“สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น” คำติดหูสมัยเด็กจาก บัซ ไลท์เยียร์ (Buzz Lightyear) สเปซเรนเจอร์ของเล่นพูดได้ที่เชื่อสุดใจว่าตนเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้จักรวาล และเพราะความเชื่อของมนุษย์ชุดอวกาศกับรอยยิ้มแยกเขี้ยวโชว์ฟันขาววิงค์นี่แหละ ที่พาให้เกิดเป็นเรื่องราวแอนิเมชัน Toy Story (1995) ให้ตราตรึงใจกันจนถึงทุกวันนี้
ปี 2019 สตูดิโอแอนิเมชันสัญชาติอเมริกันอย่าง Pixar กลับมาทำให้ความฝันของเด็กทั่วโลกเป็นจริงขึ้นมาอีกครั้ง โดยใช้เสียงของเหล่านักแสดงชั้นนำอย่าง ทอม แฮงก์ (Tom Hanks), ทิม อัลเลน (Tim Allen) หรือแม้กระทั่ง คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) เนรมิตกองตุ๊กตาแน่นิ่งบนพื้นห้องให้กลายมามีชีวิต ความคิด และความรู้สึก โดยปี 1995 เป็นครั้งแรกที่กองทัพของเล่นเดินได้ โผล่หน้ามาทักทายในจอภาพยนตร์ และประสบความสำเร็จในฐานะภาพยนตร์แอนิเมชันจากคอมพิวเตอร์กราฟิกล้วนเป็นเรื่องแรก กลายเป็นภาคต่อตามมาในปี 1999, 2010 และ 2019
กระแสภาพยนตร์ที่แรงดีไม่มีตกทำให้ดิสนีย์ตัดสินใจนำตัวละครทั้งหลายมาผลิตเป็นของเล่นให้เราได้สัมผัสกันจริง ๆ และ บัซ ไลท์เยียร์ ก็เป็นหนึ่งในไอเทมยอดนิยมที่คนหาซื้อกันจนขาดตลาด เพราะลูกเล่นรอบด้าน ตั้งแต่ระบบเครื่องเสียงคุณภาพ ที่เมื่อกดปุ่มจะกลายเป็นคำพูดเท่ ๆ ว่า “บัซ ไลท์เยียร์ มากู้ภัยแล้ว” เลเซอร์สีแดงจากแขนหุ่นยนต์ และที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคือปีกที่ซ่อนไว้ในชุดอวกาศที่ทำให้คำว่า “หุ่นยนต์เหาะได้” ดูใกล้ความจริงขึ้นมา
สำหรับภาพยนตร์ทั่วไปแล้ว บัซ ไลท์เยียร์ ที่มีอุปกรณ์ซีนพระเอกเต็ม ๆ ขนาดนี้ คงได้ใช้ชุดสูทอวกาศบินว่อนฟ้าเพื่อฟาดฟันกับวายร้ายสุดโหด แต่ใน Toy Storyบัซกลับต้องประสบเหตุการณ์น่าเศร้าที่เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน เริ่มด้วยโชคชะตาที่ลิขิตให้บัซไม่เข้าใจชาติกำเนิดตัวเองในฐานะของเล่นของเด็กชาย “แอนดี้”(Andy)แต่ดันถูกโปรแกรมอุดมการณ์สเปซเรนเจอร์ ให้คิดว่าตัวเองมีหน้าที่ค้นฟ้าคว้าดาวกำจัดเหล่าร้ายแบบไม่เจียมอะไหล่พลาสติกในตัว ขนาดตุ๊กตาคาวบอยวู้ดดี้ (Woody) ที่เห็นสิ่งนี้อย่างทะลุปรุโปร่งจะพูดโพล่งใส่หน้าบัซ ย้ำถึงฐานะอันแท้จริงตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นแค่ “ของเล่น” ไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่น ก็ไม่อาจต้านทานความคิดที่ว่า
“ฉันคือ บัซ ไลท์เยียร์ หน่วยปกป้องจักรวาล … ฉันประจำการอยู่ที่ฐานแกมมา ของเซกเตอร์โฟร์ เป็นสมาชิกหน่วยพิเศษผู้พิทักษ์จักรวาล กองพลเสือพรานอวกาศ มีหน้าที่ปกป้องจักรวาลจากการรุกรานของจักรพรรดิเซิร์กผู้ชั่วร้าย ศัตรูแห่งพันธมิตรกาแล็กติก”
แน่นอนว่าโปรแกรมความคิดที่ตั้งมาให้ทำร้ายบัซขนาดนี้ นอกจากจะทำให้เขาต้องดูเป็นตาทึ่มที่คุยกับฐานบังคับบัญชาการในจินตนาการอยู่คนเดียว หรือคร่ำครวญกับยานอวกาศที่เป็นเพียงกล่องกระดาษ ยังทำให้เขาต้องผิดหวังที่สุดเมื่อเดิมพันสุดท้ายกับปีกที่ควรจะพาเขาไป“สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น”พาเขาทิ้งดิ่งตามแรงโน้มถ่วงของโลกปะทะพื้นเข้าอย่างจังจนแขนหลุดกระเด็นไปไกล
[caption id="attachment_9109" align="aligncenter" width="1986"]
บัซ ไลท์เยียร์[/caption]
“วู้ดดี้ เป็นครั้งแรกที่ฉันมีสติดี นายพูดถูกมาตลอด ฉันไม่ใช่เสือพรานอวกาศ ฉันเป็นแค่ของเล่น ตุ๊กตุ่นกระจอก ๆ เท่านั้นเอง”
แม้ว่าบัซจะนั่งนิ่งเงียบหมดอาลัยตายอยากอยู่กับความคิดดูถูกตัวเองอยู่สักพัก แต่ไม่นานหลังจากที่เขาเข้าใจคำพูดของวู้ดดี้เขาก็โชว์สปิริตยอมรับความจริง ละทิ้งอุดมการณ์สเปซเรนเจอร์ และหันมาทุ่มเทความรักในฐานะของเล่นของแอนดี้
บัซดีใจทุกครั้งที่แอนดี้มาเล่นด้วย และแสดงอาการร้อนรนเมื่อแอนดี้ได้ของเล่นใหม่ เขาไม่ต่างจากคนอื่นที่ต้องการเป็นที่หนึ่งในใจคนที่เขารัก แต่เมื่อบัซเดินทางมาถึงจุดที่รักแอนดี้ไม่ยอมเปลี่่ยนแปลงนี่แหละ ที่โชคชะตาตัดสินใจเล่นตลกกับเขาอีกครั้งด้วยการให้เขาเป็นแค่ตัวสำรอง
จริงอยู่ว่าบัซก็เป็นตัวเลือกต้น ๆ ของแอนดี้หากเทียบกับของเล่นอื่นอย่างมิสเตอร์มันฝรั่งขาสั้น หรือไทแรนโนซอรัสจอมปอดแหก แต่ถ้าพูดถึงของเล่นในดวงใจแอนดี้จริง ๆ วู้ดดี้เขี่ยบัซชิดซ้ายทุกครั้ง และครั้งที่น่าเห็นใจที่สุดคงเป็นตอนที่แอนดี้ย้ายออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วหยิบวู้ดดี้กับบัซขึ้นมามอง แต่สุดท้ายก็เลือกวู้ดดี้แล้ววางบัซกลับลงไปในถุงขยะสีดำเตรียมเก็บกลับเข้าห้องใต้หลังคาแบบที่ไม่รู้ว่าจะได้เห็นแสงอาทิตย์อีกเมื่อไหร่
[caption id="attachment_9108" align="aligncenter" width="849"]
แอนดี้[/caption]
บัซต้องผ่านเหตุการณ์ทำร้ายจิตใจมามากพอดู แต่ฮีโรจิ๋วยังคงความเป็นผู้นำและความกล้าหาญอย่างวีรบุรุษ ทั้งในภาค 2 ที่บัซเป็นแกนนำบุกไปถึงบ้านมนุษย์แว่นใจร้ายเพื่อช่วยวู้ดดี้ที่โดนขโมยไป หรือภาค3ที่เขาไปเผชิญหน้ากับหมีล็อตโซ่เพื่อเจรจาขอความยุติธรรมให้ของเล่นในบ้านเด็กกำพร้า เรียกได้ว่าบัซเป็นคนที่คอยช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งยามยากในหมู่เพื่อนของเล่นอยู่เสมอ
ท้ายที่สุดแล้ว ถึงตลอดทั้งเรื่องโชคชะตาไม่ค่อยจะเป็นใจกับบัซ ไลท์เยียร์สักเท่าไหร่นัก แต่เขาก็หาทางกลับมายืนหยัดได้ใหม่ทุกครั้ง และได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่า ฮีโรไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอก มีพลังเหนือมนุษย์ หรือทำอะไรยิ่งใหญ่เกินอำนาจฟ้าลิขิต แต่คือคนที่เมื่อล้มก็พร้อมจะลุกขึ้นสู้ทั้งเพื่อตัวเองและคนที่รัก
ที่มา
youtube
เรื่อง: จิดาภา กนกศิริมา (The People Junior)