เจสสิกา แชสเทน: ดาวเด่นฮอลลีวูดผู้ยืนหยัดเพื่อความเท่าเทียม
“ไม่เข้าใจทำไมคนรวยถึงไม่ต้องติดคุกเลย ทีเด็กถูกกล่าวหาว่าขโมยกระเป๋าสะพายนี่ติดคุกกันหัวโตแบบไม่ต้องออกมาเลย”
สู้เอง เปิดสตูดิโอเอง แสดงเอง รับรางวัลเอง นักเลงพอ
เป็นเวลานานกว่าหนึ่งทศวรรษที่ชื่อของ เจสสิกา แชสเทน (Jessica Chastain) ลอยเด่นขึ้นมามีบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์ของฮอลลีวูดจากความวิเศษในผลงานของเธอ ไม่ว่าจะเป็น The Help (2011), The Tree of Life (2011), Interstellar (2014), The Martian (2015) หรือผลงานชิ้นล่าสุดจากสตูดิโอที่เธอก่อตั้งขึ้นมาเอง แถมยังได้รางวัลตุ๊กตาทองคำตัวแรกจากบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้ไปครองอีกด้วย อย่าง The Eyes of Tammy Faye ในการประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94
นอกจากความสามารถที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพในการแสดงของเธอ สิ่งหนึ่งที่เจสสิกามุ่งมั่น ยืนหยัด และต่อสู้เพื่อมันมาโดยตลอดคือ ‘ความเท่าเทียม’ ในสังคมอเมริกัน และโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ที่หลาย ๆ ครั้งก็มาพร้อมเรื่องอื้อฉาวหลายอย่างเช่นฮอลลีวูด ไม่เพียงแต่เธอเป็นกระบอกเสียงที่สนับสนุนและเรียกร้องเพื่อการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่เธอ ‘ลงมือทำ’ และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เห็นด้วยมือของเธอเองอีกด้วย
เพราะความลำบากมันเจ็บปวดและควรหมดไป
“ฉันโตมากับความขมขื่นและความน้อยใจต่อหลาย ๆ อย่างในชีวิต เพราะเรา (ครอบครัว) แทบไม่มีอะไรกันเลย…ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน”
ในขณะที่ตอนนี้เจสสิกามีฐานะ มีชื่อเสียงเงินทองมากมายจากการทำงานในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แต่เมื่อเธอลองนึกว่ายังมีคนอีกมากมายที่ยังต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ยังมีอีกหลายคนที่ต้องอดมื้อกินมื้อ มันทำให้เธอรู้สึกแย่อย่างมาก มันทำให้เธอนึกถึงชีวิตในตอนที่เธอยังเด็ก ซึ่งเธอเข้าใจดีว่าการที่ต้องอยู่ ณ จุดนั้น มันรู้สึกอย่างไร…
เจสสิกาเป็นคนแคลิฟอร์เนียโดยกำเนิด เติบและโตมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูก 5 คน พ่อของเธอก็เหินห่างและจากไป เธอไม่มีแม้แต่ชื่อพ่ออยู่ในใบเกิดด้วยซ้ำ ชีวิตของครอบครัวเธอถือว่าต้องเติบโตด้วยความยากลำบาก แม่ของเธอต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ในบางคืนเธอและพี่น้องอาจมีโอกาสนอนอย่างอิ่มท้อง แต่บางคืนก็จำต้องทนหิว เพราะมันไม่มีอะไรบนโต๊ะอาหารจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เธอก็ยังมีพ่อเลี้ยงผู้เป็นนักดับเพลิงที่ดีต่อเธอและครอบครัว และเป็นคนแรกที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงได้ และมากไปกว่านั้น คนที่เป็นกำลังใจและเชื่อในตัวเธอเสมอมาคือ ‘คุณยาย’ ของเธอ
ซาโลเม่และพ่อทูนหัวแห่งเส้นทางการแสดง
เจสสิการู้ว่าตัวเองสนใจในศาสตร์ของการแสดงตั้งแต่เธอมีอายุ 7 ขวบ และคุณยายของเธอที่เชื่อในตัวเธอเสมอมาก็เป็นคนจูงมือเธอเข้าสู่โปรดักชัน Joseph and the Amazing Technicolor Dreamcoat และนั่นนับเป็นก้าวแรกสู่เส้นทางนักแสดงของเธอ นอกจากการแสดงแล้ว เจสสิกาไม่ถนัดการศึกษาในห้องเรียนเท่าไรนัก เพราะเธอสนุกกับวิชาศิลปะการแสดงเป็นหลัก เธอมุ่งมั่นที่จะเดินตามความฝันของเธออย่างเต็มที่ จนต่อมาเธอก็ได้รับทุนการศึกษาหลังออดิชันผ่าน ณ Juilliard School และทุนนั้นก็อนุมัติโดย โรบิน วิลเลียมส์ (Robin Williams)
ไม่เพียงแต่นักแสดงในตำนานอย่างโรบินเท่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางในสายการแสดงของเธอ เพราะมีอีกบุคคลหนึ่งที่สำคัญต่อเส้นทางความฝันของเธอเป็นอย่างมาก บุคคลที่เธอขอยกให้เป็น ‘พ่อทูนหัวแห่งอาชีพการแสดง’ นั่นก็คือ อัล ปาชิโน (Al Pacino)
ในช่วงราว ๆ ปี 2005 - 2006 เจสสิกาได้ตระเวนออดิชันไปทั่วเพื่อแสวงหาโอกาสในการเป็นนักแสดงของเธอ ถึงกับต้องเปลี่ยนรถของเธอเป็นห้องแต่งตัว เป็นสถานที่แต่งหน้าเลย เพราะเมื่อไปแคสต์บทไหนจะได้แต่งตัวและเข้าไปแคสต์ได้ในทันที และมีอยู่คราวหนึ่งเธอได้มีโอกาสในละครเวทีที่จะถูกกำกับโดยอัลในเรื่อง Salomé ที่ประพันธ์โดยออสการ์ ไวลด์ (Oscar Wilde)
เรียกได้ว่าอัลเอ็นดูเธอเป็นอย่างมากหลังจากที่ได้ร่วมงานกันใน Salomé อัลก็ทำหน้าที่เหมือนผู้ใหญ่ที่คอยให้คำปรึกษาเธออยู่ตลอด นอกจากให้คำแนะนำแล้ว อัลยังเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่คอยปกป้องและชี้แนะเจสสิกาในฐานะที่เขาอยู่วงการนี้มาก่อน อัลให้เกียรติเจสสิกาและเอ็นดูดั่งลูกหลานเสมอมา ถึงแม้ในละครเวที Salomé ที่ตัวละครเอกที่เจสสิการับบทจะต้องมีเนื้อหาในเรื่องเพศ แต่เขาไม่เคยบังคับให้เธอต้องทำอะไรในสิ่งที่เธอไม่สบายใจที่จะทำ ต่อมาอัลถึงขั้นเขียนจดหมายแนะนำไปยัง เทอร์เรนซ์ มาลิค (Terrence Malick) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องถัดไปของเธอที่เริ่มแคสต์นักแสดงในปี 2007 เพื่อแนะนำเธอสำหรับบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง The Tree of Life (2011)
“อัลเป็นบุคคลที่ใจดีและช่วยปกป้อง ให้คำปรึกษา และชี้แนะฉันเสมอมา”
Freckle Films กระบอกเสียงเพื่อความเท่าเทียมแห่งฮอลลีวูด
“ฉันว่ามันไม่แฟร์เอาเสียเลย อะไรแบบนี้มันเกิดขึ้นปีแล้วปีเล่า มันถึงเวลาที่ต้องออกมาพูดแล้วไหม ฉันคิดว่าทุกคนต้องออกมาพูดถึงเรื่องนี้กันได้แล้ว”
บทบาทสำคัญที่เจสสิกาทุ่มเทให้วงการฮอลลีวูดคือความเท่าเทียมทางเพศ โดยเฉพาะในประเด็นของระยะห่างของค่าตอบแทนระหว่างชายและหญิง หรือประเด็นที่ผู้หญิงมักจะถูกคุกคามทางเพศจากผู้มีอิทธิพลในวงการ หรือแม้กระทั่งระบบที่กดทับเพศหญิงให้ได้รับโอกาสน้อยกว่าเพศชาย เจสสิกาถือเป็นแนวหน้าในวงการที่เดินหน้าเรียกร้องและแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“อะไรกัน เขาโดนจับกุมไปตอนเจ็ดโมงครึ่ง พอสิบโมงครึ่งก็ออกมาแล้ว นี่มันอะไรกัน”
“ไม่เข้าใจทำไมคนรวยถึงไม่ต้องติดคุกเลย ทีเด็กถูกกล่าวหาว่าขโมยกระเป๋าสะพายนี่ติดคุกกันหัวโตแบบไม่ต้องออกมาเลย”
ในทุก ๆ ครั้งที่ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นในวงการ ทุก ๆ ครั้งที่ผู้คนในวงการต้องประสบกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากประเด็นเหล่านี้ เจสสิกาจะเป็นหนึ่งในคนที่ตื่นตัวและพูดถึงมันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมอย่างจริงจัง รวมถึงประเด็นอื้อฉาวของฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) เธอก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาถึงอภิสิทธิ์ที่คนรวยมักจะได้เสมอ ๆ
นอกจากนั้นเจสสิกากับเพื่อนในวงการฮอลลีวูดของเธออีก 3 คนที่มากับความหวังและปณิธานที่จะสร้างความตระหนักรู้ให้กับสาธารณะ พวกเธอได้ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรนามว่า ‘We Do It Together’ ซึ่งเป็นองค์กรที่ช่วยสนับสนุนทุนในการสร้างสรรค์สื่อไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ สารคดี หรือรายการโทรทัศน์ที่มุ่งเป้าไปที่การให้กำลังใจและสร้างความหวังให้สิทธิสตรีเพื่อที่จะต่อสู้และแก้ไขปัญหาที่ยังคงฝังรากลึกอยู่ในสังคม
หากจะยกระดับเลเวลความมานะในการยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม คงจะไม่พูดถึงสตูดิโอหนังที่เธอก่อตั้งในปี 2016 อย่าง Freckle Films ไม่ได้ ในการก่อตั้งครั้งนี้เธอมุ่งเป้าที่จะสร้างแบบอย่างและความเท่าเทียมที่แท้จริงแก่วงการ เธออยากจะสร้างสตูดิโอที่สามารถจ่ายค่าเหนื่อยนักแสดงและทีมงานไม่ว่าจะเพศไหนอย่างเท่าเทียม เธออยากจะให้เรื่องเล่าที่ควรจะถูกนำมาเล่าได้มีโอกาสเล่าสู่สาธารณะ เธออยากให้ภาพยนตร์บางเรื่องที่ถูกมองข้ามมีคนมองเห็น เธออยากจะเห็นความเท่าเทียม
เจสสิกา แชสเทน คืออีกหนึ่งตัวอย่างของบุคคลที่หวังจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในสังคม และมุ่งหน้าต่อสู้มันอย่างไม่ลดละความพยายาม แถมยังลงมือทำมันให้เกิดขึ้นจริง หากกล่าวว่าเธอจะเปิดสตูดิโอหนังเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียม มันอาจดูไกลเกินเอื้อม แต่ด้วยปณิธานที่จริงแท้ที่เชื่อในการเปลี่ยนแปลง เธอก็สามารถทำมันสำเร็จจนได้ เธอแสดงให้เห็นว่าหากอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงจงลงมือทำเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อสร้างคลื่นอิทธิพลแห่งความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นจริง
จนปัจจุบัน Freckle Films ได้ผลิตหนังเรื่องที่ 3 สำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว แถมผู้ก่อตั้งบริษัทก็ยังชนะรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปี 2022 อีกด้วย
ถือว่าสู้เอง เปิดเอง คุมเอง เล่นเอง รับรางวัลเอง นักเลงพอจริง ๆ
เรื่อง: รัฐฐกรณ์ ศิริฤกษ์
ภาพ: Getty Images / IMDB
ที่มา:
https://variety.com/2020/film/news/jessica-chastain-freckle-films-the-355-1234818174/
https://www.thelist.com/616380/the-truth-about-jessica-chastains-production-company/
https://www.dailymail.co.uk/tvshowbiz/article-10410307/Jessica-Chastain-admits-grew-lot-resentment-poverty-stricken-childhood.html
https://www.independent.co.uk/news/people/profiles/jessica-chastain-the-slow-road-to-overnight-success-8432762.html
https://www.irishtimes.com/culture/film/jessica-chastain-it-was-a-very-difficult-upbringing-1.3076563
https://www.telegraph.co.uk/culture/film/starsandstories/11189916/Jessica-Chastain-interview-on-Interstellar-her-rise-to-fame-and-being-an-outsider.html
https://people.com/movies/jessica-chastain-on-gender-equality-in-hollywood/
https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-features/how-jessica-chastain-emerged-as-a-leader-gender-equality-1117361/