23 พ.ค. 2565 | 13:01 น.
“ตอนคุณเดินบนถนนในกรุงเทพฯ จากสยามสแควร์ถึงแพลตตินั่ม คุณจะเห็นว่าแฟชั่นเป็นเรื่องใหญ่มาก แฟชั่นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตทุกคน สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของไทยคือได้รับ adoption ของโซเชียลมีเดีย ดิจิทัล และสิ่งทอและแฟชั่นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ดังนั้นไทยคือสถานที่ที่สมบูรณ์แบบในการเริ่มธุรกิจนี้”แล้วทำไมต้องเป็นแฟชั่นผู้หญิง? เดวิดให้คำตอบว่า แฟชั่นผู้หญิงเป็นตลาดใหญ่สุดของแฟชั่น และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาตลอดเวลาตั้งแต่ทำธุรกิจ เมื่อจะทำธุรกิจต้องเริ่มต้นที่โอกาสใหญ่ที่สุด หากสามารถทำได้ จะสามารถขยายตลาดได้กว้าง ทั้งกลุ่มลูกค้า โปรดักต์ และโมเดลธุรกิจต่าง ๆ
“สำหรับเราการได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าผู้หญิงมีความสำคัญ และเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาตลอดหลายปี ซึ่งเราถือว่า อยู่ถูกที่ถูกเวลา”การเข้าใจลูกค้าคือชัยชนะ ที่ Pomelo เราต้องการเป็นผู้นำในด้านแฟชั่นและเทคโนโลยี โดยเริ่มต้นในฐานะแบรนด์ออนไลน์ ณ เวลานั้นสำหรับเดวิดเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจมาก ทำให้ได้เรียนรู้และได้ใช้เวลาทำความเข้าใจถึงความต้องการของตลาด pain points ต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจและสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
“Pomelo ได้ทำแบบสำรวจลูกค้าประจำปี เราถามลูกค้าว่า อะไรคือสิ่งแรกที่อยากเห็นจากแบรนด์ Pomelo คำตอบน่าสนใจมาก เพราะพวกเขาต้องการอยากเห็นร้านรีเทล ซึ่งทำให้ผมประหลาดใจมาก เพราะในฐานะผู้นำทางด้าน e-Commerce ผมคิดเสมอว่า e-Commerce จะเป็นอนาคต นั่นคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ แต่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ลูกค้าต้องการคือ พวกเขาต้องการสถานที่ที่สามารถจับสัมผัสโปรดักต์ หรือลองแต่งตัวในลุคต่าง ๆ ได้”นั่นเป็นจุดเปลี่ยนให้ Pomelo เปิดหน้าร้านของตัวเอง เริ่มที่ไทย แล้วขยายไปประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ ในร้านที่เรียกว่า Tap.Try.Buy. ให้ลูกค้าสามารถลองโปรดักต์ทั้งหมดที่สาขา ร้านของพาร์ทเนอร์ หรือกระทั่งที่บ้าน นอกจากนี้จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อวงการแฟชั่นเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนอยู่ในบ้าน work from home ขณะที่แบรนด์เองพยายามมองหาการขายและเข้าถึงลูกค้าด้วยวิธีการใหม่ ๆ เดวิดจึงได้เปิดบริการในรูปแบบ B2B (Business to Business) ภายใต้ชื่อ Prism
“เราต้องการเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อทุกคน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญ เราต้องสามารถสร้างอุตสาหกรรมในภาพรวมให้แข็งแกร่งได้ด้วย”5 ค่านิยมองค์กรสู่ความสำเร็จ ณ วันนี้ Pomelo มีหน้าร้านอยู่ 27 แห่งทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะเพิ่มเป็น 50 แห่งภายในสิ้นปี 2565 โฟกัสเปิดสาขาใหม่ที่มาเลเซียและสิงคโปร์ รวมถึงมีแบรนด์อยู่บนแอปฯ Pomelo กว่า 500 แบรนด์ ตั้งแต่เครื่องแต่งกาย รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ของตกแต่งบ้าน และ activewear เมื่อถามว่า อะไรทำให้ก้าวมาถึงวันนี้ เดวิดบอกว่า หลายอย่างเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ สิ่งสำคัญต้อง ‘คิดการใหญ่ กล้าหาญ และกล้าเสี่ยง’ ต้องออกจาก comfort zone ทำสิ่งที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น และพยายามก้าวข้ามขีดจำกัด โดย Pomelo เป็นองค์กรที่เน้นพนักงานเป็นหลัก และมี ‘5 ค่านิยม’ ที่ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ ข้อ1 ‘หัวใจของการเป็นเจ้าของ’ หมายถึง มีความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง ทั้งเจ้าของโครงการ เจ้าของประสบการณ์ของลูกค้า ข้อ 2 ‘การเข้าใจลูกค้า’ ซึ่งต่อเนื่องกับข้อแรก โดยทุกการตัดสินใจต้องมาจากลูกค้าต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่ธุรกิจต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ก่อตั้งคิดว่าถูกต้อง แต่มาจากลูกค้าจริง ๆ ข้อ 3 ‘ความอยากรู้’ เพราะตอนนี้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปทุกวัน ทั้งแพลตฟอร์มเกิดใหม่ ช่องทางการตลาด แบรนด์ในตลาด ดังนั้นจึงสำคัญมากที่จะต้องพูดกับตัวเองเสมอว่า “เราจะทำอะไรได้อีก เรามีอะไรที่ไม่รู้บ้าง มีอะไรที่เราต้อง explore และทำความเข้าใจให้ดีขึ้น” ข้อ 4 ‘ความไม่ยอมแพ้’ เพราะเมื่อคุณพยายามแก้ปัญหาใหญ่ คุณจะเจออุปสรรคและความท้าทายอยู่เสมอ ซึ่งวิธีเดียวที่ความท้าทายหรือปัญหาต่าง ๆ จะชนะคุณได้ก็คือ การยอมแพ้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการไม่ยอมแพ้ถึงสำคัญหากต้องการประสบความสำเร็จ ข้อ 5 ‘ความร่วมมือร่วมใจ’ โดยเดวิดบอกว่า บ่อยครั้งคุณอาจจะเคยได้ยินคนพูดว่า ‘ถ้าต้องการไปเร็ว ให้ไปด้วยตัวเอง ถ้าอยากไปไกลกว่านี้ ให้ไปด้วยกัน’ ซึ่งเขามองว่า ความร่วมมือร่วมใจ การทำงานร่วมกันของทุกคน เป็นเรื่องสำคัญมาก
“เมื่อ 8 ปีก่อน ผมและทีมผู้ก่อตั้ง เราเริ่มต้นในอะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ที่เป็นออฟฟิศแรกของเรา มีโกดังสินค้า สตูดิโอ โต๊ะ ทั้งหมดทุกอย่างอยู่ในห้องเดียวกัน ตั้งแต่ตอนนั้นถึงวันนี้เราเติบโตขึ้นแบบทวีคูณ สามารถระดมเงินลงทุนได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์ มีทีมที่ยอดเยี่ยม และผมไม่อยากจะขออะไรไปมากกว่านี้”เรียนรู้และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเสมอ การยอมรับการเปลี่ยนแปลง เป็นอีกข้อที่เดวิดบอกว่าสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับ Pomelo โดยเขาและคนในองค์กรมองว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่อง positive force ที่ช่วยให้ปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ช่วยสร้างโอกาส สร้างไอเดีย และหาความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งจะทำให้เราเติบโตและประสบความสำเร็จ
“ส่วนตัวผมมอง culture เป็นเรื่องสำคัญ ผมได้ยินมาว่า culture is software ดังนั้นคุณสามารถมีฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดในโลกได้ แต่ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์หรือระบบที่เหมาะสม คุณก็จะไม่สามารถก้าวหน้าได้ และนั่นคือ key สำคัญจริง ๆ ว่า คุณสามารถสร้างระบบที่สามารถใช้ศักยภาพของทุกคนในบริษัทได้อย่างเต็มที่หรือไม่”ฮาร์ดแวร์ในที่นี้เดวิดหมายถึง ‘คนในองค์กร’ ซึ่งต้องเลือกให้เข้ากับซอฟต์แวร์ นั่นก็คือ culture ขององค์กร และซอฟต์แวร์จำเป็นต้องมีการอัปเกรดเวอร์ชันให้เหมาะกับยุคเหมาะกับคนอยู่เสมอ
“ซอฟต์แวร์ที่ทำงานได้ผลเมื่อ 5 ปีก่อน อาจจะใช้ไม่ได้ผลเหมือนเดิมในปัจจุบัน เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ตอนนี้ อาจไม่ได้ผลในอีก 5 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับฮาร์ดแวร์ที่เราต้องเปลี่ยนให้สอดคล้อง และผมคิดว่า บริษัทที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็น Apple หรือที่อื่น พวกเขากำลังพัฒนาทั้งสองอย่างควบคู่กัน และนั่นเป็นกุญแจความสำเร็จ”สุดท้ายเดวิดบอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ได้เรียนรู้มา คือ ต้องแน่ใจว่า คุณอยู่ถูกที่ถูกเวลา แล้วทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านั้น และในทุกที่จะมีความท้าทายรวมไปถึงโอกาสแตกต่างกัน ดังนั้น ต้องเลือกให้เหมาะสม แล้วพยายามอย่างเต็มที่ ทุ่มสุดตัว และคุณจะได้รับรางวัล เหมือนอย่างที่เขาได้รับมาแล้ว