ชีวิตที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์อย่างเจ้าชาย - เจ้าหญิงอาจเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่สำหรับบางคนที่เกิดมาพร้อมสิ่งเหล่านั้น คุณค่าของชีวิตอาจไม่ใช่เงินทองหรือยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ แต่เป็นชีวิตอิสระที่สามารถเลือกทางเดินชีวิตได้ด้วยตนเอง
หลังจากสร้างความฮือฮาด้วยการเข้าพิธีวิวาห์กับสามัญชนจนถูกปลดจากฐานันดรศักดิ์ แถมยังเป็นเจ้าหญิงองค์แรกของญี่ปุ่นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ยอมหันหลังให้ชีวิตในวังโดยไม่สนใจพิธีการอันสิ้นเปลือง และปฏิเสธรับเงินก้อนโตจากรัฐบาลเป็นค่าสละฐานันดรศักดิ์
มาโกะ โคมุโระ (Mako Komuro) หรืออดีตเจ้าหญิงมาโกะ ตกเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อเธอเริ่มต้นอาชีพแรกในฐานะราษฎรเต็มขั้นด้วยการทำงานอาสาสมัครเป็นผู้ช่วยภัณฑารักษ์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะชื่อดังกลางมหานครนิวยอร์ก
แม้งานนี้จะไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสิ่งที่เธอเลือกและตรงกับความสนใจส่วนตัว นอกจากนี้ เธอยังมีเคอิ (Kei) โคมุโระ สามีสุดที่รักคอยเคียงข้าง แม้เขาจะพยายามสอบเนติบัณฑิตมาแล้ว 2 ครั้งแต่ยังไม่ผ่าน และยังคงทำงานเป็นผู้ช่วยทนายความหาเลี้ยงครอบครัวควบคู่กันไป
ตำนานรักที่เริ่มจากรอยยิ้ม
“ฉันสะดุดตาเขาครั้งแรกจากรอยยิ้มอันแสนสดใส”
อดีตเจ้าหญิงมาโกะเล่าถึงรักแรกพบกับเคอิ ก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แม้การตัดสินใจนั้นจะทำให้เธอสูญเสียคำนำหน้าว่าเจ้าหญิง และถูกตัดออกจากสมาชิกตระกูลดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ครองราชย์ติดต่อกันมายาวนานที่สุดในโลก
ตามกฎมณเฑียรบาลของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้หญิงนอกจากจะไม่มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์ ยังถูกบังคับให้ต้องสละฐานันดรศักดิ์หากแต่งงานกับสามัญชน แม้เจ้าหญิงมาโกะจะไม่ใช่เชื้อพระวงศ์องค์แรกที่ทำเช่นนั้น (นับเป็นองค์ที่ 9 ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลก) แต่เธอเป็นเจ้าหญิงองค์แรกที่ยอมเดินออกจากวังโดยไม่เข้าพิธีอำลาและไม่ขอรับเงินเยียวยาที่รัฐบาลต้องจ่ายให้ 152.5 ล้านเยน (ราว 40 ล้านบาท)
“สำหรับฉัน เคอิคือคนที่ไม่มีอะไรมาแทนได้ การแต่งงานคือทางเลือกที่จำเป็นเพื่อให้เรามีชีวิตต่อไปโดยหัวใจยังเปี่ยมไปด้วยรัก”
เจ้าหญิงมาโกะกล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจเลือกมาใช้ชีวิตกับสามัญชน
เจ้าหญิงรักอิสระ มนุษยสัมพันธ์ดี
เจ้าหญิงมาโกะประสูติเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ.1991 เป็นพระธิดาองค์โตของมกุฎราชกุมารอะกิชิโนะ รัชทายาทลำดับที่ 1 ในฐานะพระอนุชาของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ซึ่งไม่มีพระโอรสเป็นทายาทสืบสกุล
คนใกล้ชิดบรรยายอุปนิสัยของเจ้าหญิงมาโกะว่าเป็นคนรักอิสระ ชอบทำอะไรด้วยตนเอง และมีมนุษยสัมพันธ์ดี
รอยยิ้มแรกของชายคนรักที่ทำให้เจ้าหญิงตกหลุมรักเกิดขึ้นระหว่างที่พระองค์เดินทางไปร่วมงานแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านชิบูยะ กลางกรุงโตเกียว เมื่อปี 2012 ขณะนั้นพระองค์เรียนปริญญาตรีสาขามรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมอยู่ที่มหาวิทยาลัยอินเตอร์เนชันแนล คริสเตียน ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถาบันเดียวกับที่เคอิกำลังศึกษาอยู่
หลังพบกันวันนั้น ทั้งคู่ตัดสินใจออกเดตเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้นจนกระทั่งเดือนธันวาคมปี 2013 เคอิเป็นฝ่ายขอเจ้าหญิงแต่งงาน และเป็นจุดเริ่มต้นตำนานรักระหว่างเจ้าหญิงกับสามัญชนคู่ใหม่แห่งแดนอาทิตย์อุทัยที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ฟันฝ่าอุปสรรคพิสูจน์รักแท้
กว่าจะมาลงเอยกันได้ ทั้งคู่เผชิญกับอุปสรรคมากมายจนเกือบไม่ได้อยู่ด้วยกัน อุปสรรคแรกที่เป็นด่านพิสูจน์ความรัก คือ ความห่างไกล
หลังเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เจ้าหญิงมาโกะเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโททันทีในสาขาพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีศึกษาที่มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยระหว่างนั้นแม้เคอิยังอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ทั้งคู่ก็ติดต่อหากันและประคองความรักที่มีต่อกันมาได้อย่างราบรื่น
ด้วยความรักแบบไม่หวั่นทั้งระยะทางและเวลา หลังเจ้าหญิงมาโกะเรียนจบปริญญาโทกลับมาในปี 2016 ทั้งคู่ออกมาประกาศเป็นครั้งแรกว่ากำลังมีแผนจะเข้าพิธีวิวาห์ร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม แผนแต่งงานที่ตอนแรกวางไว้ในปี 2017 มีอันต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากกฎหมายญี่ปุ่นไม่ห้ามการตรวจสอบและวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ทำให้สื่อมวลชนพยายามสืบค้นประวัติว่าที่เจ้าบ่าว และพบว่าครอบครัวของเขามีปัญหาทางการเงิน
ปัญหาการเงินที่ว่า คือ มารดาของฝ่ายชายถูกกล่าวหาว่าติดหนี้อดีตคู่หมั้นประมาณ 35,000 เหรียญสหรัฐฯ เงินก้อนนี้ส่วนหนึ่งเธอนำไปใช้เป็นค่าเล่าเรียนของลูกชาย โดยระหว่างตกเป็นข่าวอื้อฉาวในปี 2018 เคอิเดินทางไปศึกษาต่อด้านนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม ในนครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ
เรื่องนี้จบลงด้วยการออกหนังสือชี้แจงหนา 28 หน้า ยืนยันว่า เงินก้อนดังกล่าวไม่ใช่เงินกู้ แต่เป็นเงินที่ให้โดยเสน่หา ขณะเดียวกัน เคอิก็ประกาศว่า ไม่ว่าที่มาของเงินจะเรียกว่าอะไร เขายินดีจ่ายคืนทุกบาททุกสตางค์ให้กับอดีตคนรักของมารดาตนเอง
นอกจากปัญหาเงิน ๆ ทอง ๆ ที่ทำให้หลายคนสงสัยว่าเขาจะมาปอกลอกเจ้าหญิงหรือไม่ เคอิยังถูกวิจารณ์เรื่องทรงผมและการแต่งกาย หลังจากเขาเดินทางกลับญี่ปุ่นเพื่อเตรียมเข้าพิธีวิวาห์ด้วยชุดสูทลายทาง ไม่สวมเนคไท และไว้ผมยาวมัดจุกหางม้า จนถูกตำหนิว่าไม่เหมาะสม
แม้สุดท้าย เคอิจะยอมตัดผมสั้นเข้าพิธีวิวาห์กันอย่างเรียบง่ายกับเจ้าหญิงมาโกะเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมปี 2021 แต่กระแสข่าวลบที่โหมกระหน่ำเข้าใส่จนต้องเลื่อนงานแต่งออกไปหลายหนก็มีผลต่อสภาพจิตใจของเจ้าหญิงจนสำนักพระราชวังอิมพีเรียลแถลงว่า เจ้าหญิงป่วยเป็นโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PTSD
“ผมรักมาโกะ ชีวิตเราเกิดมาหนเดียว ผมอยากใช้ชีวิตเดียวที่มีกับคนที่ผมรัก” เคอิกล่าวพร้อมรับปากว่าจะคอยดูแลปกป้องเจ้าหญิงมาโกะ หลังเธอสละฐานันดรศักดิ์เพื่อมาใช้ชีวิตกับเขา
ชีวิตใหม่เรียบง่ายในแบบสามัญชน
หลังแต่งงานไม่กี่สัปดาห์ อดีตเจ้าหญิงมาโกะซึ่งกลายเป็นราษฎรเต็มขั้น จูงมือสามีเดินทางไปใช้ชีวิตใหม่ในต่างแดน โดยทั้งคู่เดินทางไปถึงนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2021
พวกเขาเช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ อยู่ด้วยกันในเขตแมนฮัตตัน โดยฝ่ายชายหลังจบปริญญาโทออกมาก็ได้งานเป็นผู้ช่วยทนายความอยู่สำนักงานกฎหมายโลเวนสตีน แซนด์เลอร์ ในนิวยอร์ก และพยายามสอบเนติบัณฑิตเพื่อให้ได้ใบรับรองว่าความในอเมริกา ทว่าสอบไปแล้ว 2 ครั้งยังไม่ผ่าน
ส่วนฝ่ายหญิงได้งานแรกเป็นผู้ช่วยภัณฑารักษ์ที่พิพิธภัณฑ์ ‘เมโทรโพลิแตน มิวเซียม ออฟ อาร์ต’ หรือ Met ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก
เจแปนไทมส์ ระบุถึงอาชีพแรกของอดีตเจ้าหญิงมาโกะในวัย 30 ปีที่นิวยอร์กอย่างละเอียดว่า เธอทำงานเป็นอาสาสมัครที่ไม่รับค่าจ้าง มีหน้าที่คอยดูแลคอลเลกชั่นงานศิลปะจากเอเชีย โดยเฉพาะงานเตรียมการจัดนิทรรศการภาพวาดซึ่งได้แรงบันดาลใจจากชีวิตพระสงฆ์ในศตวรรษที่ 13 ผู้เดินทางไปเผยแผ่พุทธศาสนาในญี่ปุ่น
อดีตภัณฑารักษ์ที่ Met บอกว่า “เธอ (มาโกะ) มีคุณสมบัติเหมาะกับงานและบางทีอาจต้องคอยดูแลจัดการชิ้นงานต่าง ๆ ในคอลเลกชั่น โดยทั่วไปแล้วมันเป็นงานเน้นการเตรียมการและบ่อยครั้งยังหมายถึงการต้องใช้เวลานานอยู่ในห้องสมุด”
ฟังจากรายละเอียดของงานที่เธอรับผิดชอบ รวมถึงการต่อสู้เพื่อไต่เต้าในหน้าที่การงานของสามี คงไม่ผิดที่จะบอกว่า อดีตเจ้าหญิงมาโกะยอมทิ้งชีวิตที่เพียบพร้อมในรั้ววังมาใช้ชีวิตลำบากในต่างแดนเพราะเหตุผลเดียว คือ ความรัก
รักในอิสรภาพ ชีวิตที่เรียบง่าย และคู่ครองที่เลือกเอง แม้ความรักเหล่านั้นจะทำให้ตัวเจ้าหญิงเองต้องลำบาก แต่ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะชีวิตเกิดมาแค่หนเดียว
อ้างอิง :
https://people.com/royals/japans-former-princess-mako-lands-new-job-in-n-y-c-after-giving-up-her-titles-to-marry-for-love/
https://www.bbc.com/news/world-asia-59047632
https://www.nytimes.com/2021/10/01/world/asia/japan-princess-mako-wedding.html
https://www.glamour.com/story/mako-komuro-japans-ex-princess-is-now-interning-at-the-metropolitan-museum-of-art