25 ก.ค. 2565 | 17:30 น.
โซเชียลมีเดีย ทำคนไทยยุคนี้จิตตก
“หากถามถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนในยุคนี้เครียด ก็ต้องบอกว่าคือโซเชียลมีเดีย นับวันโลกออนไลน์ยิ่งส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะเป็นไปในทิศทางไหนก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเสพสื่อของเราด้วย” พญ. เพ็ญชาญา กล่าวถึงโซเชียลมีเดียในฐานะดาบสองคมที่ต้องเสพอย่างระมัดระวัง “ถ้าเสพอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้เราสบายใจและได้ประโยชน์อย่างมาก แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราเสพเนื้อหาที่คุกคาม (Social Bullying) หรือแสดงถึงความเกลียดชัง (Hate Speech) ก็จะยิ่งทำให้เราเกิดความเครียดขึ้นโดยไม่จำเป็น”
“เคสที่น่าสนใจซึ่งกำลังเกิดกับวัยรุ่นและคนทำงานตอนต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือการยึดติดกับโซเชียลมีเดียจนคิดว่าเป็นตัวตนจริง ๆ รู้สึกห่วงยอดแชร์ แคร์ยอดไลก์ ใส่ใจกับคอมเมนต์มากเกินไป จนลืมไปว่านั่นคือโลกเสมือนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเราในโลกแห่งความเป็นจริงเลย สิ่งนี้นำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตมากมาย เพราะเมื่อเรามัวให้ความสำคัญกับโลกเสมือนแทนที่จะโฟกัสกับชีวิตจริง อาจนำมาซึ่งความเครียด ภาวะซึมเศร้า ไปจนถึงการสูญเสียตัวตนและความมั่นใจในชีวิตจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่เราเอาสิ่งปลอม ๆ ที่ไม่มีตัวตนมาทำร้ายตัวตนของเราเสียเอง และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ การหลงลืมความสำคัญของคนรอบตัวที่อยู่เคียงข้างเรา จนเกิดปัญหาความสัมพันธ์ และทำให้ชีวิตพังครืนได้เลย”
วิธีจับสัญญาณอันตราย เครียดแค่ไหนต้องไปหาหมอ
ความเครียดกับชีวิตเป็นของคู่กันอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งถ้าเรามีความเครียดในระดับปกติ เราก็มักจะรับมือได้ด้วยกิจกรรมคลายเครียดและการพักผ่อนในแบบของเรา แต่เมื่อใดก็ตามที่เราทุกข์นานขึ้น ทุกข์มากกว่าสุขอย่างชัดเจน รู้สึกอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าที่ทำให้เศร้าหรือหงุดหงิดง่ายขึ้น อีกทั้งวิธีคลายเครียดที่เราเคยใช้อยู่กลับเริ่มไม่ได้ผล อารมณ์ยังขุ่นมัว รู้สึกไม่ดีอยู่เป็นประจำ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณว่ามีความเครียดที่มากกว่าระดับปกติแล้ว โดยเราสามารถใช้วิธีนี้จับสัญญาณความเครียดสะสมของคนใกล้ตัวได้เช่นกัน เพื่อช่วยบอกเพื่อนและคนในครอบครัวให้รีบรักษาและรับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
เครียดมาก ๆ อย่าเก็บไว้ รีบพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา
“เมื่อพยายามแก้ปัญหาที่ทำให้เครียดแล้วแต่อาการเครียดกลับไม่ทุเลา ให้รู้ไว้ว่าเราไม่ได้อ่อนแอ เมื่อจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องให้เป็นหน้าที่ของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญดูแลและวินิจฉัยให้ตรงจุด” พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ แนะนำ “บางครั้งความเครียดไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอกเท่านั้น ยังมีปัจจัยภายในร่วมด้วย เช่น การเสียสมดุลของสารเคมีในสมอง ฮอร์โมน หรือสารสื่อประสาท ซึ่งอาจต้องใช้ยาร่วมในการรักษาด้วย”
อีกหนึ่งตัวเลือกในการพบแพทย์ของคนยุคใหม่ที่ศูนย์สุขภาพใจ โรงพยาบาลวิมุต คือบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Telemedicine) ผ่าน ViMUT Application (แพทย์เป็นผู้ประเมินว่าสามารถทำการรักษาออนไลน์ได้หรือไม่) เพื่อให้คนไข้พบแพทย์ได้จากทุกที่ พร้อมได้รับการรักษาที่ต่อเนื่องและสะดวกสบาย ลืมความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการพบจิตแพทย์
“สิ่งที่อยากย้ำกับสังคมอีกครั้งคือ ปัญหาทางใจเป็นเรื่องปกติธรรมดา แม้ในความรู้สึกของผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงและหนักหนามาก แต่ขอให้เชื่อว่ามีทางรักษาได้ ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะลืมความเชื่อผิด ๆ ที่ว่าพบจิตแพทย์คือจิตไม่ปกติ เพราะจริง ๆ แล้ว ปัญหาเครียดสะสม เบิร์นเอาต์ หรือซึมเศร้า สามารถรักษาได้โดยผู้เชี่ยวชาญ ขออย่าเก็บไว้คนเดียว เราทุกคนควรดูแลสุขภาพใจให้แข็งแรงไม่ต่างจากการตรวจเช็กร่างกายทั่วไปเลย” พญ. เพ็ญชาญา กล่าวปิดท้าย
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/vimuthospital อินสตาแกรม: vimut_hospital ไลน์: @vimuthospital TikTok: @vimuthospital Youtube: www.youtube.com/c/ViMUTHospital หรือติดต่อที่ โทร. 02-079-0000