เบรนดา สไนป์ส กกต.สหรัฐฯ เครื่องคิดเลขไม่ต้องใช้ สั่งทำลายบัตรเลือกตั้งทิ้ง
การเลือกตั้งในแต่ละครั้ง เมื่อการลงคะแนนเสียงเสร็จสิ้นลง ขั้นตอนต่อมาก็เป็นเรื่องของการนับคะแนน ซึ่งถึงขั้นนี้ประชาชนจะวางใจได้สนิทว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งผู้เป็นกลางจะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ก็ใช่ที่ เพราะคนเราล้วนมีข้อบกพร่องและอคติ (แม้นบางคนจะออกตัวว่าตนเป็นกล๊าง เป็นกลางก็เถอะ)
ในการนับคะแนนเลือกตั้งจึงมีการออกแบบให้ต้องทำในที่แจ้งมีสักขีพยานรู้เห็น เพื่อลดการหมกเม็ด ถึงกระนั้นความผิดพลาดก็อาจเล็ดลอดสายตาของสาธารณชนไปได้ การตรวจสอบย้อนหลังจึงเป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะช่วยให้ความมั่นใจกับสาธารณะว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นไปโดยสุจริตยุติธรรม
แต่บางครั้งคนเป็น “กรรมการ” ก็ทำตัวเป็นขวางหนามการตรวจสอบ ด้วยการทำลายหลักฐาน ก่อนที่จะมีการระบุได้ว่า การเลือกตั้งนั้น ๆ สมบูรณ์และสุจริตหรือไม่?
กรณีตัวอย่างของการทำลายหลักฐานของกรรมการ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ กับการเลือกตั้งในเขตบรอเวิร์ดเคาตี (Broward) รัฐฟลอริดา ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งที่ชื่อ เบรนดา สไนป์ส (Brenda Snipes)
สไนป์สเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น กกต.ใหญ่ของบรอเวิร์ด ฟลอริดาเมื่อปี 2003 ในสมัยที่เจบ บุชจากพรรครีพับลิกันนั่งเป็นผู้ว่าการรัฐ ซึ่งการเลือกตั้งของที่นี่มักจะเป็นไปอย่างสูสี จึงมีการร้องเรียน และการนับคะแนนใหม่อยู่บ่อย ๆ
ลำพังแค่นี้การทำหน้าที่ของเธอจึงเป็นเรื่องที่ยากในตัวอยู่แล้ว วิธีการทำงานของเธอก็เป็นส่วนที่ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์หนักไปอีก จนส่งผลกระทบของต่อความน่าเชื่อถือในฐานะกรรมการที่ควรจัดการเลือกตั้งให้เป็นธรรมอย่างยิ่ง
หนึ่งในกรณีปัญหาที่ทำให้เธอถูกวิจารณ์หนักก็คือการลงคะแนนขั้นต้นเพื่อหาตัวแทนผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตในปี 2016 ระหว่าง ฮิลลารี คลินตัน กับเบอร์นี แซนเดอร์ส ซึ่ง ทิม คาโนวา (Tim Canova) ตัวแทนของแซนเดอร์ส เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป แต่เขาเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีพิรุธดูชอบกล จึงยื่นเรื่องขอ กกต. ให้เปิดเผยบัตรลงคะแนนเสียหน่อย
แต่สไนป์สคัดค้าน ขอให้ศาลยกคำร้องของคาโนวาเสีย และในขณะที่คดีความยังไม่ทันจะเสร็จสิ้น ก็ปรากฏว่าสไนป์สได้ใช้อำนาจสั่งให้ทำลายบัตรลงคะแนนเสียงที่อยู่ในความดูแลของตนไปเสียอย่างนั้น!
การเลือกตั้งคราวดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2016 หลังจบเลือกตั้งคาโนวาก็ไม่ได้คัดค้านผลแต่อย่างใด และเขาก็ไม่ใช่คนแรกที่ยื่นเรื่องขอให้ กกต.บรอเวิร์ดเปิดเผยบัตรลงคะแนน แต่เป็น ลูลู ฟรีสแดต (Lulu Friesdat) นักข่าวและนักทำสารคดีที่ยื่นเรื่องไปสองรอบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน และยื่นอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2017 ก่อนที่คาโนวาจะขอเป็นผู้ร้องร่วมในอีกสองเดือนต่อมา
แต่จากการพิจารณาคดีของศาล ความมาปรากฏว่า สไนป์สได้สั่งทำลายบัตรลงคะแนนจำนวน 106 กล่องของผู้ที่ลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2016 หรือสองเดือนก่อนที่จะมีการยื่นเรื่อง ก่อนที่จะสั่งทำลายบัตรของผู้ที่ลงคะแนนโดยตรงจำนวน 505 กล่อง และบัตรของผู้ลงคะแนนล่วงหน้าอีก 40 กล่องในเวลาต่อมา
ทั้ง ๆ ที่ตามกฎหมายของฟลอริดา บัตรลงคะแนนและเอกสารประกอบการเลือกตั้งถือเป็นเอกสารสาธารณะที่สาธารณชนมีสิทธิเข้าถึงเพื่อตรวจสอบได้ในระยะเวลาที่สมควรและสมเหตุผล และในการเลือกตั้งระดับประเทศเอกสารบันทึกที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกเก็บไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 22 เดือน
“เมื่อบัตรลงคะแนนเสียงถูกทำลาย เวลามันเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นก็ย่อมทำลายความเชื่อมั่นในระบบของประชาชนลงอย่างแน่นอน” คาโนวากล่าวกับ The Christian Science Mornitor “กรรมการการเลือกตั้งของบรอเวิร์ดพยายามซ่อนอะไรอยู่เหรอ?”
ฝ่ายสไนป์สให้เหตุผลของการทำลายบัตรเลือกตั้งว่า เรื่องมันเกิดจากความผิดพลาดมิได้เจตนา แต่พวกเธอไม่ผิดเพราะได้ทำการสแกนเอกสารเป็นดิจิตอลไปแล้ว แต่ศาลไม่รับฟังและตัดสินว่า สไนป์สละเมิดกฎหมายว่าด้วยการจัดการเอกสารสาธารณะ (Politico)
แม้จะเป็นกรณีอื้อฉาวมาก (ในการเลือกตั้งครั้งเดียวกัน ในเขตของสไนป์สยังมีข้อผิดพลาดอีกประการ เมื่อมีการเผยคะแนนออนไลน์ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียงจะเสร็จสิ้น) และมีเสียงเรียกร้องให้มีการปลดสไนป์สออกจากตำแหน่ง แต่เธอก็ยังสามารถอยู่ต่อมาได้
ก่อนจะมีปัญหาตามมาอีกในการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่สูสีมากจนต้องมีการนับคะแนนใหม่ด้วยเครื่องนับอัตโนมัติ (ซึ่งเป็นข้อกำหนดตามกฎหมาย) มีทั้งปัญหาการออกแบบบัตรเลือกตั้งที่สับสนจนทำให้มีการลงคะแนนต่ำกว่าที่ควร (บัตรลงคะแนนหนึ่งใบมีส่วนที่ลงคะแนนทั้งเลือกผู้ว่า สมาชิกสภาผู้แทน และวุฒิสมาชิก โดยทาง กกต.บรอเวิร์ดได้เอาส่วนที่เลือกวุฒิสมาชิกไว้ล่างสุด ปรากฏว่ามีคนมาลงคะแนนเลือกผู้ว่าอย่างเดียวโดยไม่เลือกวุฒิสมาชิกมากถึง 25,000 คน) ปัญหาจำไม่ได้ว่าเอากล่องบรรจุบัตรเลือกตั้งบางส่วนไว้ที่ไหน และยังไม่สามารถจัดการนับคะแนนใหม่ให้เสร็จสิ้นก่อนเส้นตาย ทำให้สไนป์สในฐานะผู้ดูแลถูกวิจารณ์อย่างหนัก (Vox)
สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงถึงการไร้ความสามารถในการจัดการเลือกตั้งอย่างร้ายแรง แต่ก็ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่ามีการจงใจทำให้ผู้สมัครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบการเลือกตั้งอย่างชัดเจน และเธอได้ประกาศแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2018 ก่อนที่จะกลับลำในวันที่ 1 ธันวาคมปีเดียวกัน เมื่อ ริก สก็อต ผู้ว่าฟลอริดาได้มีคำสั่งพักงานโดยไม่จ่ายค่าแรงและตั้งผู้อื่นขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งทางสไนป์สมองว่าเป็นความพยายามที่จะทำลายชื่อเสียงของเธอ