read
interview
18 ก.ค. 2562 | 13:13 น.
สัมภาษณ์ Slot Machine การเดินทาง 'ผ่าน' ศาสนา มนุษย์ต่างดาว และเพลงสากลที่ 'รอ' วันสำเร็จ
Play
Loading...
เสียงแหลมสูง ดนตรีหนักแน่น กับเนื้อร้องเท่ ๆ ที่เล่าเรื่องราวสัจธรรมชีวิต ความคิด และความเชื่อที่สมาชิกทั้ง 3 คน เฟิด, แก๊ก และวิทย์ อยากจะเล่า สิ่งเหล่านี้คือภาพจำความเป็น Slot Machine ที่ติดอยู่ในใจเรามาตั้งแต่ได้ฟังเพลงดังของพวกเขาอย่าง ‘เคลิ้ม’,‘ผ่าน’,‘พลูโตที่รัก’ และ ‘จันทร์เจ้า’
The People มีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขา เพื่อสำรวจเรื่องราวตลอดเส้นทางที่ ‘ผ่าน’ ของ Slot Machine วงดนตรีที่ศึกษาศาสนา ดูภาพยนตร์ไซไฟ และเชื่อเป็นอย่างยิ่งถึงการมีอยู่จริงของมนุษย์ต่างดาว สิ่งที่เราได้รู้ คือ Slot Machine ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ พวกเขาหยิบแรงบันดาลใจจากนอกโลก มาเล่าเรื่องราวความเป็นไปในโลก และในชีวิต ได้อย่างแปลกใหม่ และไม่กลัวที่จะท้าทายตนเองด้วยการก้าวออกจากการเป็นวงอันดับต้น ๆ ของไทย ไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นอย่างการเป็นศิลปินที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยไม่ทิ้งตัวตนของการเป็น ‘เครื่องโยกเปลี่ยนหน้าปัด’ ที่พร้อมจะทดลองทำแนวเพลงใหม่ ๆ เพื่อขับเคลื่อนวงการเพลงไทย ให้ไปไกลกว่าที่เคย
The People : นับตั้งแต่วันแรกที่ทำเพลง ตอนนั้นเคยคิดไหมว่ามันจะยาวนานจนมาถึงวันนี้
เฟิด :
ไม่เคยคิดเลย จริง ๆ จุดเริ่มต้นคือแค่อยาก อยากมีเพลงที่เราแต่งเองแล้วก็เอามาเล่นและมีคนดู คือคิดแค่นั้น
แก๊ก :
สมัยก่อนพอเริ่มเล่นดนตรี ฝันสูงสุดเลยสำหรับเด็กรุ่นเราตอนนั้นก็คือได้ออกเทป ซึ่งคือที่สุดแล้ว มันคือความเท่ที่สุดแล้วด้วย ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะได้ทำต่อมาเรื่อย ๆ สิบกว่าปีจนกลายเป็นอาชีพ จนกลายเป็นสิ่งที่เราเรียกได้ว่าทุกวันนี้เราพยายามมุ่งมั่นไปกับมัน
The People : วงมีการเปลี่ยนแนวเพลงตลอดในช่วงทศวรรษหลัง ๆ มันเป็นผลมาจากชื่อวงหรือเปล่า
เฟิด :
จริง ๆ แล้วชื่อวงเราก็ตั้งมาเพื่อสะท้อนกับแนวทาง attitude การทำงานของเรา คือเราสามคนเติบโตมากับดนตรี alternative rock ซึ่งแม้จะฟังทุกแนว แต่สุดท้ายพวกเราก็มีพื้นฐานมาจากดนตรีร็อก ซึ่งไอเดียต่าง ๆ มันก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย สิ่งที่เราอยากจะทดลองในช่วงเวลานั้น ๆ มันก็เหมือนกับชื่อวงที่เราโยกทีหนึ่งก็เป็นอัลบั้มหนึ่ง ซึ่งหน้าปัดมันก็จะออกมาแตกต่างออกไปในทุก ๆ อัลบั้ม
The People : วงจะมีสัญลักษณ์เป็นสามเหลี่ยม แล้วก็มีเพลงที่เกี่ยวกับอวกาศ เกี่ยวข้องกับไซไฟอยู่พอสมควร เบื้องหลังแนวคิดพวกนี้มาจากไหน
เฟิด :
จริง ๆ ส่วนตัวทุก ๆ คนในวงก็จะชอบอ่านหนังสือและศึกษาเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ อย่างเวลาดูหนังเราก็จะดูหนังไซไฟ แล้วด้วยความที่เป็นคนพุทธและเรียนศิลปะมา มันก็หนีไม่พ้นเรื่องของสัจธรรม ปรัชญา หรือว่าเบื้องหลังความคิดต่าง ๆ พวกเราชอบกะเทาะแก่นในทุก ๆ ไอเดีย พอเอาทุกอย่างมาผสมรวมกันมันก็กลายเป็นรูปแบบของ Slot Machine ไม่ว่าจะเป็นท่า สัญลักษณ์ประจำวง เนื้อหาในเพลง รวมถึง art direction งานศิลป์ต่าง ๆ ที่อยู่ในมิวสิควิดีโอ เพราะฉะนั้นเพลงของ Slot Machine ก็จะไม่ใช่เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความรักอย่างเดียว จะเป็นเพลงที่มีมิติที่ลึกมากขึ้น
The People : พวกคุณเคยบอกว่า เวลาอยู่บนเวทีจะเปรียบเหมือนตัวเองเป็นผู้นำลัทธิ
เฟิด :
ไม่รู้ทุกคนเป็นหรือเปล่านะ เหมือนเวลาที่เราแสดงอยู่บนเวทีเราจะรู้สึกว่า อันนี้มันคืออีกตัวตนหนึ่งที่แท้จริงของเรา ซึ่งบางสิ่งบางอย่างเราไม่สามารถที่จะทำในชีวิตปกติประจำวันได้ ถ้าเปรียบเทียบเหมือนคำว่าองค์ลง เหมือนมีองค์อวตารอะไรบางอย่างที่พอขึ้นไปบนเวที เราสามคนก็จะต้องเป็นผู้นำที่จะนำพาคนที่อยู่ตรงนั้น พาไปสู่บรรยากาศในทิศทางต่าง ๆ เรารู้สึกว่าดนตรีมันทำให้เราเหมือนกับมีพลังพิเศษเหมือนยอดมนุษย์ ทำให้คนเศร้าได้ สุขได้ สนุกได้ กระโดดได้ ร้องไห้หรือจะซึมก็ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการที่เราถ่ายทอดแล้วก็ส่งพลังอะไรออกไป
แก๊ก :
ความจริงเวลาคนมาดูคอนเสิร์ตก็เหมือนเขารวมตัวกันเพื่อที่จะมาดูคนกลุ่มหนึ่งที่จะบอกข้อความนี้ออกไป ถ้าถามว่ามองในเชิงลัทธิได้ไหม ผมว่ามันก็ได้ ถ้าเรามองเป็นความหมายบวก เพราะว่าลัทธิมันก็ไม่ต้องลบตลอดไป มันไม่ต้องขัดแย้งกับศาสนาก็ได้
วิทย์ :
มันก็เป็นความเชื่อเดียวกัน
The People : เพลงล่าสุดที่ปล่อยออกมา ‘เรามาอย่างสันติ’ มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการเมืองนิด ๆ หรือเปล่า
เฟิด :
จริง ๆ การเมืองมันก็เหมือนเป็นหัวข้อเล็ก ๆ ในข้อใหญ่ เพราะว่าจริง ๆ ‘เรามาอย่างสันติ’ คืออยากจะพูดถึงวัฏจักรของการเวียนว่ายตายเกิด จุดเริ่มต้นถึงจุดจบ แต่จริง ๆ มันก็เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างนะ เพราะว่าอย่างท่อน “จะรักหรือเกลียด สุดท้ายคืออากาศ” มันก็คือคุณจะรักผู้หญิงคนหนึ่ง หรือคุณจะเกลียดผู้หญิงคนหนึ่ง ในทางการเมืองมันก็เหมือนคุณจะรักนักการเมืองคนหนึ่ง หรือเกลียด มันก็คือแค่ความรักกับความเกลียด ซึ่งสุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องตายไป กลายเป็นแค่อากาศธาตุ
ความตั้งใจจริง ๆ คืออย่าไปรักใครมากหรืออย่าไปเกลียดใครมากจนเป็นทุกข์ จนเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เพราะสุดท้ายทุกคนก็ต้องตาย คืออยากจะบอกแค่นี้ แต่เราอยากให้มันเป็นกลางจริง ๆ เพราะว่าอย่างชื่อเพลงคือ 'เรามาอย่างสันติ' เราไม่ได้มาว่ามาด่าใคร หรือมาสอนใคร แต่เหมือนเชิงว่าเรามาประกาศความเมตตา ด้วยความรัก ให้ทุกคนฟังว่าความจริงของจักรวาล ความจริงของชีวิตมันแค่นี้ นั่นแหละคือความตั้งใจของเพลงเรามาอย่างสันติ
The People : ส่วนตัวทั้งสามตีความคำว่า “สันติ” อย่างไร
เฟิด :
มันคือความเป็นกลาง ความไม่ขัดแย้ง มันยากที่สุดแล้ว การที่จะชักกะเย่อกับอินเนอร์ของตัวเอง กับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง มันจะมีคำหนึ่งที่ว่า คุณชู้ตบาสลูกหนึ่งคือมันลง ก็ถือว่าคุณชู้ตลง แต่ว่าสุดท้ายคุณก็ต้องชู้ตให้มันลงต่อไป นั่นถึงจะถือว่าคุณทำมันได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าแบบกินข้าวแล้วอิ่มแล้วอิ่มเลย วันรุ่งขึ้นหรือสองชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ยังหิวต่อ มันก็เหมือนกับเราก็ต้องต่อสู้กับอินเนอร์ของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตายกันไปข้าง
The People : “เรามาอย่างสันติ” มักเป็นคำที่สื่อถึงมนุษย์ต่างดาว ส่วนตัววงมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร
เฟิด :
เชื่อ เหมือนเราก็อ่าน เราก็เสพข้อมูลหลาย ๆ อย่างแล้วเราก็มาประมวลผลแล้วก็ชอบมานั่งคุยกัน คือเราเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวอาจจะไม่เหมือนที่เราคิดก็ได้ มันคือสิ่งที่เราคิดเองว่าเขาจะต้องรูปร่างหน้าตาแบบนี้ เขาอาจจะเป็น force เป็นสิ่งที่มันไม่ได้มีกายหยาบ อาจจะเป็นแค่พลังงานแล้วอยู่กันคนละมิติซึ่งมันมองด้วยตาไม่เห็น ทุกสิ่งทุกอย่างพอมันเป็นไปได้หมดแล้ว ถ้าเราไม่เอากรอบความคิดมากั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปได้หมด
แก๊ก :
ก็ถ้ามีโอกาสได้เดินกระทบไหล่ก็แสดงว่าเขาคงมาหาเราแหละ คงไม่ใช่เราไปเจอเขาหรอก ถ้าเขามาหาแล้วมีโอกาสให้ได้เดินกระทบไหล่ก็แสดงว่าเขาก็คงดีแหละวะ (หัวเราะ) เพราะถ้าจะบุกก็คงบุกได้เลย ไม่มีโอกาสได้ชนกันหรอก
วิทย์ :
จริง ๆ เราอาจกระทบไหล่เขาอยู่ก็ได้นะ คือในความรู้สึกผมรู้สึกว่าพอเป็นมนุษย์ต่างดาว เขาน่าจะมีเทคโนโลยีอะไรบางอย่างจนเขาไม่ต้องมาแบบ มนุษย์ต่างดาว มันไม่จำเป็นต้องเห็นกันอย่างนี้ก็ได้ อาจจะมาแบบเบื้องหลังแว่น ใส่เสื้อลายขวางสีขาวแดงก็ได้
The People : กลับมาพูดถึงงานเพลง Slot Machine เป็นวงไทยที่กล้าทำเพลงสากลและเหมือนกำลังโยนความสำเร็จในอดีตทิ้งไป ทำไมตัดสินใจเลือกทางนี้
เฟิด :
ส่วนหนึ่งเพราะเรามีโอกาส จริง ๆ มันตัดสินใจง่ายมากเลยนะ มันเหมือนกับเราต้องตัดสินใจว่าถ้ามันไม่ทำอันนี้แล้วเราจะเสียใจไปตลอดชีวิตไหม พอโอกาสมันมาถึงแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่า เออ ในเมื่อมันเป็นเรา ถ้างั้นเราเลือกที่จะทำแล้วกันเพราะว่ามันเป็นความฝันของทุกคนที่ทำอาชีพนี้
แก๊ก:
ต้องไปไกลที่สุด ตอนจะทำก็มีคนมาคอยให้คำแนะนำ หรือว่ามาคอยเตือนถึงปัญหาต่าง ๆ ที่จะเจอ แฟนเพลงอาจจะหนีหายไปไหม หรือแบบไปตลาดสากลเราจะสู้เขาได้หรือเปล่า เนื้อเพลง ดนตรีจะเป็นยังไง เรามองว่ามันเป็นความท้าทายอันดับหนึ่งเพราะว่าจากประสบการณ์ที่เราเรียนรู้มา ด้วยความเป็นคนไทย เราก็คงจะสู้เขาได้นะเพราะว่าเราทำงานมา เราเรียนรู้ว่าเราไม่ได้ฟลุค หรือว่าไปบนบานศาลกล่าว
วิทย์ :
จริง ๆ ผมว่ามันเป็นจุดที่เราก็ต้องวัด เราก็ไม่มีทางบอกได้ถ้าเราไม่ได้ทำ
The People : มองเป้าหมายในอนาคตไว้อย่างต้อง release ในอเมริกาหรือเปล่า
เฟิด :
ก็วางไว้อย่างนั้น แล้วก็ตอนนี้ก็ on the way อยู่ระหว่างทางเพื่อที่จะไปถึงจุดนั้น อย่างที่เล่าให้ฟังว่าเราไม่รู้ว่าดีที่สุดมันคืออะไร เพราะเราก็ทำอันนี้เป็นครั้งแรก แล้วทุกคนที่มาร่วมหัวจมท้ายกับเราก็ไม่มีใครมีประสบการณ์ ทุกคนก็เป็นครั้งแรกหมดเลย แต่ทุกคนก็น่าจะรู้สึกตรงกันว่า once in a life time ก็คือครั้งเดียวในชีวิต จะทำหรือไม่ทำ แค่นั้นแหละ ก็บอกได้แค่ว่าจะทำให้ดีที่สุด ที่เหลือก็ไม่รู้มันจะไปถึงไหน วันหนึ่งมันอาจจะ billboard หรือเปล่า หรือพอถึงวันนั้น billboard chart มันอาจจะล่มสลายไปแล้วหรือเปล่า มีคอนเทนต์ใหม่อะไรใหม่ขึ้นมาหรือเปล่า
The People : แฟน ๆ จะได้มีโอกาสฟัง Slot Machine ที่เหมือนกับยุคเก่า ๆ ไหม เพราะแฟนเพลงบางกลุ่มอาจจะไม่ได้ชอบดนตรีที่เป็น international มาก
เฟิด :
จริง ๆ ตรงนี้เราก็รู้ และเราก็พยายามจะหาข้อมูล เราก็ไม่ได้เหมือนว่าแฟนเพลงต้องง้อเราหรือต้องตามสิ่งที่เราจะไป เพราะเราก็อยากไปด้วยกัน ทุกคนไปด้วยกัน จริง ๆ ตอนนี้วัฒนธรรมหรือ generation ใหม่ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเยอะแล้วก็เปลี่ยนเร็วด้วยซ้ำ เหมือนเราก็มี สองฝั่ง เพราะ Slot Machine เองก็ยังไม่ได้หยุดที่จะทำเพลงไทย เหมือนเราก็มีสองขา ให้กำลังใจซึ่งกันและกันด้วยการที่ทำงานของตัวเองเพื่อที่วันหนึ่งเพื่อน ๆ หันมา เฮ้ย มันยังมีคนทำหนิ คนนั้นมันยังทำ คนนี้มันยังทำ ก็เหมือนอย่างปัจจุบัน เพื่อน ๆ ศิลปิน อย่างผมรู้จักก็มีหลายวงที่ต่อสู้เพื่อทำผลงานเป็นอัลบั้ม เราจะไม่ทำเป็นแค่ซิงเกิลตามสมัยนิยม เรายังต่อสู้เรื่องการทำอัลบั้มอยู่ หรือว่าอย่างน้องหลาย ๆ คน ที่ทำเพลงภาษาอังกฤษ ทุกคนก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จะเป็นในรูปแบบนี้มากกว่า เราเลือกแล้วที่จะเป็นผู้นำ เราก็ต้องกรุยทาง เจออุปสรรคมากกว่าคนอื่นเขา เราก็ต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้
วิทย์ :
ผมมองเป็นสองประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องภาษา เราก็คงไม่ได้เลิกทำเพลงไทยแน่ ๆ อยู่แล้ว ในส่วนของดนตรี จริง ๆ แล้วจะบอกว่าแฟน ๆ Slot Machine ในยุคก่อน ๆ จะได้ฟังดนตรีในแบบนั้นอีกไหม ผมก็อาจจะบอกว่า Slot Machine คือการ develop การพัฒนามาเรื่อย ๆ แต่โดยเจตนาเราไม่ได้จะทำเพลงใดเพลงหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวแทนตัวตายของอีกเพลงในอดีต เราไม่มีทางทำเพลงผ่านครั้งที่สองแน่นอน ผมกำลังจะพยายามบอกว่า Slot Machine เราทำงานเราจะรู้ว่ามันมีซาวนด์บางอย่างที่มันเป็น Slot Machine ซึ่งอีกสักพักหนึ่งก็จะมีเพลงภาษาไทย ที่มีซาวนด์แบบนั้นเราจะได้ฟังแน่นอนครับ มันก็ไม่ได้หายไปไหน
The People : Slot Machine ทำงานกับโปรดิวเซอร์ดัง ๆ เยอะ แต่ละคนอาจจะมีแนวทางที่ต่างกัน ประสบการณ์ที่เราได้รับจากการร่วมงานกับพวกเขาคืออะไร และโปรดิวเซอร์คนต่อไปที่อยากจะร่วมงานด้วยคือใคร
เฟิด :
ก็สี่ท่านนี่ แบรนดอน (แบรนดอน ดาร์เนอร์) จัสติน (จัสติน สแตนลีย์) ป๋า (สตีฟ ลิลลีไวท์) แดเนียล (แดเนียล เดนโฮล์ม) สิ่งที่เหมือนกันคือทุกคนเขาเปิดรับไอเดียของวง แล้วก็พยายามจะทำให้วงเป็นวงเนี่ยแหละ แต่เป็นวงที่ดีขึ้นตามนแนวทางของตัวเองในแต่ละชุด เพราะแต่ละช่วงเวลาความคิดกับความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนกัน เหมือนตอนอย่างของป๋าสตีฟ งานมันก็จะเป็นงานที่ค่อนข้างสด คือเรียกว่าวัตถุดิบส่วนใหญ่จะออกมาเหมือนกับ ใช้เทคแรก ใช้เทคที่ไม่รู้ตัว ไม่ได้ตั้งใจ เพราะต้องการ pure art แต่อย่างของคุณแบรนดอนกับจัสตินก็เหมือนมีประสบการณ์จากแดเนียลกับสตีฟแล้ว เราก็จะมีการคิดขึ้นมามากขึ้น มีการเรียนรู้ว่าอะไรที่มันผิดพลาดไปแล้วเราอาจจะไม่ทำแล้ว เราอาจจะลองหาทางใหม่ ๆ แต่ว่าทุก ๆ คนก็ดีตรงที่เปิดรับ ยอมให้เราทดลองอะไรหลาย ๆ อย่างเยอะมากเลย การทำงานกับโปรดิวเซอร์สี่ท่านนี้ก็คือใช้ความคิดสร้างสรรค์นำ
แก๊ก :
ถ้าโดยส่วนตัว ยังไม่ได้ปรึกษาเพื่อนแต่ก็อาจจะคิดเหมือนกัน ความจริงเราอยากลองกลับไปทำงานครั้งใหม่กับพี่เจ มณฑล จิรา ที่เคยทำด้วยกันเพราะว่าเหมือนเราทำงานกับโปรดิวเซอร์ เราก็ต้องไปเรียนงานจากโปรดิวเซอร์มา แต่กับพี่เจเหมือนเราทำงานกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง มันไม่เหมือนการทำงาน มันเหมือนไปเจอกัน ไปเล่นเกม ไปอัดที่บ้าน อยากกลับไปฟีลลิ่งนั้น
วิทย์ :
ผมอยากทำงานกับ ริค รูบิน บางคนอาจจะบอกว่า ริค รูบิน ทำงานโดยที่ไม่เจอหน้ากับศิลปินเลย ทำงานโดยที่ตัวเองอยู่ที่โน่น แบบสามารถเข้ามาดูมอนิเตอร์ เหมือนเขาเป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณของศิลปิน บางทีเขาไม่ได้เจอศิลปินเลยแต่ว่าแค่ส่งเพลงให้ฟังแล้วบอกว่ามันยังขาดอะไร หรือมันต้องเพิ่มอะไร แค่อยากลองทำงานแบบนั้น มันไม่ใช่การบอกว่าเราต้องทำอะไร มันคือการบอกว่า yes กับ no เฉย ๆ คุณขาดอะไร
The People : อะไรคือสิ่งที่ประทับใจเวลาไปทัวร์ต่างประเทศ
เฟิด :
สิ่งที่ประทับใจคือ feedback หรือว่า reaction เพราะว่าคนที่โน่นก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเราเลย เหมือนเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขามีปฏิกิริยาตอบกลับมาไม่ว่าตอนที่ฟังเพลงหรือตอนที่ perform มันเหมือนกับมันสามารถวัดได้จริง ๆ มันเหมือนเราถามเด็ก เขาจะใส บริสุทธิ์ แล้วก็จะตอบแบบที่เขาคิดหรือรู้สึกจริง ๆ มันคือการได้ความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ทำงานมาสิบปีแล้ว บางครั้งทำงานนาน ๆ ก็จะมีอะไรขาดหายไปบ้าง ความสด ความใหม่ สิ่งเหล่านี้มันเหมือนหายไป เพราะว่าอย่างแฟน ๆ คนไทยก็รู้จักเราแล้วและจะมีภาพจำในหัวเขา แต่เวลาออกนอกประเทศ ใครไม่ชอบก็โห่เลย แต่ว่าโชคดีที่เรายังไม่เคยโดนนะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็น feedback ที่ดี
อีกอย่างหนึ่งที่มันหล่อเลี้ยงจิตใจก็คือการที่เวลาเราไหว้ หรือเราพูดภาษาไทย สวัสดีครับ ขอบคุณครับ มันเป็นความภูมิใจที่แบบ เฮ้ย เราได้สร้างชื่อเสียงที่ดี ๆ ให้คนเขารู้ว่ามันคือประเทศไทย เพราะบางคนเขาก็ไม่รู้จักจริง ๆ มันก็เป็นผลพลอยได้อ้อม ๆ ยิ่งไปกว่านั้นบางคนพอเขาดู Slot Machine เขาก็อยากเรียนภาษาไทย เขาก็บินมาเรียนภาษา มันเหมือนกับจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ
วิทย์ :
ผมว่ามันก็คือการได้ปรับอะไรบางอย่างเหมือนกัน คือเวลาคนเล่นอยู่บนเวทีรู้สึกถึงคนข้างล่าง เราส่งความรู้สึกกันถึงอยู่แล้ว มันก็คือสิ่งที่เราได้กลับมา ตอนที่เราเล่นเสร็จ เรากลับมาเมืองไทย เรารู้สึกว่ามันมีความต่างจริง ๆ มันมีจุดอะไรบางอย่างที่เราเคยกังวลอยู่ พอเราเล่นเมืองนอกแล้วเรากลับมาเมืองไทย มันทำให้เรากล้ามากขึ้น เข้มแข็งมากขึ้น
แก๊ก :
เหมือนมีอาวุธในมือเพิ่ม นักดนตรีมันต้องเล่น แล้วถ้าเล่นแล้วเจอแต่คนเดิม ๆ สถานที่เดิม ๆ มันก็เหมือนเรามีแค่ดาบ แต่ถ้าเราไปอเมริกาสมมติเราได้ค้อนมา ถ้าเจอสถานที่ในประเทศไทยที่เรารู้สึกแบบ เฮ้ย ทำไมวันนี้มันไม่ค่อยสนุกเลยวะ มันก็จะมีมุกเพิ่ม อเมริกาเรายังผ่านมาแล้ว เราต้องเจอผู้คนที่หลากหลายและครอบคลุมทุก ๆ ด้าน ถ้าเราต้องการที่จะเป็นวงที่ไป worldwide จริง ๆ
The People : ก่อนหน้านี้ที่เราเจอข่าวคนขึ้นมาบนเวที ในฐานะศิลปินที่ต้องการจะสื่อสารดนตรีจริง ๆ บางครั้งมันทำให้ท้อไหม
แก๊ก :
ถ้าจะท้อมันต้องเมื่อประมาณ 7 - 8 ปี ช่วงนี้จะมีท้อ แม่งทำมา 7-8 ปีทำไมต้องมาเจอสิ่งแบบนี้ พอตอนนี้อายุวงประมาณ 15 ปี คำว่าท้อแท้มันไม่มีแล้ว มันไม่ใช่การท้อแท้ คือวันนั้นมันแค่เรียนรู้แต่วันนี้มันคือความเข้าใจ ความท้อแท้มันจะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณเข้าใจว่าวัฏจักรของดนตรีมันเป็นยังไง
เฟิด :
อย่างกรณีที่เพิ่งผ่านมา มันก็เป็นอะไรที่จริง ๆ ทำใจไว้บ้างว่าจะต้องเจอสักวัน แต่เผอิญว่า 15 ปีมานี้มันไม่เคยเจอ มันเพิ่งมาเจอวันนั้น ซึ่งก็ต้องเจอ แล้วก็ผ่านไปให้ได้ พอเจอแล้วมันก็จะเป็นสิ่งที่วัดใจ พิสูจน์ว่า ณ วินาทีนั้นจริง ๆ แล้วเราเป็นคนยังไง จิตใจเราเป็นยังไง เราแสดงออกยังไง เรามีปฏิกิริยายังไง ซึ่งวันนั้นเราก็ถือว่าเราก็ให้รางวัลตัวเองนะ เราก็ถือว่าเราอดกลั้นได้ดี เป็นสิ่งที่สมควรที่จะต้องทำ อีกอย่างหนึ่งที่เราภูมิใจก็คือเราทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี เราเล่นจนจบ นี่คือพื้นฐานที่...คุณธรรมส่วนตัวคือเมื่อเราอยู่บนเวที มันเป็นที่ของเรา ที่เราต้องทำ ไม่ว่าจะมีอะไรก็แล้วแต่มารบกวน เราต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ ซึ่งตอนนี้มันก็ผ่านมาแล้ว ก็ขอบคุณทุก ๆ อุปสรรคที่มันทำให้เราได้มีโอกาสเรียนรู้
The People : อยากให้วงฝากอะไรถึงคนที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้
เฟิด :
อยากขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่ติดตาม Slot Machine แล้วก็อยากจะบอกว่าเก่งมาก ๆ อดทนมาก ๆ แล้วก็มีความตั้งใจมาก ๆ เพราะว่า อย่างที่บอกเราก็ยังไม่หยุด เรายังไม่ตัน เรายังมีอะไรที่ยังอยากจะทำ อยากจะลอง อยากจะทดลองใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ แฟน ๆ ก็เหนื่อยที่จะตามเหมือนกัน เราก็เข้าใจ แต่ส่วนหนึ่งก็คงจะต้องมีจริตที่ตรงกัน คือความโรคจิตที่มันอยากเอาชนะอะไรบางอย่าง เหมือนแบบ เฮ้ย ของใหม่เหรอ เออ ได้ ฟังครั้งแรกมันอาจจะไม่ชอบ แต่มันชอบเพราะมันใหม่นี่แหละ มันไม่เหมือนเดิม มันแปลก ซึ่งตรงนี้มันเป็นจริตของ Slot Machine ตามชื่อวง
แก๊ก :
ต้องขอบคุณแฟน ๆ ตั้งแต่ยุคแรก ๆ เลย จนยุคใหม่ด้วย ยุคแรก ๆ เขายังชื่นชอบในเพลงอยู่ จนตอนนี้เขามีลูกแล้ว ถึงเขาไม่ได้ตามแต่เขาแอบมาเชียร์ในเพลง เขารู้นะว่าสิ่งที่เรานำเสนอ เขารู้นะว่าสิ่งที่เราทำคืออะไร แล้วก็ขอบคุณแฟน ๆ รุ่นใหม่ด้วยนะครับที่เข้ามาไม่ใช่แค่ฟังเพลงใหม่ ๆ เขาก็ฟังเพลงเก่า ๆ ด้วย มาขอเพลงอัลบั้มหนึ่ง ขอบคุณมากเลย แล้วก็จะมีลูกฟังเพลงแม่ชอบ แม่ชอบเพราะลูกฟัง อะไรแบบนี้
วิทย์ :
สำหรับผมรู้สึกว่าหลาย ๆ อย่างมันดูใกล้กันมากขึ้น โลกมันทำให้เราใกล้กันมากขึ้น แต่บางทีมันก็ดูเหมือน ใกล้แต่ว่าจริง ๆ เหมือนเราไม่รู้จักกันเลยบางทีก็มีนะ พอเราเป็นศิลปินก็อยากให้มันบอกเล่าผ่านเพลงไปแล้วกัน ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน แล้วก็ Slot Machine ยังคงทำงานที่อยู่ในระดับที่ถ้าเราไม่ชอบ ไม่ปล่อยออกไปหรอก ยังซื่อสัตย์กับคนฟังเหมือนเดิม อยากให้คนฟังได้ฟังเพลงดี ๆ
The People : ก่อนหน้านี้เคยเปรียบการเดินทางของวงเหมือนจากโคลัมบัส สู่ นีล อาร์มสตรอง สำหรับพวกคุณตอนนี้เป็นโคลัมบัสที่กำลังหาทวีปใหม่อยู่ หรือว่ากำลังจะไปดวงจันทร์
เฟิด :
ตอนนี้น่าจะออกอวกาศไปนานแล้วมั้ง (หัวเราะ) น่าจะเดินทางไปไม่รู้กี่ปีแสงแล้ว การเดินทางของ Slot Machine ตอนนี้เหมือนกลับไปสู่เลเวลใหม่ คือพยายามที่จะทำงานในระดับสากลด้วย ก็เหมือนกับฟุตบอลไทยไปบอลโลก แต่เราไม่ได้เตะบอล เราเป็นศิลปิน เราทำงานศิลปะ เราเล่นดนตรี เราอยากที่จะไปให้ไกลที่สุด ไปให้สูงที่สุดเท่าที่เราจะมีแรงทำได้
วิทย์ :
เอาจริง ๆ มันก็ยังบอกไม่ได้ซะทีเดียว เพราะว่าเรายังทำอยู่ ทุกอย่างมันยังดำเนินต่อไป ทุกอย่างมันยังไม่ได้จบลง ตอนนี้เราอยู่สักที่ในอวกาศ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งใหญ่ขณะอายุน้อย บารมีมาก เส้นทางสีกากีติดไฮสปีด
15 ก.ย. 2566
3487
ถอดรหัส ‘Naatu Naatu’ เพลงประกอบหนังอินเดียฉากร้อง-เต้นใน RRR ได้ออสการ์-Golden Globes
13 มี.ค. 2566
6940
‘เอมิลิโอ เฟอร์นันเดส’ ชายผู้เป็นต้นแบบของตุ๊กตารางวัล ‘ออสการ์’
12 มี.ค. 2566
818
แท็กที่เกี่ยวข้อง
Interview
Slot Machine