ทาควาเรียส แวร์ ชายที่เข้าไปช่วยพี่สาวในกองไฟ สุดท้ายตัวเองโดนไฟไหม้ทั้งตัว แต่ไม่เคยทิ้งฝันเป็นนักอเมริกันฟุตบอล
สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ คือเรื่องราวความกล้าหาญและการสู้เพื่อความฝันของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปี ที่อดีตเขาเคยวิ่งเข้าหากองไฟเพื่อหวังจะช่วยชีวิตคนอื่น เด็กคนนั้นมีชื่อว่า “ทาควาเรียส แวร์” หรือที่ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่า TQ
ทาควาเรียส ก็เหมือนกับเด็กอเมริกันผิวสีทั่วไปที่มีความฝันว่า สักวันหนึ่งฉันจะต้องกลายมาเป็นนักอเมริกาฟุตบอลอาชีพ เพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวเองให้ได้ ในวัยสี่ขวบ ทาควาเรียส หลงรักกีฬาอเมริกันฟุตบอลเหนือสิ่งอื่นใด เขาเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์และร่างกายที่สมบูรณ์ มาถึงตรงนี้ทุกอย่างดูพร้อมสำหรับ ทาควาเรียส ในการจะก้าวขึ้นไปเป็นยอดนักกีฬาในอนาคต แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับชีวิตของเขา
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 22 มีนาคม ปี 2005 ขณะที่ครอบครัวแวร์กำลังหลับใหลอยู่ จู่ ๆ ก็มีควันจำนวนมากลอยไปทั่วบ้าน ทันใดนั้นเองแม่ของเขา ชอว์นีย์ ที่ตื่นขึ้นทันทีหลังเกิดอาการหายใจไม่ออก ก็ได้ตะโกนเสียงดังลั่นว่า “เร็วเข้า ไฟกำลังไหม้บ้านแล้ว” และรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านเพื่อนำตัว ทาควาเรียส และพี่สาวของเขา ชอว์นิส ออกนอกบ้าน
ชอว์นีย์ สั่งให้ทั้งคู่รอเธออยู่ภายนอก ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งเพื่อช่วยลูกชายอีกสองคนของเธอ ในขณะที่เธอกำลังปลุกอูไลนี ลูกชายคนกลาง ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงร้องของ ทาควาเรียส ที่วิ่งตามเธอเข้ามาในบ้านเพื่อหวังจะช่วยพี่ ๆ ของเขา ชอว์นีย์ ทำได้เพียงพูดว่า “ตามเสียงแม่มา” ก่อนจะสามารถคว้าตัว ทาควาเรียส ไว้ได้ พร้อมกับสัมผัสได้ถึงผิวหนังของเขาที่หลุดลอกเพราะเพลิงไหม้
แต่หัวใจของ ชอว์นีย์ ต้องแตกสลายในทันทีเมื่อรู้ว่าสาเหตุที่ ทาควาเรียส วิ่งกลับเข้ามาในบ้าน ก็เพราะว่าต้องการกลับเข้ามาช่วยพี่สาวของเขา ชอว์นิส ที่วิ่งเข้ามาก่อนในทีแรก และสุดท้าย ชอว์นิส ก็เสียชีวิตจากการสูดควันจำนวนมาก
“ตอนนั้นสิ่งที่ผมจำได้ก็คือมีไฟอยู่รอบตัวผม แม่ตะโกนเรียกชื่อผมและผมเดินผ่ากองไฟไปหาท่าน แม่บอกกับผมว่าเหตุการณ์นั้นทำให้เธอรู้ทันทีว่าผมจะกลายเป็นคนพิเศษ” ทาควาเรียส ย้อนความหลังถึงเรื่องราวดังกล่าว
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทาควาเรียส ถูกส่งตัวไปที่ศูนย์การแพทย์ เฮนนีพิน เคาท์ตี้ ในรัฐมินนิโซตา ทันที อาการถูกไฟไหม้ของ ทาควาเรียส อยู่ในระดับสาม ภายนอกมีรอยไหม้ทั่วร่างกายกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ เขาต้องสูญเสียนิ้วทั้งสี่บนมือซ้ายและบางจุดของร่างกายยังถูกไฟไหม้จนเห็นกระดูก ส่วนเท้าของเขาก็เสียหายหนักมากจนเดินไม่ได้ในตอนแรก นอกจากนี้ปอดและลำคอของเขาก็ได้รับความเสียหายมาก ถึงขั้นแพทย์ต้องหาท่อหลอดลมมาต่อเพื่อช่วยให้เขาหายใจได้ ในตอนนั้น ดร.จอห์น ทรูว์มีย์ แพทย์ผู้ดูแลประเมินอาการของ ทาควาเรียส ว่ามีโอกาสรอดชีวิตเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
“เขาอยู่ในสภาพไร้การตอบสนองเป็นเดือน ๆ เขาไม่สามารถพูดได้ เขาไม่สามารถลืมตาได้ เขาต้องถูกขูดผิวหนังที่ถูกไหม้ออก ร่างเขาเหมือนกับเนื้อดิบเลย ฉันไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าเขามาก่อนจนกระทั่งตอนนั้น” ชอว์นีย์ ให้สัมภาษณ์
ต่อมา ทาควาเรียส เริ่มรู้สึกตัวและพยายามจะถามแม่ของเขาว่าทำไมพี่สาวเขาต้องตายทำไมไม่เป็นเขาแทน “ทำไมชอว์นิสต้องตาย แต่ผมไม่ตาย” ชอว์นีย์ ผู้เป็นแม่ตอบกลับลูกชายของเธอว่า “เพราะพระเจ้ามีแผนการสำหรับลูกไง ท่านต้องการเธอไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์” แต่จริง ๆ แล้วนี่กลายเป็นคำตอบที่ ชอว์นีย์ ก็ไม่เคยเข้าใจเหมือนกัน
หลังจาก ทาควาเรียส ออกจากโรงพยาบาล ชอว์นีย์ ก็เริ่มมีอาการของภาวะซึมเศร้า เธอไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอทั้งท้อแท้และแทบไม่เหลือใจจะสู้ต่อ แต่สิ่งที่ทำให้เธอกลับมาสู้ต่อได้ก็คือความพยายามของ ทาควาเรียส ที่หวังจะกลับมาใช้ชีวิตให้ได้อย่างคนปกติ และไม่เคยยอมแพ้ต่อความฝัน
“ผมจำเรื่องราวก่อนอายุแปดขวบไม่ได้เลย ผมรู้แค่ผมมีนิสัยไม่ชอบยอมแพ้ ผมจำได้ว่าเวลาที่คนมองผม พวกเขาคงคิดว่าผมไม่โอเคที่เป็นแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วผมโอเคมากจริง ๆ” ทาควาเรียส ให้สัมภาษณ์
อุปสรรคอันใหญ่หลวงที่ ทาควาเรียส ต้องข้ามผ่านไปให้ได้คือเรื่องของสภาพร่างกายที่ไม่เอื้อต่อการเป็นนักกีฬามากนัก ในทุกปีเขาจำเป็นต้องผ่าตัดเนื้อเยื่อรอยแผลเป็นหลายครั้ง ขั้นตอนการผ่าตัดทำให้มีรอยผ่าก็เพื่อให้อาการตึงของแผลที่ไหม้ดีขึ้น บางครั้งก็เป็นบริเวณที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเขา โดยการรักษาบริเวณนี้ของร่างกายอาจทำให้ความสามารถในการยกและหมุนแขนไม่ดีเหมือนเดิม ช่วงเวลานี้ถ้าเป็นคนอื่นอาจเกิดอาการท้อไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับ ทาควาเรียส เข้าตั้งใจกลับมาฟื้นฟูที่นี้ทุกปีเพื่อหวังจะกลับไปมาเล่นกีฬาที่เขารักได้เหมือนคนทั่วไป
“แขนของผมงอเหมือนอยู่ในลักษณะตัว L นั่นทำให้ผมต้องผ่าตัดเนื้อเยื่อรอยแผลเป็นเพื่อให้สามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้มากขึ้น”
ชีวิตในช่วงไฮสคูลของ ทาควาเรียส ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะเรื่องของเวลาที่ไม่ตรงกันระหว่างการเล่นฟุตบอลและการเรียน และบวกกับการต้องผ่าตัดหลายรอบทำให้เขาต้องย้ายโรงเรียนหลายครั้ง ทุกโรงเรียนต้องการให้เขามีส่วนร่วมข้างสนาม เพราะมองว่าเขาไม่มีศักยภาพพอที่จะลงเล่นได้ สุดท้าย ทาควาเรียส ก็ไปลงเอยที่โรงเรียน นอร์ท ไฮสคูล
ที่นั่นเขาได้ลงเล่นให้กับโค้ช ชาร์ลส์ อดัมส์ ในหลายตำแหน่งทั้ง ตัววิ่ง ไลน์แบ็กเกอร์ ควอเตอร์แบ็ก หรือแม้กระทั่งตัวเตะ “TQ ทำได้ทุกอย่าง ผมไม่เคยทำกับเขาต่างกับเด็กรายอื่น” โค้ชอดัม ให้สัมภาษณ์ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาได้รับรู้ถึงจิตใจที่แกร่งกล้าของลูกทีมรายนี้ “ผมยังจำได้ถึงวันที่เราซ้อมกันหนักและมีแต่คนบ่น ทันใดนั้นเอง TQ ก็ตะโกนขึ้นว่าท่ามกลางเราว่า ‘บ่นกันไปเถอะ เดี๋ยวฉันซ้อมแทนเอง’ ผมรู้ทันทีว่าเขาคือคนพิเศษ”
นอร์ท ไฮสคูล เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ในมินนิอาโปลิส ที่มีเงินสนับสนุนจำกัดและงบจำกัด พวกเขาไม่มีไฟให้เปิดตอนซ้อมมืด ๆ และพื้นสนามก็แย่แทบไม่มีหญ้าขึ้นเลย “เด็กที่นี่ส่วนมากต้องลดข้าวกลางวัน และพ่อแม่ของพวกเขาก็ยังไม่มีกำลังจ่ายค่าร่วมกิจกรรมอีกด้วย พวกเด็กอาจหมดกำลังใจได้เรื่องจากการขาดแคลนทรัพยากรต่าง ๆ ที่โรงเรียน แต่ก็นั่นแหละการก้าวข้ามผ่านเรื่องพวกนี้ทำให้ความสำเร็จของ T.Q. มันน่าทึ่งมาก ๆ เลย”
ในปี 2018 ที่ผ่านมา ทาควาเรียส คว้าตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมในการแข่งขันระดับรัฐและกลายเป็นกำลังสำคัญช่วยทีมของเขาเข้ารอบรองชนะเลิศ 2A และได้เล่นที่สนามยูเอส แบงค์ สเตเดียม (สนามเหย้าของทีมมินนิโซต้า ไวกิ้งส์) โดยในฤดูกาลต่อไป ทาควาเรียส จะได้ไปเล่นให้กับวิทยาลัยเมซาบี เรนจ์ คอมมิวนิตี้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้เขาขยับเข้าใกล้ความฝันของตัวเองมากขึ้น
ความฝันของ ทาควาเรียส ไม่มีไรมาก เขาแค่ต้องการเข้าไปเล่นใน NFL ให้ได้เท่านั้น “ก้าวต่อไปของผมคือได้เล่นใน NFL เหมือนกับ ชาเควม กริฟฟิน (ชายผู้เกิดมาพร้อมมือซ้ายที่พิการที่ตอนนี้ได้เล่นใน NFL)”
เมื่อถึงวันนั้น ทาควาเรียส แวร์ คงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ทั่วโลก ประเด็นคือ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าคุณจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครได้บ้างจากการที่คุณตามล่าความฝันของคุณ
ที่มา : https://primetimesportstalk.com/2019/03/05/disability-cant-hold-back-taquarius-wair/
https://www.schwebel.com/press/strength-to-survive/