ตลอดระยะเวลาร่วมสามทศวรรษที่ผ่านมา เด็กหญิงเด็กชายเมื่อกาลครั้งหนึ่งในวันนั้นและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ หลายต่อหลายคนน่าจะเคยมีเจ้ายักษ์ใหญ่รูปร่างเหมือนไข่ไก่ขนาดมโหฬาร ที่ปกคลุมด้วยขนสีเทานาม โตโตโระ (Totoro) เป็นเพื่อนในจินตนาการ ผู้คอยอยู่กับเรายามเหงา ตลอดจนปกปักรักษาเขตแดนของความคิดในหัวใจวัยเด็ก และบางทีอาจสถิตอยู่ในที่แห่งนั้นแม้จนเราโต ก้าวพ้นจากดินแดนแห่งจินตนาการนั้นมานานแล้วก็ตาม
นี่เป็นผลพวงจากการสร้างสรรค์ของคุณปู่ ฮายาโอะ มิยาซากิ แห่งอาณาจักรสตูดิโอจิบลิ ที่ร่ายเวทย์สร้างผู้พิทักษ์ขนปุยเหล่านี้ในอนิเมะ My Neighbor Totoro (1998) ซึ่งออกฉายหลังจากสตูดิโอนี้ก่อตั้งได้เพียงสามปี และเป็นอนิเมะลำดับแรก ๆ ที่ออกสู่สายตาชาวญี่ปุ่น ก่อนจะขยับขยายพื้นที่ไปทั่วโลกและวัฒนธรรมกระแสหลัก
เรื่องราวของญี่ปุ่นช่วงขวบปี 1958 หลังพ่ายแพ้สงครามโลกอย่างโหดร้าย ครอบครัวคุซาคาเบะอันประกอบด้วย เท็ตสึโอะ พ่อผู้เป็นศาสตราจารย์ กับลูกสาวอีกสองคน - ซัตสึกิ วัย 11 ขวบ และ เมย์ วัยสี่ขวบ ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเก่าชานเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลที่แม่ของเด็ก ๆ พักรักษาตัวจากอาการป่วยไข้อันเรื้อรัง วันหนึ่ง ๆ ของเด็กหญิงทั้งสองหมดไปกับการสำรวจบ้านทั้งหลัง ทำความสะอาด และสำรวจป่าละเมาะแถวบ้าน ตัดสลับไปกับการเขียนจดหมายหาแม่ในโมงยามที่พวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยม
วันหนึ่ง หลังจากเห็นเจ้าสิ่งมีชีวิตสีขาวที่มีหูตั้งเหมือนกระต่ายหายไปในป่า เมย์จึงออกวิ่งตาม และพลัดตกลงไปในโพรงลึกของต้นการบูรยักษ์ เธอไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เพราะดันหล่นลงไปใส่พุงนุ่มนิ่มของเจ้ายักษ์ใหญ่ที่นอนหลับกรนสนั่นอยู่กลางป่า
เมย์ตัดสินใจเรียกมันว่าเจ้าโตโตโระ และผล็อยหลับตามเจ้ายักษ์อยู่บนพุงนั้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อพี่สาวปลุกเธอ เมื่อเมย์เล่าเรื่องราวของโตโตโระให้พ่อของเธอฟัง เขาไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล แต่อธิบายอย่างใจเย็นว่าโตโตโระคือผู้พิทักษ์ป่า และเธอไม่อาจเรียกมันออกมาได้ หากโตโตโระไม่ปรารถนาจะปรากฏตัวให้ใครเห็น
กระทั่งในคืนหนึ่งเมื่อฝนตกหนัก สองพี่น้องยืนรอพ่ออยู่ที่ป้ายรถเมล์ แต่พ่อของพวกเธอยังไม่มา... สิ่งที่ปรากฏตัวแทนคือร่างยักษ์ใหญ่ของเจ้าโตโตโระผู้ใช้ใบไม้จิ๋วบังฝน ซัตสึกิแบ่งร่มของเธอให้มัน เจ้ายักษ์รับไว้แลกกันกับเมล็ดพันธุ์ในมือ ก่อนหายขึ้นรถเมล์หน้าตาเหมือนแมว ทิ้งสองพี่น้องไว้กลางสายฝนเมื่อรถยนต์ของพ่อพวกเธอแล่นมาถึงพอดี
จากนั้นคือการเดินทาง การผจญภัยของสองพี่น้องที่เกี่ยวพันแนบแน่นกับโตโตโระและผองเพื่อนที่อาศัยในป่า ทั้งรถแมว, ผู้พิทักษ์จิ๋ว และภูตฝุ่นในบ้าน ควบคู่ไปกับความคืบหน้าของอาการป่วยไข้ของแม่ และสภาพสังคมญี่ปุ่นที่ค่อย ๆ พลิกพื้นจากความบอบช้ำสุดขีดหลังสงคราม
มีอยู่หลายเหตุผลที่ทำให้เรื่องราวของสองพี่น้องกับผู้พิทักษ์ขนปุยยังครองหัวใจทั้งเด็กในวันก่อนเรื่อยมาจนเด็กในวันนี้ เพราะนอกเหนือจากลายเส้นเบาสบายอันเป็นเอกลักษณ์ของสตูดิโอจิบลิ และรูปร่างหน้าตาน่ารักของก๊วนผู้พิทักษ์ป่าแล้ว มันยังเป็นอนิเมะที่เข้าอกเข้าใจและปลอบประโลมคนดูอย่างยิ่ง
มิยาซากิให้กำเนิดเรื่องราวและตัวละครเหล่านี้เมื่อครั้งที่เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รายการที่ออกฉายทางโทรทัศน์ ความเคร่งเครียดบีบคั้นให้เขาป่วยไข้ และมองไม่เห็นอนาคตทางการงานของตัวเองว่าจะโตไปได้ทางไหน เขาจึงเริ่มวาดภาพลงในสมุด เป็นเรื่องราวของผู้พิทักษ์เก่าแก่ที่คอยดูแลผืนป่าและหัวใจของผู้คน "หากแต่ตอนนั้น เรื่องที่มันไม่มีวีรบุรุษหรือเด็กหญิงที่มีพลังวิเศษ หรือความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมเป็นฉากหลัง จะถูกพิจารณาว่าไม่สนุกมากพอ" มิยาซากิย้อนความ "ดังนั้นมันจึงใช้เวลา 15 ปีทีเดียว นับตั้งแต่วันที่ผมคิดไอเดียเรื่องนี้จนได้สร้างมันเป็นหนัง"
เขารังสรรค์ตัวละครในจินตนาการที่มีรูปร่างเล็กใหญ่หลากหลาย และสำหรับชื่อโตโตโระนั้น ในหนังเราจะพบว่าเมย์เป็นคนตัดสินใจตั้งชื่อนี้ หลังจากเธอพบว่าเธอหล่นลงมาบนพุงของเจ้ายักษ์ที่กำลังหลับ เมย์พยายามเรียกมันว่าเจ้า troll หรือยักษ์ใหญ่ที่เธอรู้จักมาจากนิทาน Three Billy Goats Gruff (นิทานพื้นบ้านของนอร์เวย์ ว่าด้วยเรื่องของแพะสามพี่น้องที่ต้องร่วมมือกันสู้เจ้ายักษ์ใต้สะพานที่รอจับพวกมันกินเป็นอาหาร) ซึ่งเป็นนิทานที่แม่อ่านให้เธอกับซัตสึกิฟัง สมัยที่แม่ยังแข็งแรงและอยู่ด้วยกันที่บ้าน (ฉากนี้อยู่ในเครดิตทีมงานตอนหนังจบ) "ผมหลีกเลี่ยงที่จะเล่าเรื่องที่ได้อิทธิพลมาจากนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น แต่อยากทำอนิเมะที่สะท้อนสิ่งที่ผมเคยเห็นเมื่อยังเด็กมากกว่า" มิยาซากิเล่า
My Neighbor Totoro เป็นอนิเมะที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์งดงามสุดขีดของชนบทญี่ปุ่น เช่นเดียวกับอนิเมะอีกหลาย ๆ เรื่องของค่าย หากแต่ต้นกำเนิดของมันนั้นห่างไกลจากการพยายามเป็นภาพแทนความสวยงามของญี่ปุ่นอยู่มาก "ตอนนั้นผมไม่ได้คำนึงอะไรเกี่ยวกับความเป็นญี่ปุ่นเลย" เขาอธิบาย แล้วบอกต่อว่า
"มันเหมือนการส่งสารไปยังตัวผมในวัยเด็กว่าแท้จริงแล้ว ญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่งดงามมากนะ ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงเฟื่องฟูของรายการโทรทัศน์ ผมคิดถึงช่วงวันที่เด็ก ๆ ยังออกมาวิ่งเล่นนอกบ้าน ผมเริ่มคิดว่าพื้นที่แบบไหนนะที่ตัวผมเคยเติบโตมา มันคือความเป็นธรรมชาตินั่นแหละ"
ด้านหนึ่ง โตโตโระและผองเพื่อนจึงเป็นหนทางที่มิยาซากิใช้เยียวยาชีวิตตัวเองในวันที่เขาท้อถอยและแล้งไร้จินตนาการ หากเมื่อมันปรากฏสู่สายตาชาวโลก มันก็ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ความหวัง ความฝันและจินตนาการให้แก่คนดู ตัวละครในหนังล้วนเผชิญหน้าสถานการณ์โหดร้าย ทั้งความป่วยไข้ของแม่ และความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โตโตโระจึงไม่เป็นแต่เพียงผู้พิทักษ์ผืนป่า หากแต่พิทักษ์หัวใจและจินตนาการของเด็กทั้งสอง
ชินอิจิ ทานากะ นักจิตวิทยาเด็กชาวญี่ปุ่น เทียบ My Neighbor Totoro กับ Where the Wild Things Are นิทานสำหรับเด็กของ มัวไรซ์ เซ็นเด็ค (ว่าด้วยเรื่องของแม็กซ์ เด็กชายในชุดหมาป่าที่ทะเลาะกับแม่จนหนีหายไปในโลกของเหล่าสัตว์ประหลาดที่เขาเป็นราชา) ในเวลาต่อมา ปี 2009 ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อเดียวกันโดย สไปค์ โจนซ์) ในแง่ของการเป็นภาพสะท้อนจินตนาการของเด็กที่กำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก และหนทางเดียวที่จะหลีกหนีความโหดร้ายเหล่านั้นคือการเพริดกระเจิงไปในจินตนาการอันไร้เขตแดนของตัวเอง โตโตโระและเหล่าผองเพื่อนมีรูปลักษณ์ที่ชัดเจน และเป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่จากจินตนาการของมิยาซากิ มันจึงไม่อาจถูกแทนค่าได้ด้วยตำนานหรือผู้วิเศษอื่น ๆ ที่อยู่ต่างออกไปในแต่ละพื้นที่ที่หนังออกฉาย (เช่น นางฟ้า, เทวดา หรือตัวละครผู้วิเศษอื่น ๆ ที่เคย 'ถูกสร้าง' มาก่อนแล้ว) และด้วยเงื่อนไขเช่นนี้ โตโตโระจึงผนึกฝังลงแน่นในความทรงจำของคนดูโดยไม่อาจถูกแทนค่าได้
ไม่แน่ใจว่าหลังจากซัตสึกิและเมย์ข้ามพ้นความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อาจจะเมื่อแม่หายป่วย อาจจะเมื่อทั้งสองปรับตัวเข้ากับบ้านและเพื่อนใหม่ได้ หรือแม้แต่อาจจะในวันที่ญี่ปุ่นฟื้นคืนจากความบอบช้ำแล้ว ทั้งสองจะยังมองเห็นโตโตโระกับผองเพื่อนอีกหรือไม่ แต่มั่นใจได้ว่าเรื่องราวของภูตยักษ์ผู้พิทักษ์จะเป็นหนึ่งในความทรงจำของทั้งสองเมื่อเขาเติบโตขึ้น และมีส่วนร่วมประกอบสร้างในการข้ามพ้นวัยของเด็กทั้งสอง ช่วยเยียวยาพวกเขาในวันที่ต้องเผชิญกับเรื่องหม่นเศร้าแล้งไร้...
เช่นเดียวกับที่มันเคยช่วยพวกเราไว้เมื่อครั้งได้ดูอนิเมะเรื่องนี้นั่นเอง
เรื่อง : พิมพ์ชนก พุกสุข