อลิสา: ‘เราสูญเสียหลายอย่าง แต่จะไม่ยอมทิ้งหมาเด็ดขาด’ หญิงยูเครนยอมเดิน 16 กิโลฯ โดยไม่ลืม ‘อุ้มหมา’ ลี้ภัยสงคราม

แม้สงครามจะพรากหลายสิ่งหลายอย่างไป แต่สิ่งหนึ่งที่ ‘อลิสา’ หญิงชาวยูเครนจะไม่ยอมเสียไปเด็ดขาดคือ เพื่อนสี่ขาที่อยู่กับครอบครัวมานานกว่า 12 ปี ภาพของเธอที่อุ้มมันไว้บนบ่าขณะเดินเท้ากว่า 16 กิโลเมตรเพื่อข้ามพรมแดน ได้กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกออกออนไลน์ เพราะนี่คือบทพิสูจน์ความรัก ความผูกพัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ต่างคนต่างหนีเอาชีวิตรอด
“เราสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างไปในสงคราม เราสูญเสียหัวหน้าครอบครัวอันเป็นที่รัก สูญเสียบ้านที่เราเคยพักพิง สูญเสียแม้กระทั่งร่องรอยความทรงจำ เราไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
อลิสา หญิงชาวยูเครนวัย 35 ปีตัดพ้อ เธอคือหนึ่งในผู้อพยพที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงจำใจต้องทิ้งบ้านเกิดเพื่อลี้ภัยไปยังโปแลนด์ ประเทศที่ยินดีอ้าแขนต้อนรับคนที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม
เนื่องจากยูเครนต้องการกำลังทหารเพื่อมาต่อกรกับรัสเซีย ทำให้ชายยูเครนอายุระหว่าง 18 - 60 ปี ถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ “ฉันจำใจต้องทิ้งสามีไว้ที่พรมแดนยูเครน ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าจากนี้จะใช้ชีวิตต่ออย่างไร คงไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันใจสลายไปมากกว่าการต้องแยกจากเขาอีกแล้ว”
นอกจากต้องจากบ้าน จากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย เธอยังต้องจากกับผู้เป็นพ่อตลอดกาล เพราะก่อนสงครามจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ่อของเธอในวัย 59 ปี ก็ด่วนจากไปอย่างกะทันหัน เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะทำใจกับการสูญเสีย ได้แต่เร่งส่งร่างไร้วิญญาณไปที่ห้องเก็บศพ และทำเอกสารอีกร้อยพันอย่างให้เสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นรัสเซียได้บุกโจมตีเมืองที่เธออยู่โดยไม่ทันตั้งตัว
เสียงสัญญาณไซเรนดังขึ้นทั่วเมือง ขณะที่รถถังกำลังเคลื่อนเข้ามาไม่ขาดสาย ภาพตรงหน้าทำให้อลิสาตระหนักได้ว่า เธอตกอยู่ในสงครามแล้วจริง ๆ “เราตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะรู้ว่ายิ่งสายจะยิ่งอันตราย แต่เมื่อเรายิ่งเข้าใกล้จุดหมายมากขึ้นเท่าไร จำนวนรถก็ยิ่งแน่นขนัดเต็มถนน เราไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากทิ้งรถและเดินเท้ากว่า 16 กิโลเมตรไปยังโปแลนด์” เธอเล่าถึงเหตุการณ์ที่ต้องนั่งเบียดกันในรถกับสมาชิกในครอบครัว 9 ชีวิต รวมถึงสุนัขสายพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดอีก 2 ตัว ระหว่างเดินทางไปชายแดนโปแลนด์
แม้ว่าอากาศภายนอกจะติดลบ 7 องศา แต่เธอและครอบครัวยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินฝ่าความหนาว “ลูก ๆ ของฉันพวกแกร้องไห้กันไม่หยุด ฉันปวดใจมากที่ครอบครัวต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ฉันอยากจะร้องไห้ไปกับพวกแกเหมือนกันนะ แต่ทำได้เพียงกลั้นน้ำตาเอาไว้”
เมื่อเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง อลิสาสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับเพื่อนสี่ขาที่อยู่กับครอบครัวของเธอมานานกว่า 12 ปี พวกมันมักจะเดินได้แค่ระยะทางสั้น ๆ แล้วก็ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น เธอพยายามโบกรถเพื่อให้พวกเขาช่วยพาหมาของเธอติดรถไปที่ศูนย์ดูแลสัตว์ในโปแลนด์ แต่ไม่มีใครอยากจะช่วยมากนัก บางคนถึงขนาดบอกให้อลิสาทิ้งหมาแก่ ๆ ของเธอเอาไว้จะดีกว่า เพราะมันคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
“หมาของเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว พวกมันอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิต ไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา หรือเสียใจ พวกมันก็ยังอยู่กับเรา คอยอยู่ข้าง ๆ ให้กำลังใจในวิธีของมัน ฉันไม่อยากทิ้งเพื่อนตัวนี้ไว้ในโลกที่โหดร้าย เพราะนี่คือความทรงจำเดียวที่ฉันเหลืออยู่จากโลกใบเก่าที่คุ้นเคย”
เธอต้องอุ้มหมาไว้บนบ่าตลอดระยะทาง 16 กิโลเมตร โดยผลัดกันอุ้มกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว ไม่มีใครบ่นที่จะต้องรับหน้าที่นี้ เพราะสัตว์เลี้ยงคือสิ่งสำคัญของพวกเขา เมื่อมาถึงที่หมาย ความหวังที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็กลับมาอีกครั้ง “เราจะต้องไม่เป็นไร” “เราอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว” คือเสียงที่วิ่งวนไปมาอยู่ในหัวของอลิสา แม้ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตั้งหลักจากอะไร เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวแทนสามีในช่วงเวลาแบบนี้
“ฉันไม่มีแผน ฉันไม่รู้ คิดแค่ว่าอยากจะให้สามีมาอยู่กับฉันตรงนี้ แต่เมื่อมองหน้าลูก ๆ ฉันก็ต้องกลับมาเข้มแข็ง ต้องตัดสินใจให้ได้ว่าจะลี้ภัยไปอยู่ที่ไหนระหว่างโปแลนด์หรือเยอรมนี ซึ่งผู้อพยพคนอื่น ๆ เขาก็คิดแบบเดียวกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ”
แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากในการทิ้งบ้านเกิดตัวเอง เพราะทุกความทรงจำของเธอยังคงอยู่ที่นั่น ข้าวของเครื่องใช้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาล้วนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงของนอกกายที่เธอสามารถหาใหม่มาทดแทน “มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันทิ้งไว้ในยูเครนคือ ร่างไร้วิญญาณของพ่อ และสามีของฉัน”
“ฉันได้แต่หวังว่าร่างของพ่อที่อยู่ในห้องเก็บศพจะยังคงอยู่ตรงนั้น ตอนที่สงครามสงบลง ฉันจะกลับไปจัดงานศพของท่านให้ออกมาดีที่สุด”
ภาพ: Courtesy of Alisa
อ้างอิง:
https://www.theguardian.com/world/2022/mar/08/ukraine-russia-crisis-border?fbclid=IwAR3jiV1h1lCDRJc6LNcnKMw7hN-ZvVh8TfnJZrPqHAiomU9X06I2kZsl8Hs
https://scoop.upworthy.com/fleeing-ukrainian-woman-carries-large-elderly-dog-for-10-miles-to-border-as-it-couldnt-walk