แพทริค แซง โค้ชของ เอเลียด คิปโชเก้ ชายผู้สอนว่าความสำเร็จนั้นมาจาก "ความเชื่อ"

แพทริค แซง โค้ชของ เอเลียด คิปโชเก้ ชายผู้สอนว่าความสำเร็จนั้นมาจาก "ความเชื่อ"
        เอเลียด คิปโชเก้ (Eliud Kipchoge) นักวิ่งชาวเคนย่า ถือเป็นยอดนักวิ่งเบอร์หนึ่งของทศวรรษนี้ เขาสร้างประวัติศาสตร์และฝากสถิติไว้มากมายในวงการวิ่ง ล่าสุดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เขาก็เพิ่งคว้าแชมป์ London Marathon 2019 ได้เป็นสมัยที่สี่ พร้อมทำเวลาไป 2:02:36 ชั่วโมง (ทำลายสถิติสนาม) ถ้าถามว่าอะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของ คิปโชเก้ แน่นอนมันคือเรื่องของการฝึกฝน และทำงานหนัก แต่ถ้าพูดถึงเบื้องหลังของทั้งหมด คนที่จะให้คำตอบเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ คงต้องเป็นโค้ชผู้สร้างเขาขึ้นมาอย่าง แพทริค แซง (Patrick Sang) อดีตนักวิ่งเหรียญเงินโอลิมปิกของเคนย่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน ปี 2018 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี คิปโชเก้ สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของมวลมนุษยชาติ ด้วยการพิชิตรายการ Berlin Marathon ด้วยเวลา 2:01:39 ชั่วโมง ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็นชายที่วิ่งมาราธอนเร็วที่สุดในโลก วินาทีที่ คิปโชเก้ วิ่งผ่านประตูบรันเดินบวร์ค ทุกคนตรงนั้นต่างรู้ดีว่านี่คือช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดสำหรับมนุษย์คนหนึ่ง “เราทำได้แล้ว” นี่คือประโยคที่ แซง พูดขึ้นมาก่อนจะกระโดดกอดทุกคนตรงนั้นด้วยความปลื้มปิติ และทันใดนั้นเองสายตาของเขาก็มองเหลือบไปเห็น คิปโชเก้ ที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความดีใจ ทุกครั้งที่ คิปโชเก้ วิ่งผ่านเส้นชัย คนแรกที่จะรอเขาอยู่ตรงนั้นเสมอก็คือโค้ชแซง ผู้นี้นี่เอง แพทริค แซง โค้ชของ เอเลียด คิปโชเก้ ชายผู้สอนว่าความสำเร็จนั้นมาจาก \"ความเชื่อ\" ถ้าจะบอกว่า แซง คือชายผู้ปลุกให้ คิปโชเก้ ลุกขึ้นมาวิ่งก็คงไม่ผิดถ้าจะพูดแบบนั้น แซง กลายเป็นแรงบันดาลใจของ คิปโชเก้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอกัน ในตอนนั้น คิปโชเก้ เป็นเพียงแค่เด็กขี้อายตัวเล็ก ๆ ที่อาศัยความกล้าเดินเข้ามาคุยกับไอดอลของตัวเอง เพื่อถามว่าผมจะฝึกฝนอย่างไรให้เป็นเหมือนกับคุณ “ความสัมพันธ์ของเราเริ่มมาจากเรื่องสนุก ต้องย้อนกลับไปที่การแข่งขันวิ่งระดับท้องถิ่นที่นันดิ มีนักวิ่งตัวจิ๋วเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดว่า ‘ได้โปรด ช่วยรับผมเข้าโปรแกรมฝึกที’ ตอนนั้นผมทึกทักเอาว่าเขาก็คงเหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไปที่อยากเข้าโปรแกรมฝึก” สุดท้าย แซง ก็รับ คิปโชเก้ ในวัย 16 ปี เข้าโปรแกรมฝึก แต่ก็ไม่ได้สนใจเขามากนัก จนกระทั่งสองอาทิตย์ต่อมา คิปโชเก้ ก็เดินเข้ามาหา แซง พร้อมกับข้อความที่ต้องทำให้เขาประหลาดใจ “หลังจากนั้นสองอาทิตย์ เขากลับมาและพูดว่า ‘ผมฝึกทุกอย่างที่คุณบอกครบแล้ว ผมอยากจะฝึกต่อ ผมต้องทำอะไรต่อไป’ เขาเดินมาพูดแบบนี้อยู่สามถึงสี่ครั้ง จนวันหนึ่งเขาเดินมาถามผมว่าผมจะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ดี หรือลงแข่งวิ่งข้ามประเทศดี” เหตุการณ์นั้นทำให้ แซง สนใจ คิปโชเก้ มากขึ้นและได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วทั้งคู่ต่างก็มาจากหมู่บ้านเดียวกัน หมู่บ้านผู้ซึ่งสร้างเหล่านักวิ่งจอมทำลายสถิติมากมาย (หมู่บ้านชื่อว่า Kapsisiywa) สถานที่ที่ วิลเฟรด บังเก เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกวิ่ง 800 ม. เรียกมันว่าบ้าน “สุดท้ายผมก็ฝึกให้เขาเตรียมตัวสำหรับลงแข่งรายการนั้น และเขาก็ทำมันได้ดีมาก ๆ” [caption id="attachment_6832" align="aligncenter" width="1459"] แพทริค แซง โค้ชของ เอเลียด คิปโชเก้ ชายผู้สอนว่าความสำเร็จนั้นมาจาก \"ความเชื่อ\" คิปโชเก้ (ซ้ายสุด)[/caption] ในช่วงเวลานั้นการกีฬาของเคนย่า ตั้งรางวัลให้สำหรับผู้ที่ชนะรายการนี้เป็นเงินสูงกว่าหนึ่งล้านชิลลิงเคนย่า หรือตีเป็นเงินไทยประมาณสามแสนบาท และทายซิว่าสุดท้ายใครคือผู้ที่ได้รับเงินไป... ใช่แล้ว คิปโชเก้ ชนะการแข่งขันนั้นและได้เช็คเป็นเงินกว่าสามแสนบาท ในตอนแรก คิปโชเก้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะนำเงินนี้ไปทำอะไร แต่ข้อคิดที่ แซง ได้ให้กับเขาในวันนั้น กลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของทั้งคู่ไปตลอดกาล “เขากลับมาหาผมแล้วถามว่า เขาจะทำอย่างไรกับเงินก้อนนี้ดี ผมยังจำได้เลยว่าผมต้องพาเขาไปที่แบงก์เพื่อช่วยเขาเปิดบัญชีและฝากเงิน พอเราออกมาจากแบงก์ ผมบอกเขาสองสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คือหนึ่งเขาต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับการมีศัตรู สองเขาควรทำเพื่อแม่และครอบครัวก่อนเสมอ” ในช่วงวัยรุ่น คิปโชเก้ ฝึกซ้อมตามแนวทางของ แซง และประสบความสำเร็จอย่างมากจนสามารถคว้าแชมป์ได้หลายรายการ แต่ถ้าพูดถึงจุดสูงสุดของการเป็นนักกีฬา แน่นอนว่าคุณต้องพิชิตการแข่งขันโอลิมปิกให้ได้ คิปโชเก้ เตรียมตัวสำหรับการคัดตัวไปสู้ศึกรายการวิ่ง 10,000 ม. ในโอลิมปิก 2012 ที่อังกฤษอย่างหนัก แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับฝันร้าย เมื่ออาการบาดเจ็บได้ย่างกรายมาทำลายความฝันนี้ “ปี 2012 คือปีที่ไม่ดีเท่าไหร่ของเขา เขามีการเตรียมตัวที่ดีแต่ดันมาเจ็บในช่วงก่อนการคัดเลือกของโอลิมปิกจะมาถึงไม่นาน แม้ตอนแข่งจริงเขาจะนำเกือบตลอดแต่ในท้ายที่สุดเขาก็ถูกแซง เขาผิดหวังมาก ความผิดหวังทั้งหมดไปอยู่ที่สีหน้าของเขาเลย” แต่ในความโชคร้าย ก็ย่อมมีโอกาสดี ๆ ซ่อนอยู่เสมอ หลังผิดหวังกับโอลิมปิกในปี 2012 แซง เห็นแววที่ คิปโชเก้ จะสามารถประสบความสำเร็จในการวิ่งมาราธอนได้ แม้มันจะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับ คิปโชเก้ แต่ แซง ก็เชื่อว่านี่จะเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับลูกศิษย์คนเก่งของเขา “หลังจากนั้นเราได้ประเมินกันว่าเขาน่าจะเหมาะกับการวิ่งมาราธอน ซึ่งตอนนั้นคือช่วงเวลาที่เราตัดสินให้เขาลองแข่งมาราธอนดู” [caption id="attachment_6833" align="aligncenter" width="902"] แพทริค แซง โค้ชของ เอเลียด คิปโชเก้ ชายผู้สอนว่าความสำเร็จนั้นมาจาก \"ความเชื่อ\" แซง[/caption] แม้ตอนแรกทางผู้จัดของ London Marathon มีความสนใจที่จะชวน คิปโชเก้ มาวิ่งในรายการนี้ แต่สุดท้าย แซง และทีมงานก็มองว่า คิปโชเก้ ควรจะเริ่มต้นจากรายการเล็ก ๆ เสียก่อน แต่เชื่อหรือไม่ สุดท้ายเขาก็ชนะรายการนั้นด้วยฟอร์มสวยหรูและทำเวลาไป 2:05:30 พร้อมกับการประกาศตัวขึ้นเป็นว่าที่ตำนานของวงการวิ่งมาราธอน “ทางผู้จัดของ London Marathon สนใจที่จะชวนเขามาวิ่งในรายการนี้ แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกรายการที่ฮัมบูร์ก เราคิดอย่างรอบคอบที่สุดและตัดสินใจว่าเขาควรจะเริ่มจากการแข่งสนามเล็ก ๆ ก่อน ทั้งหมดมันเป็นเรื่องของการเก็บประสบการณ์” คิปโชเก้ พัฒนาจังหวะการวิ่งมาราธอนได้อย่างก้าวกระโดด คาแร็กเตอร์ส่วนตัวและความมุ่งมั่นของ คิปโชเก้ บวกกับการฝึกสอนของ แซง ก็ยิ่งทำให้นักวิ่งรายนี้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวแถวของวงการอย่างรวดเร็ว “คุณจะเห็นได้ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะเขาเป็นคนที่ชอบวางแผน มันเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวเขาและน้อยคนนักที่จะมีบุคลิกแบบนั้น” การซ้อมสำคัญอย่างไร? คิปโชเก้ เคยเผยในหนังสือพิเศษของเขาที่ชื่อว่า ‘Eliud Kipchoge 2:01:39’ ไว้ว่า “ถ้าคุณวิ่งคนเดียวมันไม่ใช่กีฬาหรอก แต่ถ้าคุณวิ่งกับคนอื่นนั่นแหละคือกีฬา ถ้าถามว่าอะไรที่กระตุ้นผมปีแล้วปีเล่า มันคือความรักในกีฬาและมรดกที่อยากให้คนในปัจจุบันและคนรุ่นต่อ ๆ ไปได้เห็น คนที่มีวินัยเท่านั้นที่เป็นอิสระ 100 เปอร์เซ็นต์ของผมไม่สามารถเทียบกับ 1 เปอร์เซ็นต์ของทั้งทีมได้ ผมยึดกับตัวเองเสมอว่าคู่ต่อสู้ที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง ถ้าถามว่าความลับของผมคืออะไร คำตอบคือผมวิ่งด้วยหัวใจและสมอง” คิปโชเก้ พูดถึงความมุ่งมั่นของเขา [caption id="attachment_6829" align="aligncenter" width="619"] แพทริค แซง โค้ชของ เอเลียด คิปโชเก้ ชายผู้สอนว่าความสำเร็จนั้นมาจาก \"ความเชื่อ\" คิปโชเก้[/caption] แซง ไม่เคยคิดจะแชร์โปรแกรมฝึกของ คิปโชเก้ ให้คนทั่วไปได้รับรู้ โดยเขาให้เหตุผลว่ามันเป็นอะไรที่เฉพาะตัวมากเกินกว่าที่ใครจะสามารถทำตามได้ “การฝึกของเราไม่ได้เป็นความลับเลย มันเหมือนกับศาสตราจารย์คนหนึ่งที่กำลังสอนเหล่านักเรียนในห้อง ที่ตอนเลิกคลาส นักเรียนทุกคนต้องนำสิ่งเหล่านี้ไปตีความเอง และเมื่อถึงวันสอบนักเรียนพวกนั้นก็ต้องสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาด้วยความสามารถที่พวกเขามี การฝึกซ้อมมันก็เหมือนกันสั่งตัดสูทนั่นแหละ ถ้าผมให้โปรแกรมของ เอเลียด ให้ทุกคนฝึก มันไม่มีทางที่จะทำให้คุณวิ่งได้เหมือน เอเลียด หรอก การฝึกก็เหมือนกับการเดินทางตามแผนที่นั่นแหละ” หลังเข้าเส้นชัยที่เบอร์ลิน และสร้างสถิติโลกได้สำเร็จ คิปโชเก้ พูดถึงความเชื่อในโค้ชของเขาว่า “ผมเชื่อในตัวโค้ชและโปรแกรมฝึกของผมอย่างมาก ความเชื่อเป็นแรงผลักดันที่ช่วยผมในช่วงกิโลเมตรสุดท้าย” มาถึงตรงนี้ความเชื่อดูเหมือนจะเป็นเคล็ดลับสู่ความสำเร็จที่แท้จริงของทั้งคู่ ด้าน คิปโชเก้ ก็ยังพูดเสริมว่า ถ้าหากไร้ แซง เขาคงไม่มีวันได้มาอยู่ในจุดนี้อย่างแน่นอน “ผมมักหาคำมาอธิบายเกี่ยวกับเขาไม่ได้ ผมปลาบปลื้มสกิลในการโค้ชของเขามาก และเขาอยู่กับผมมาตั้งช่วงปีแรกๆ เขาเป็นมากกว่าโค้ช เขาเหมือนครูและโค้ชในชีวิตจริงของผม เหนือกว่าสิ่งอื่นใด เขาเป็นคนพาผมมาถึงจุดนี้" คิปโชเก้ พูดถึง แซง ด้านโค้ชคนเก่ง ก็พูดถึงลูกศิษย์คนดังของเขาเช่นกันว่า “ผมทำงานหนักเสมอกับนักกีฬาทุกคนที่ผมเคยดูแล พวกเขาเองก็ทุ่มเท เข้าใจในกีฬาและให้ทั้งหมดที่พวกเขามี แต่เมื่อไหร่ที่คุณมองไปที่ เอเลียด มันมีอะไรที่มากกว่านั้น เขาเป็นคนที่เชื่อมั่นในคนรอบข้างมาก ๆ ผมอยากบอกทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ว่า ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการให้สำเร็จได้ สิ่งที่คุณต้องทำคืออาศัยความเชื่อ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ผมสอนให้ คิปโชเก้ คิดเสมอ” โค้ชแซง ให้สัมภาษณ์ แพทริค แซง โค้ชของ เอเลียด คิปโชเก้ ชายผู้สอนว่าความสำเร็จนั้นมาจาก \"ความเชื่อ\" ปัจจุบัน แซง ก็ยังคงเป็นโค้ชให้กับ คิปโชเก้ ซึ่งถ้านับเวลาก็กว่า 15 ปีแล้ว และกำลังมุ่งหน้าคว้าความสำเร็จด้วยกันต่อไป ด้านชีวิตส่วนตัวของ แซง เขาแต่งงานมีลูกทั้งหมดสองคน ซึ่งทั้งคู่ก็ได้รับการศึกษาและมีชีวิตที่ดี คนหนึ่งจบปริญญาโทที่ออสเตรเลีย ส่วนอีกคนก็กำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยที่ไนโรบี ปณิธานหนึ่งเดียวของ แซง คือการสร้างคนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และถ้าพูดถึงความเชื่อของเขาที่มีให้กับวงการวิ่ง เขาเชื่อว่าโค้ชระดับท้องถิ่นมีความสามารถที่จะสร้างนักกีฬาระดับโลกขึ้นมาได้อีกเรื่อย ๆ “ในเคนย่า เรามีโค้ชที่ดีเยอะ สิ่งเดียวที่เราต้องการคือการสร้างความเชื่อใจระหว่างตัวนักกีฬาและโค้ช ผมเห็นโค้ชหลายคนทำได้ดีมาก ๆ เช่น แบร์นาร์ด อูมา เรื่องพวกนี้มันไม่เหมือนกับการสร้างจรวดวิทยาศาสตร์หรอก ทั้งหมดมันเป็นเรื่องของความเชื่อใจ”  

ที่มา : https://www.nnrunningteam.com/en/2018/07/10/patrick-sang-in-the-long-run/

https://www.iaaf.org/news/series/patrick-sang-eliud-kipchoge-marathon-world-re

https://www.virginmoneylondonmarathon.com/en-gb/news-media/latest-news/item/kipchoge-primed-for-course-record-says-coach-sang/?fbclid=IwAR2pPrh9E9w7wDKnrcWQpODnlGk1wYUfBoRYAefHEG_Uu8Y2Chabn7jYWgg