมือนแฟน’ แต่หลังจากนั้นชะตาของส้ม มารีก็ถูกพัดไปสู่อาชีพนักแสดงและพิธีกรแทน
ในตอนนั้น เธอโหยหาการร้องเพลงเป็นอย่างมาก กระทั่งโลกออนไลน์บนแพลตฟอร์มยูทูบได้เกิดขึ้น ส้มก็ได้ฤกษ์ร้องเพลง cover พร้อมฝึกเล่นกีตาร์ไปพร้อมกัน
“ช่วงแรกก็ยาก แต่พอเราเริ่มติด มียอดวิว ก็กลายเป็นว่าเราร้องเพลง cover ได้วิวเยอะ แต่ว่าปล่อยเพลงตัวเองไม่มีวิวเลย แล้วเราก็โดนคนคอมเมนต์ว่า ทำเพลงตัวเองได้วิวแค่นี้ กลับไปร้องเพลง cover เหอะ เราเฟลมาก ๆ ณ ตอนนั้น คือเรารู้สึกว่าเราก็อยากเป็นศิลปินจริง ๆ อยากเป็นนักร้องด้วยตัวเอง”
เธอยังคงยืนยันความฝันอย่างมุ่งมั่น
“เราชอบการร้องเพลง เราไม่ได้รู้สึกว่าการ cover เป็นสิ่งไม่ดี หรือการ cover เป็นสิ่งที่ด้อยกว่า แต่ว่าท้ายที่สุดแล้ว เราจะภูมิใจที่สุดเมื่อเพลงที่ประสบความสำเร็จคือเพลงของเราเอง”
ส้มเล่าด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่าเธอเองก็มีช่วงเวลาที่เป๋จากหมัดของเหล่าคอมเมนต์ และยังมีอีกหลายคนที่ทักเธอว่าเป็นนักร้อง cover มากกว่าศิลปิน ช่วงหนึ่งที่มีประเด็น เธอจึงไม่อยากร้อง cover เพราะไม่อยากให้คนติดภาพนักร้องที่ทำเพลงตัวเองไม่รอด
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ร่างกายและจิตใจก็เติบโตพอจะปลดล็อกตัวเองออกจากคำสบประมาท
“ท้ายที่สุดแล้ว คนจะรู้จักเราเพราะว่าเราร้องเพลงตัวเอง หรือคนจะรู้จักเราเพราะว่าเราร้องเพลงคนอื่น ก็คือคนรู้จักเราหรือเปล่า วันหนึ่งอยู่ดี ๆ มันก็ปลดล็อกได้เองว่า ช่างมันเถอะ จะรู้จักเราในฐานะอะไรก็ตาม มันก็คือเราทั้งนั้นแหละ”
ลูกครึ่งนักร้องและยูทูบเบอร์
การเริ่มต้นมักยากและมีเส้นทางขรุขระเสมอ เมื่อส้มเริ่มเบื่อการร้องเพลง cover เธอจึงเปลี่ยนแนวทางการทำยูทูบเพลงมาเป็น ‘ไลฟ์สไตล์’ ซึ่งก็เริ่มด้วยยอดวิวน้อย และไม่ถูกใจกลุ่มเป้าหมายเดิม
“ตอนนั้นก็เริ่มเข้าค่าย SpicyDisc ด้วย ก็มีความ struggle หน่อย ตรงที่ช่อง YouTube 500,000 คนแรกเขากดติดตามมาเพื่อฟังเราร้อง cover แล้วเราก็เปลี่ยนเป็นไลฟ์สไตล์ ซึ่งมันเป็นคอนเทนต์ที่เขาไม่ได้อยากดู ไม่ได้อยากรู้เรื่องชีวิตเธอ ยอดวิวจากแสนจากล้านก็เหลือ 2,000”
แต่ลูกท้อที่ออกผลเต็มต้นก็ไม่ทำให้ลูกฮึดของส้มหายไปไหน เธอบอกตัวเองอีกครั้งว่า ‘ลองใหม่’ ‘ลองอีกครั้ง’ และ ‘ลองอีกที’ จนในที่สุดคอนเทนต์ของเธอก็เริ่มเกณฑ์คนที่มีความชอบเดียวกันเข้ามา ซึ่งเธอขอบคุณทั้งคนที่คอยติดตามและขอบคุณตัวเธอเองที่ไม่ยอมแพ้ในวันนั้น
ส่วนโลกดนตรีของส้ม มารี ชื่อนี้ก็โด่งดังขึ้นอีกครั้งพร้อมความสำเร็จจากความพยายามที่ตามมาอีกมากมาย โดยเอกลักษณ์บทเพลงของเธอก็คือ ‘เพลงเศร้า’ ที่มีทุกระดับให้เลือกสรร
“เรากลายเป็นเกณฑ์วัดระดับความดราม่าในชีวิตตอนนี้ คือด้วยเพลงของเราที่มันมีความเสียใจ ไม่สมหวังในความรัก สมมติว่าเพลงรางวัลปลอบใจมันคือ level ที่เสียใจนะ แต่ฉันรักตัวเองมากกว่า เพราะฉะนั้นเก็บรางวัลปลอบใจของเธอไว้เถอะ แล้วชื่อเพลงก็คือดราม่าแล้ว แต่จะมีระดับความดราม่าที่แตกต่างกัน รวมถึงเพลงใหม่ที่กำลังจะปล่อยก็ดราม่าเหมือนกัน ปล่อยวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ featuring กับ The Parkinson เฮ้ย! บอกที่แรกเลย featuring กับ The Parkinson นะคะ ยังไงก็ฝากติดตามด้วย”
คอนเทนต์กล่องสุ่มที่เปิดประตูสู่โลกเวทมนตร์อีกครั้ง
นับจากการเปิดกล่องสุ่มครั้งแรกในปี 2019 พลพรรคกล่องสุ่มก็เรียกเพื่อนของมันมาไม่ขาดสาย หลังจากที่ส้มเปิดกล่องสุ่มมือสองของญี่ปุ่นไปหลายคลิป เธอก็มองหาช่องทางกล่องสุ่มใหม่ กระทั่งได้เจอกับเพจเฟซบุ๊กที่รับจัดกล่องสุ่มในหลายหมวด และหนึ่งในนั้นที่สะดุดตาก็คือหมวด ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’
“เราว่าจุดของการเริ่มสะสมแฮร์รี่ กล่องสุ่มก็มีส่วนเหมือนกัน กล่องสุ่มคือตัวที่ทำให้เรารู้ว่า จริง ๆ แล้วมันมีสินค้าแฮร์รี่ พอตเตอร์หลายแบบเลย เราก็ลองดู 5,000 บาท กล่องแรกมา ชอบมาก เราก็ถามไปท้ายคลิปว่า ควรจะไปกล่อง 20,000 ไหมแพงสุด ก็เลยกัดฟัน สั่งไป ใช้เวลารอนานมาก เพราะว่าเขาต้องสั่งของจากเมืองนอก หาทั้งมือ 1 ทั้งมือ 2 ของแท้มาให้”
ในครั้งแรกที่ส้มสั่งกล่องสุ่มไป มีผู้ชมที่เข้ามาบอกเธอว่า ของบางชิ้นนั้นไม่ใช่ของถูกลิขสิทธิ์ ครั้งต่อ ๆ มาส้มจึงเน้นกับทางร้านค้าว่า ขอแค่สินค้าที่ถูกลิขสิทธิ์เท่านั้น จะได้ของในปริมาณน้อยเธอก็ไม่ติดขัด และเมื่อกล่องสุ่มส่งมาถึง เธอก็แฮปปี้มาก
“20,000 คือจุดเริ่มต้นที่พอเราเริ่มรู้ว่า มันมีถ้วยประลองเวทย์ไตรภาคี สินค้ามันเกิดขึ้นมามากมาย เราก็เลยเริ่มที่จะตามหา และเริ่มสะสมมาเรื่อย ๆ
“แล้วตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ค่อยมีเงินเท่าไร ก็เลยจะไม่มีของสะสมอะไรจากวัยเด็กเลย ยกเว้นหนังสือ เพราะว่าสิ่งเดียวที่พ่อและแม่จะยอมซื้อให้โดยที่แบบไม่ต้องเก็บตังค์ซื้อเองคือหนังสือ”
ย้อนรอยความชอบที่มีต่อเด็กชายในห้องใต้บันได
เมื่อตอนที่ส้มอายุได้ 8 ขวบ แม่ของเธอซื้อหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่ม 1-2 ให้ แต่เธอในวัยเด็กกลับไม่ยอมเปิดอ่าน กระทั่งภาพยนตร์ภาคแรก ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์’ ออกฉายในปี 2001 ความชื่นชอบก็กลายเป็นแรงผลักดันให้เธออ่านหนังสือรวดเดียวจบทั้ง 3 เล่ม
“เล่ม 4 ออกมาตอนหนังภาค 2 มา จำได้ว่าถือหนังสือเล่ม 4 เข้าโรงไปดูหนังภาค 2 ด้วย แล้วจากนั้นมา ชีวิตก็อยู่กับแฮร์รี่ พอตเตอร์มาโดยตลอดเลย”
ดวงตาของส้มเริ่มเป็นประกายเมื่อเธอได้แชร์ความชอบให้กับทีมงานฟัง และคนฟังที่ชอบแฮร์รี่เช่นกันก็รู้สึกอิ่มเอมไปด้วย
“ตอนภาค 5 จะมา ที่เชียงใหม่จะมีร้านหนังสือใหญ่ ๆ เขาจัดงานเที่ยงคืนสำหรับใครที่จองหนังสือไว้จะสามารถรับหนังสือกลับบ้านได้ แล้วเรา เด็กอายุ 11 ขวบ อยู่ประถม แต่งตัวหากระโปรงลายสก๊อตสีแดง เพื่อจะทำตัวเป็นเด็กกริฟฟินดอร์ที่เชียงใหม่ไปร่วมงาน ถ้านึกถึงยุคนี้ก็คือผู้ใหญ่ต้องไปต่อแถวรับ iPhone วันแรก แต่อันนี้คือเพื่อจะไปเอาหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ภาค 5 ภาษาไทย ระดับนั้นเลย ความ crazy ของเราในตอนนั้น
“แล้วจำได้ว่าอยู่ไม่ถึงเที่ยงคืนเพราะว่าแม่ลากกลับ แม่ด่า แล้วแม่ดุมาก ๆ ก็ต้องฝากใบจองกับเพื่อนว่า เอาให้ด้วยนะ แล้วอีกวันค่อยให้เพื่อนเอามาให้ที่โรงเรียน มันเป็นความทรงจำที่เราย้อนกลับไป แล้วเราก็ยิ้มให้กับมันตลอด มันไม่มีอะไรที่ทำให้เรา crazy มันได้มากเท่านี้อีกแล้ว”
จริงอย่างที่ส้ม มารีว่า เพราะเธอติดแฮร์รี่ชนิดที่แอบอ่านหนังสือด้วยแสงไฟฉายใต้ผ้าห่มในเวลานอน และใช้วิธีเอาหนังสือเรียนวางไว้ด้านนอก เพื่อป้องกันไม่ให้ครูเห็นว่าเธอแอบอ่านแฮร์รี่ระหว่างเรียน
ส้มเอื้อมมือไปหยิบหนังสือแฮร์รี่ปกเก่า สภาพเก่า บนชั้นหนังสือที่อยู่ใกล้ ๆ สันหนังสือบางเล่มเริ่มขาด และมีสภาพยับเยินตามกาลเวลา แต่นั่นใช่หนังสือเล่มแรกที่เธอเคยพูดถึงหรือไม่?
“ใช่ อันนี้เล่มเก่า ๆ ของเรา แล้วมันหายไป แต่ที่หายไป เราว่ามันน่าจะอยู่ที่เชียงใหม่ จริง ๆ เรามีครบ 7 เล่มเลย นี่พิมพ์ครั้งที่ 1 รักมาก แล้วก็เยินมากที่สุดในโลกจริง ๆ”
ส้มยกหนังสือขึ้นมาพลิกดูสำรวจรอยยับจากการถูกเปิดอ่านบ่อย
“มีแค่หนังสือที่เก็บไว้ตั้งแต่แรก แล้วก็เหมือนเป็นปมในชีวิต แต่ ณ ตอนนั้นมันอาจจะยังไม่มีของทำมาขายมากมายอะไร แต่พอโตขึ้นมา เขาก็ขยันทำของออกมาขายเหลือเกิน (หัวเราะ) พอถึงจุดหนึ่งที่เราเริ่มมีอาชีพ เริ่มมีเงินพอที่จะเอามาปรนเปรอตัวเองได้แล้ว ก็เลยเหมือนเก็บกดแล้วก็เลยกลายมาเป็นห้องนี้
“แต่เราก็จำไม่ได้เหมือนกันนะว่า อะไรคือจุดที่ทำให้เรากลับไปหาแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะว่าอย่างหนังภาคสุดท้าย ก็แทบจะ 10 ปีแล้ว หนังสือคืออ่านจบไปเป็นชาติ แต่อยู่ดี ๆ ก็กลับมาโฟกัส และตามหาของทุกอย่าง หรือมันอาจจะไม่ได้เคยหายไปไหนก็ได้ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
หลังจากที่ซีรีส์ ‘Harry Potter 20th Anniversary: Return to Hogwarts’ ออกฉายทางช่อง HBO เมื่อเดือนมกราคม 2022 กระแส (ที่ไม่เคยหายไปไหนตลอด 20 ปี) ก็กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง แถมภาพยนตร์ภาคแรกศิลาอาถรรพ์ก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย เรียกได้ว่าคืนความสุขให้โลกมักเกิล (คนที่ไม่ใช่พ่อมดแม่มด) และคืนความทรงจำอันแสนวิเศษได้ถูกเวลาเป็นอย่างยิ่ง
แต่ถึงแม้ภาพยนตร์จะมีฉากอลังการงานสร้าง ส้มก็ยังชอบเวอร์ชันหนังสือมากกว่า ด้วยรายละเอียดที่เยอะและภาษาที่ไพเราะ เรียบเรียงมาเป็นอย่างดี และหลังจากนี้ เธอก็ลุกขึ้นเพื่อหยิบของสะสมชิ้นโปรดมาอวดทีมงาน
ของสะสมที่ทำให้โลกสดใส
เริ่มด้วยตุ๊กตาที่ดลบันดาลให้ ‘Magical Moment’ เกิดขึ้นในชีวิต ส้มประคองตุ๊กตา ‘เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์’ เอาไว้ในมือ พร้อมจัดผมยุ่งฟูให้เข้าทรง
“น้องเฮอร์ไมโอนี่ เราสั่ง pre-order นานจนลืม กัดฟันซื้อเพราะว่า 3,800 ราคามันแพง แล้วเราก็มีแค่ตัวเดียวเลย ไม่ตามหาตัวอื่นเลย เพราะรู้สึกว่ามันแพง แต่ว่าในใจจริง ๆ ก็เป็นปมที่อยากได้นะ แต่ก็ไม่ตามหา รู้สึกว่าตามหาแล้วเจอ เดี๋ยวจะซื้อ”
แต่เมื่อ ‘แจ็ค แฟนฉัน’ ขอแลกตุ๊กตากับกล้องตัวโปรดของส้มมารี การเจรจาจึงเริ่มขึ้น โดยในตอนนั้นส้มมีกล้องอยู่หนึ่งตัวที่แจ็คเคยอยากได้ แต่เธอยังไม่ขาย เมื่อส้มต้องการจะขายกล้อง แจ็คก็เกิดอาการลังเล จนในที่สุดเขาก็เสนอซื้อ พร้อมขอถ่ายทำรายการไปด้วย และความบังเอิญที่สุดคือ เขาได้ประกาศขายเซตตุ๊กตาแฮร์รี่ พอตเตอร์ครบชุดที่ขาดแต่เพียงเฮอร์ไมโอนี่ตัวเดียว
“เขาบอกเดี๋ยวหักลบกับค่ากล้อง ขาดเหลือเท่าไรก็โอนคืนกัน ก็เลยเหมาเขามาเลย (ชี้นิ้วไปในตู้) บังเอิญมากที่นั่นคือของพี่แจ็คหมดเลย ตัวเดียวที่เขาขาดคือเฮอร์ไมโอนี่ในชุดลำลอง เนี่ยมันคือ destiny เนี่ยมันคือแบบ magical moment! มันเกิดมาเพื่อเป็นของเรา โชคดีมากที่เราไม่ไปตามหาซื้อตัวอื่นแล้วค่อย ๆ ซื้อทีละตัวสองตัว เพราะเขาขายยกเซต มันพอดีมาก”
จากตุ๊กตาตัวแรก ส้มก็หยิบกระดาษที่ถูกฉีกออกทีละชั้นจนกลายเป็นรูปปราสาทฮอกวอตส์ในตลับแก้วให้ดู เธอชื่นชอบในความละเอียดของงานญี่ปุ่น และชั่งใจในวันแรกว่าจะดึงกระดาษออกมาให้กลายเป็นรูปปราสาทอย่างที่เห็นดีหรือไม่ แต่ในที่สุดเธอก็ลงมือทำพร้อมอัดคลิปเอาไว้ในช่องยูทูบ แล้วหลังจากนั้น เธอก็เอื้อมมือไปจับไม้กวาดสีน้ำตาลที่ตั้งอยู่บนพื้นต่อ
“อีกอันที่ชอบคือไม้กวาด Nimbus2000 อันนี้ ชอบมาก มี 10,000 อันทั่วโลก ได้อันที่ 4,600 แต่แม่ไม่เก็ตอะไรแบบนี้ แม่ถามว่าซื้อมาทำไม ไม้กวาดอันละเป็นหมื่น แม่ไม่เข้าใจ แม่ถามว่ามันทำอะไรได้ เราบอก ก็เนี่ยตั้งโชว์ แค่นี้ก็เอามาเหรอ แม่ก็จะเป็น feel ถ้าไม่มี function จะเอามาทำไม แต่สำหรับเรา การตั้งโชว์คือ function เวลาเราจับรู้สึกว่ามันใช่มาก ติดอย่างเดียวแค่มันบินไม่ได้”
เมื่อเราถามส้มว่า เธอเคยใช้เวลาอยู่กับแฮร์รี่ พอตเตอร์นานที่สุดกี่ชั่วโมง และใช้เวลานั้นทำอะไร เธอก็ตอบกลับแทบจะทันทีว่า “17 ชั่วโมงกว่า น้องปราสาทคนนี้เลย” ซึ่งปราสาทฮอกวอตส์ขนาดใหญ่ล้นหลังตู้นั้นก็เป็นหนึ่งในของสะสมชิ้นโปรดของเธอด้วย
“บรรดาเลโก้ เราอยู่กับมัน เราสร้างมันขึ้นมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายก็เลยจะรู้สึกชอบเลโก้ทุก ๆ อันที่เราต่อขึ้นมาด้วย”
ก่อนจบการสนทนาและการทัวร์ห้องแฮร์รี่ที่เวลาผ่านไปราวกับตกอยู่ในชั่วโมงต้องมนตร์ ส้มได้พูดถึงความเป็นอมตะ ‘ตลอดกาล’ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เอาไว้ว่า
“แฮร์รี่คือหนังสือของทุกเพศทุกวัย พิสูจน์มาจากตัวเองว่า เราอ่านมันตอนที่เรายังเด็กมาก ๆ แล้วเราก็ enjoy พอเราโตขึ้น ย้อนกลับมาอ่านเล่ม 1-3 ใหม่ ก็รู้สึกว่าสนุกเหมือนเดิมเลย โลกของแฮร์รี่ พอตเตอร์มันกลมมาก ๆ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในนั้นจริง ๆ
“ชั่วขณะที่เราอาจจะอยากลืมเรื่องเศร้า ลืมความเครียด เราสามารถหลบที่จะไปอยู่ในโลกใบนี้ได้ ก็เลยรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์สามารถอยู่ได้นาน 20 ปี และยังฮิตอยู่ และยังเชื่อว่าจะยังไปต่อได้อีก ถ้าสมมติส้มมีลูก แน่นอนให้ลูกอ่านแน่ ๆ หนังได้เปิดดูด้วยกันแน่ ๆ แล้วเชื่อว่าถ้าเกิดลูกเราชอบอีก ก็น่าจะส่งต่อไปได้อีกแบบไม่ยากเลย”
จากวันที่ความพยายามของ เจ. เค. โรว์ลิง เปลี่ยนแปลงเป็นเงินและหนังสือ สู่วันนี้ที่ผ่านมา 20 ปี แต่แฮร์รี่ พอตเตอร์ยังคงอยู่ในความทรงจำของเด็กรุ่นใหม่และเด็กที่กลายเป็นผู้ใหญ่ไปแล้วเสมอมา
ทั้งหมดคือเรื่องราวของส้ม มารี ‘เด็ก’ คนหนึ่งที่เติบโตมาพร้อมกับเด็กชายใต้บันได จนกลายมาเป็นนักร้อง ยูทูบเบอร์ และเจ้าของห้องในฝันของใครหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากความไม่ยอมแพ้ และยังคงมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ชอบต่อไป
เรื่อง: วโรดม เตชศรีสุธี
ภาพ: จุลดิศ อ่อนละมุน