ทอม ซิกซ์: ผู้กำกับหนัง ‘จับคนมาทำตะขาบ’ กับแรงบันดาลใจสู่ The Human Centipede

ทอม ซิกซ์: ผู้กำกับหนัง ‘จับคนมาทำตะขาบ’ กับแรงบันดาลใจสู่ The Human Centipede

เบื้องหลังแรงบันดาลใจและที่มาของภาพยนตร์ที่ ‘จับคนมาทำตะขาบ จับปากมาต่อกับทวาร’ กับผู้กำกับนามว่า ‘ทอม ซิกซ์’ ที่มาพร้อมไอเดียสุดวิปลาสจนกลายเป็นภาพยนตร์ต้องห้ามในตำนานอย่าง ‘The Human Centipede’ ที่แรงจนมีคนเคยบอกว่าเขาเลวร้ายกว่าฮิตเลอร์

“ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีใครสักคนที่อยากจะจับมันไปทำเป็นมนุษย์ตะขาบ ยกตัวอย่างเช่นพวกที่ชอบลวนลามเด็ก พวกที่ชอบทารุณสัตว์ หรืออะไรทำนองนั้นก็สมควรจะประสบกับชะตากรรมแบบมนุษย์ตะขาบนะผมว่า เพราะอย่างนี้ผมเลยคิดว่าแนวคิดทำนองนี้มันเลยทำให้เรื่องนี้มันน่าขำขันดี”

ทอม ซิกซ์’ (Tom Six) ผู้กำกับภาพยนตร์สุดคัลท์อันเลื่องชื่อ (ด้านความพิสดาร) อย่างไตรภาคมนุษย์ตะขาบหรือ ‘The Human Centipede’ กล่าวตอบในบทสัมภาษณ์ที่เขามีให้กับ VICE และขยายความเหตุผลจากมุมมองของเขาว่า เหตุผลที่มีกลุ่มคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวทั้ง ๆ ที่เนื้อหาไม่น่าชวนพิสมัยเสียเท่าไหร่นักก็เป็นเพราะคนเหล่านั้นเห็น ‘ความตลกขบขัน’ ในความสยองของมัน ซึ่งก็รวมถึงตัวเขาเองด้วย

แม้ว่าภาพยนตร์สุดวิปริตที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์วิปลาสที่หวังจะผสานลำไส้หลาย ๆ คนเป็นหนึ่งโดยการนำปากของอีกคนมาต่อกับทวารของอีกคน จะเป็นอะไรที่เพียงได้ยินก็ทำให้ความหิวมลายหายไปแล้วแทนที่ด้วยความน่ารังเกียจและสยองเกินที่จะจินตนาการ แต่ The Human Centipede ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์คัลท์อีกเรื่องที่มีชื่อเสียงในวงกว้างแถมยังมีฐานแฟนคลับที่ชื่นชมไปกับมัน

เนื่องในโอกาสวันฮาโลวีนของปี 2022 นี้ The People จึงอยากหยิบยกเรื่องราวเบื้องหลังของไอเดียสุดพิลึกพิลั่นที่ทำให้คนรู้สึกสยองฝังใจแบบจำไม่ลืมที่สรรค์สร้างโดยผู้กำกับสุดระห่ำอย่าง ทอม ซิกซ์ ที่ทำแค่เพียงเรื่องเดียวก็แจ้งเกิดในทันที

พลิกจินตนาการประหลาดเป็นความวิปลาสแบบมนุษย์ตะขาบ

จับคนมาทำตะขาบ จับปากมาต่อกับทวาร เมื่อได้ยินไอเดียทำนองนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าใครหลายคนก็คงต้องมีคำถามผุดขึ้นมาเป็นแน่ และเมื่อลองหาข้อมูลของภาพยนตร์ที่ตีแผ่เรื่องดังกล่าวเราก็จะพบว่าทั้งผู้กำกับและผู้เขียนเรื่องราวดังกล่าวนั้นคือคนเดียวกัน นั่นก็คือ ทอม ซิกซ์นี้เอง แน่นอนว่าเราต้องตั้งคำถามว่าไอหมอนี่มันเป็นคนยังไง ถึงได้ควักเอาไอเดียทำนองนั้นออกมาได้ แถมยังกล้าเอามาตีแผ่อย่างจริงจังบนจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ให้ผู้คนนับล้านได้ชม

ครั้งหนึ่งทอม ซิกซ์ เคยให้สัมภาษณ์กับ The Guardian เอาไว้ว่าต้นกำเนิดของ The Human Centipede นั่นผุดขึ้นมาในคราที่เขาพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนถึงประเด็นเกี่ยวกับ การลงโทษที่พวกชอบลวนลามเด็ก (The Greatest Punishment for a Child Molester) และจากความคิดเล่น ๆ กับเพื่อนในวันนั้น ที่เราหลายคนก็อาจจะเคยคิดและปล่อยมันเลือนหายไป แต่ทอมเก็บมันและนำมาแปรรูปสู่ภาพยนตร์จนมันกลายเป็นภาพยนตร์สุดคัลท์ดังที่เราได้เห็นกัน

นอกจากนั้น เมื่อได้เห็นความคิดสุดประหลาดของทอมแล้ว ใครหลายคนก็คงมีความรู้สึกว่าไอหมอนี่มันมีความคิดที่เพี้ยนหรือโรคจิตแน่ ๆ ที่กล้าสรรค์สร้างอะไรแบบนี้ขึ้นมา แต่ความจริงที่เกิดขึ้นอาจตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคิดโดยสิ้นเชิง…

ผมคือหนึ่งในเหยื่อของวัยเด็กทีี่มีความสุข ผมถูกเลี้ยงมาแบบประคบประหงมและอ่อนโยน ผมมีชีวิตที่สวยงามมาก ๆ ตอนเป็นเด็ก แล้วบางทีผมก็รู้สึกโกรธกับอะไรแบบนั้น ผมมักจะมีจินตนาการแปลก ๆ ผุดขึ้นมาในหัว แบบโคตรบ้าและโคตรป่วยเลย ผมมีอะไรแปลก ๆ แบบนี้เสมอ

ในชีวิตจริงผมแม่งไม่กล้าที่จะทำร้ายหนูเสียด้วยซ้ำ แต่บนจอภาพยนตร์ผมทำอะไรก็ได้ ไร้ซึ่งขอบเขต…

หาใช่ว่าทอมโตมาแบบแปลกประหลาดหรือถูกเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมที่เคล้าไปด้วยความรุนแรง ตรงกันข้าม เขาโตขึ้นมาด้วยความอ่อนนุ่มสบายของเส้นทางชีวิตที่มีสุข แต่ด้วยความที่ชีวิตของเขาดำเนินไปตามครรลองที่สวยงามและสะดวกสบาย จิตใจของเขาจึงถวิลหาความประหลาดที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของชีวิต นี่จึงเป็นเชื้อเพลิงชิ้นต้น ๆ ที่เป็นแก่นคิดหลักให้แก่ทอม

เพราะชีวิตจริงมันช่างสวยงามและจืดชืด แต่บนจอภาพแห่งจินตนาการ เขาสามารถทำอะไรก็ได้…

 

กระแสตอบรับหลังจากมนุษย์ตะขาบ

ศิลปินที่สร้างสรรค์งานศิลปะ โดยเฉพาะชิ้นที่มีตกเป็ยข้อถกเถียงจากสังคมหรือไหลทวนต้านกับกระแสขนบธรรมเนียมก็มักจะถูกเพ่งเล็ง แม้แต่ตอนที่ สแตนลีย์ คูบริก (Stanley Kubrick) ที่พาผู้ชมไปตะลุยจักรวาลตั้งแต่ก่อนที่นาซ่าจะส่ง นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ ก็ยังโดนจดหมายขู่เอาชีวิตหลายฉบับหลังจากที่เขาสร้าง A Clockwork Orange ในปี 1971

ขนาดผู้กำกับชั้นครูที่มีคุณูปการต่อวงการภาพยนตร์และการบันเทิงขนาดนั้นยังได้รับฟีดแบคที่รุนแรงเมื่อเขาไปแตะต้องกับอะไรที่ขัดกับขนบธรรมเนียบในใจผู้คน

ตัดภาพกลับมาที่ ทอม ซิกซ์ ผู้กำกับที่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงระดับนั้น (ในตอนที่เขาสร้าง The Human Centipede ภาคแรก) แถมยังแตกประเด็นและเนื้อหาที่ขัดกับความเป็นมนุษย์ที่หนักกว่าเรื่องไหน ๆ อีกหลายเท่าตัว จึงไม่แปลกที่เสียงตอบรับจะค่อนข้างรุนแรง

ผู้คนมักจะเขียนจดหมายมาหาผมทำนองว่า ‘ถ้าแกสร้างหนังอย่าง The Human Centipede ภาค 1 และ 2 ออกมาได้ แกก็คงเสียสติไปแล้ว… แกมันคือภัยต่อมนุษยชาติ’

บ้างก็กล่าวว่าเขาเลวร้ายกว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) บ้างก็บรรยายอย่างละเอียดว่าจะปลิดชีวิตทอมอย่างไร เช่นการเอาเศษแก้วมาเฉือนเขาเป็นชิ้น ๆ ให้เลือดไหลออก ไม่ก็ลั่นไกปืนให้ทะลุหัวเขาไปเลย 

ดังที่เรากล่าวไปก่อนหน้าว่าแม้วิสัยทัศน์หรือเรื่องราวที่ทอมสรรค์สร้างจะผิดมนุษย์มนาเกินบรรยาย แต่ก็หาใช่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาจะเป็นเช่นนั้น แม้ว่าเนื้อหาในภาพยนตร์จะเลวร้ายมากเพียงใด แต่ก็ใช่ว่ามันจะสะท้อนสิ่งที่ตัวเขาเป็นจริง ๆ 

"ผมแม่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกคุณเห็นบนจอเลยนะ ผมแม่งกลัวเลือด กลัวอุจาระ แล้วผมก็ค่อนข้างที่จะเป็นคนรักสะอาดมาก ๆ ผมยังไม่กล้าแม้แต่จะทำร้ายหนูเลยคุณคิดดู..."

 

ภาพ: Ian West - PA Images / Contributor

IMDb

อ้างอิง:

https://www.vice.com/en/article/4wbd7m/tom-six-the-human-centipede-director-is-very-proud-of-his-work

https://bloody-disgusting.com/interviews/3558957/interview-tom-six-reflects-10-years-human-centipede-teases-future-centipede-projects/

https://www.theguardian.com/film/2015/jul/02/human-centipede-director-tom-six-i-have-this-very-sick-imagination

https://www.digitalspy.com/movies/a402396/the-human-centipede-director-tom-six-i-get-death-threats/