ท่ามกลางงานภาพที่สวยงามและลื่นไหล เปี่ยมด้วยจินตนาการสไตล์ ‘ดิสนีย์’ และเพลงประกอบหลากหลายที่ไพเราะ และหลายเพลงกลายเป็นที่จดจำ เช่น ‘The Family Madrigal’, ‘We Don’t Talk About Bruno’ หรือ ‘What Else I Can’t Do’ ภาพยนตร์ ‘เมืองเวทมนตร์คนมหัศจรรย์’ หรือ ‘Encanto’ นั้นไม่ได้มีดีแค่งานภาพหรืองานเพลง เพราะตัวบทและแก่นที่ร้อยเรียงอยู่ระหว่างเวทมนตร์ชวนว้าวเหล่านั้น ก็น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะมันบรรจุไว้ครบถ้วนทั้งประเด็นครอบครัว การตามหาตัวตน และการตอบคำถามว่าสิ่งสำคัญแท้จริงนั้นคืออะไร?
ภาพยนตร์เปิดตัวอย่างสดใส ฉายภาพ ‘ผู้มีพลังวิเศษ’ กำลังใช้พลังของตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เสียงเพลง ‘The Family Madrigal’ ร้องบรรเลงขึ้น บอกเล่าผ่านดนตรีว่าครอบครัว ‘มาดริกัล’ นั้นเต็มไปด้วยผู้ได้รับของขวัญเป็นพรสวรรค์เหนือมนุษย์
หนึ่งคนมีเวทมนตร์แห่งการรักษา หนึ่งแข็งแกร่งจนแบกภูผาไว้บนบ่าได้ หนึ่งสวยงาม สมบูรณ์แบบ เสกสรรดอกไม้ประดับประดา หนึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพอากาศบนฟ้า หนึ่งแปลงกายได้ดั่งใจนึก และอีกหนึ่ง…ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่ในอีกไม่กี่ซีนข้างหน้า ‘อันโตนิโอ’ เด็กน้อยวัย 5 ขวบจะเข้าพิธีเพื่อเปิดประตู และพบว่าตนเองสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้
เพลง ‘The Family Madrigal’ ถูกร้องเล่าให้เด็กในหมู่บ้านฟัง โดยสมาชิกในครอบครัวมาดริกัลอย่าง ‘มิราเบล’ แต่เมื่อถูกเด็ก ๆ ถามว่าแล้วตัวเธอเองเล่า มีพลังวิเศษอะไร
มิราเบลตอบไม่ได้ เพราะเธอเป็นมาดริกัลคนเดียวที่ไม่มีเวทมนตร์
นั่นคือจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ ที่วางบทให้ตัวละครไร้เวทมนตร์อย่างมิราเบล ต้องกอบกู้ครอบครัวของเธอกลับมา เมื่อเธอเป็นคนเดียวที่สังเกตเห็นรอยแตกเล็ก ๆ ใน ‘กาสิตา’ บ้านเวทมนตร์หลังใหญ่ โดยที่คนอื่น ๆ ในบ้านไม่เห็นและไม่สนใจ บ้างคิดไปว่าเธอพูดถึงมันขึ้นมาเพราะอิจฉาที่อันโตนิโอ เจ้าหนูตัวจ้อยที่เกิดหลังเธอกลับได้พลังวิเศษขึ้นมา ขณะที่เธอไม่ได้
ครั้นจะกล่าวว่ามิราเบลไม่อิจฉา ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เมื่อฉากหนึ่งที่เธอขับร้องเพลง ‘Waiting On A Miracle’ นั้นก็ชี้ให้เห็นอยู่ว่าเธอนั้นปรารถนาและรอคอยให้ตัวเองได้รับมนตร์วิเศษเช่นคนอื่นบ้างมากเพียงใด
‘เวทมนตร์อะไรก็ได้’ เธอร้องขอ จะเป็นร่างกายที่แข็งแรงจนยกหินก้อนใหญ่ได้ หรือการสร้างสรรค์สิ่งสวยงามขึ้นมาก็ได้ทั้งนั้น ความปรารถนาอย่างสิ้นหวังของเธอทำให้รู้ว่าการเป็น ‘แกะดำ’ ในครอบครัวที่ทุกคนมีความพิเศษในตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เวทมนตร์คือสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดในตระกูลมาดริกัล - โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ ‘อาบัวลา’ หัวหน้าครอบครัวผู้มีศักดิ์เป็นยายของมิราเบล
ซึ่งสำหรับอาบัวลา การที่มิราเบลไม่ได้รับพลังใด ๆ แทบจะกลายเป็นตำหนิด่างพร้อย จนร่ำ ๆ จะถูกกล่าวหาว่าเธอเป็นสาเหตุที่ทำให้กาสิตาร้าว ทำให้ ‘ลุยซ่า’ พี่สาวผู้แข็งแรงของเธอพลังเสื่อม และทำให้ ‘อิซาเบลลา’ พี่สาวผู้เพียบพร้อมและงดงามดั่งดอกไม้ เริ่มออกนอกลู่นอกทาง
มิราเบลทำผิดอะไร?
เพราะเธอแสนมั่นใจว่ารอยร้าวที่เห็นนั้นไม่ใช่ภาพลวงตา เธอจึงเริ่มออกตามหา ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่หลังการถดถอยของเวทมนตร์ มิราเบลได้รู้ว่าสิ่งที่หญิงแกร่งอย่างลุยซ่ารู้สึกอยู่ตลอดเวลาคือ ‘แรงกดดัน’ อันมีน้ำหนักมากกว่าภูเขา แรงกดดันที่ว่าเธอต้องแข็งแกร่ง แบกรับได้ทุกปัญหา ทำให้เธอเฝ้าขบคิดอย่างไม่มั่นใจอยู่เงียบ ๆ คนเดียวว่า ‘ถ้าสักวันฉันแบกมันต่อไปไม่ได้ล่ะ’
ส่วนอิซาเบลลา พี่สาวแสนสวยที่เดิมทีมิราเบลไม่ค่อยชอบหน้า ก็ต้องทนอยู่กับภาพลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาว่าเธอต้อง ‘เพอร์เฟกต์’ ต้องสวยงาม อ่อนหวาน และเพียบพร้อม จนเธอได้แต่นึกเบื่อหน่ายอยู่เพียงลำพัง ไม่เคยบอกใครว่าจริง ๆ แล้วเธออยาก ‘สร้าง’ สิ่งที่เป็นตัวเธอจริงๆ - เป็นกระบองเพชรมีหนาม เป็นพืชพรรณหลากพันธุ์ หลากสีสัน ไม่ใช่แค่ไม้งามอ่อนหวานสีแดง ม่วง หรือชมพู
มิราเบลได้ล่วงรู้ว่าอันที่จริงแล้ว ใต้ภาพลักษณ์ยิ่งใหญ่และเป็นที่พึ่งแก่ชาวบ้านได้ของครอบครัวมาดริกัลนั้นช่างบอบบาง เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ถูกเก็บงำ ความลับที่ไม่พูดกันแม้แต่ในครอบครัว
หนึ่งในความลับที่เธอล่วงรู้คือเรื่องราวของ ‘บรูโน่’ น้าชายที่ลือกันว่าหนีออกจากกาสิตาไปนานร่วมสิบปี แต่ที่จริงแล้วเขายังหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านด้วยความห่วงใยที่มีให้กับครอบครัว และเป็นคนคอย ‘ประสานรอยร้าว’ ที่เริ่มแตกระแหงในกาสิตามานานก่อนถึงตามิราเบล
หนังพาให้เราได้เห็นจุดร่วมที่รวดร้าวของมาดริกัล ไม่ว่าจะเป็นตัวมิราเบลเอง ลุยซ่า หรืออิซาเบลลาผู้เป็นพี่สาว รวมไปถึงบรูโน่ น้าชายที่แม้แต่คนในครอบครัวก็หวาดกลัวและตัดสินใจกันว่า ‘We Don’t Talk About Brono’ ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาทุกคนล้วนเจ็บปวดที่ ‘ไม่ได้เป็นตัวเอง’
ลุยซ่านั้นไม่สามารถอ่อนแอให้ใครเห็นได้ อิซาเบลลาไม่สามารถเปิดเผยด้านอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ความงามให้คนอื่นล่วงรู้ ซ้ำยังไม่มีสิทธิ์เลือกคู่ครองของตน มิราเบลต้องทนกับการเป็นแกะดำที่คนในครอบครัวอาจมองว่าน่าอาย ส่วนบรูโน่ยิ่งซ้ำร้าย พรสวรรค์ยิ่งใหญ่อย่างการทำนายอนาคตที่เขาได้รับกลายเป็นปมด้อย เมื่อคนอื่น ๆ ต่างกลัวและหาว่าเขา ‘สาปแช่ง’ คน
ทำไมครอบครัวมาดริกัลที่ได้รับพรจากเปลวเทียนที่ไม่มีวันดับจึงต้องเผชิญเรื่องราวเหล่านั้น คำตอบอาจจะต้องย้อนมองไปว่าที่ผ่านมา พวกเขาภายใต้การดูแลของ ‘อาบัวลา’ ให้ความสำคัญกับสิ่งใด
สำหรับบ้านมาดริกัล สิ่งสำคัญที่สุดคือเวทมนตร์ - เพราะอาบัวลาเคยได้เวทมนตร์ช่วยเหลือไว้ในยามยาก เธอจึงเลี้ยงและรักลูกหลานของเธอด้วยความคิดที่ว่าเวทมนตร์ในตัวพวกเขา จะปกป้องให้พวกเขาปลอดภัย และเธอจะไม่ต้อง ‘สูญเสีย’ อะไรอีก
อาบัวลาให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกเขาทำได้ จนละเลยสิ่งที่พวกเขาอยากทำ ตัวตนของเธออาจสะท้อนถึงญาติผู้ใหญ่ที่เรารู้จักในชีวิตจริงได้ มีญาติผู้ใหญ่รวมถึงพ่อแม่บางคนที่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จของลูกหลาน มากกว่าสนใจไถ่ถามความรู้สึกที่เราซ่อนไว้ข้างใน ผู้ใหญ่เหล่านั้นไม่ได้เกลียดชังอะไรลูกหลาน ทั้งยังรักใคร่อย่างล้นเหลือ แต่ช่องว่างระหว่างวัยเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็ก ๆ จะหากึ่งกลางกับพวกเขาได้โดยง่าย
โชคดีที่ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Encanto’ มิราเบลทำได้ เธอชี้ให้มาดริกัลทุกคนเข้าใจได้ในตอนท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุดนั้นไม่ใช่เวทมนตร์ที่เสื่อมสลายไป เวทมนตร์เพียงอย่างเดียวไม่อาจดูแลรักษาครอบครัวที่บ้านถล่มจนหายวับไปได้ตลอดรอดฝั่ง สิ่งเดียวที่จะทำให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัย อาจจะเป็น ‘กันและกัน’ - อาจจะเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ ‘ยอมรับตัวตน’ ของทุกคนอย่างที่พวกเขาต้องการจะเป็น
ครอบครัวควรเป็นสถานที่ที่ลุยซ่าสามารถอ่อนแอได้ จะร้องไห้ก็ไม่เป็นไร ควรเป็นกลุ่มคนที่เข้าใจความแก่นเซี้ยวช่างทดลองของอิซาเบลลา เข้าใจกลุ่มเมฆฝนบอกอารมณ์ปรวนแปรของเปปป้า เข้าใจบุคลิกประหลาดแต่ไม่มีพิษภัยของบรูโน่ เข้าใจความธรรมดา ไม่พิเศษไปกว่าใคร ๆ ของมิราเบล
ความไม่พิเศษของมิราเบลที่มีพลังพอให้ทั้งครอบครัวแทนที่ความห่างเหินด้วยความเข้าใจ แทนที่การเลี่ยงไม่พูดถึงด้วยการ ‘มาพูดกันเรื่องบรูโน่’ ไม่ปล่อยให้ใครแบกรับภาระอยู่คนเดียว ไม่ปล่อยให้ใครร้องไห้ลำพัง และไม่บังคับให้ใครเป็นคนที่เขาไม่อยากเป็น
“ปาฏิหาริย์ไม่ใช่พรจากฟ้า ปาฏิหาริย์ก็คือพวกเธอ” คือถ้อยคำของอาบัวลาที่ทรงพลังยิ่งกว่าเวทมนตร์ เมื่อตัวละครที่เป็นเหมือนลาสต์บอส เป็นภาพแทนผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากจนบางครั้ง พวกเขาละเลยที่จะรับฟังเสียงของเด็ก ๆ ภาพยนตร์ ‘Encanto’ จึงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่เล่าผ่านลายเส้นสวยงาม และบทเพลงเพราะ ๆ เพื่อกะเทาะให้เราย้อนสำรวจว่า ‘ตัวตน’ ของเราคือใคร และให้ทุกเพศทุกวัยได้ย้อนคิดถึง ‘ครอบครัว’ ได้น่าประทับใจไม่น้อยเรื่องหนึ่ง