‘ทาคาโอะ ยาสุดะ’ ผู้ฉีกกฎวงการค้าปลีก และสร้าง ‘ดองกิ’ เป็นอาณาจักรแสนล้าน

‘ทาคาโอะ ยาสุดะ’ ผู้ฉีกกฎวงการค้าปลีก และสร้าง ‘ดองกิ’ เป็นอาณาจักรแสนล้าน

‘ทาคาโอะ ยาสุดะ’ (Takao Yasuda) ได้สร้าง ‘ดองกิโฮเต้' (Don Quijote) ร้านดิสเคาน์สโตร์สัญชาติญี่ปุ่นที่เราเรียกติดปากว่า ‘ดองกิ’ (Donki) ขึ้นมา เป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท ต้องยอมรับว่ามาจากความคิดที่ไม่เหมือนใคร และกล้า ‘ฉีกกฎ’ ของเขา

ประโยคที่ว่า “ร้านยังเปิดไหม?” อาจจะเป็นการจุดประกายไอเดีย ‘ทาคาโอะ ยาสุดะ’ (Takao Yasuda) ให้สร้าง ‘ดองกิโฮเต้' (Don Quijote) ร้านดิสเคาน์สโตร์สัญชาติญี่ปุ่นที่เราเรียกติดปากว่า ‘ดองกิ’ (Donki) ขึ้นมา แต่การกลายเป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาทได้อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่ามาจากความคิดของเขาที่ไม่เหมือนใคร และกล้า ‘ฉีกกฎ’ วงการค้าปลีกที่เคยมีมา

ทาคาโอะ ยาสุดะ เกิดในปี พ.ศ. 2492 ณ เมืองโอกากิ จังหวัดกิฟุ หลังสำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคโอ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังในโตเกียวในปี พ.ศ. 2516 เขาเลือกทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์แทนทำงานสายกฎหมาย แต่ต้องออกจากงานเนื่องจากบริษัทล้มละลาย   

ในปี พ.ศ. 2521 ช่วงที่ตกงาน เขาได้เห็นชายแก่ขายของหน้าโรงรับจำนำ ทำให้คิดว่าตัวเองก็น่าจะทำได้ จึงนำเงินเก็บกว่า 2 ล้านบาทมาเปิดร้านขายของเล็ก ๆ มีสินค้าตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงของชำ ในชื่อ Dorobou Ichiba และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Thieves Market หรือ ‘ร้านหัวขโมย’ สื่อให้เห็นว่า ร้านนี้ขายของถูกเหมือนไปขโมยมา

แม้จะขายของถูก แต่เมื่อเปิดไปสักพัก ร้านก็ทำท่าจะไปไม่รอด เพราะลูกค้าเข้าร้านน้อยมาก

ทว่าจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ก็มาถึงในค่ำคืนหนึ่งขณะที่ทาคาโอะ ยาสุดะกำลังเติมสต๊อกสินค้าช่วงร้านปิดเพียงลำพังในช่วงดึก แล้วมีลูกค้าเปิดประตูเข้ามาในร้านและถามว่า “ร้านยังเปิดไหม?” และเหตุการณ์แบบนี้เกิดซ้ำหลายครั้ง เขาเลยฉุกคิดขึ้นมาว่า แม้จะดึกดื่นแค่ไหนคนก็ยังต้องการซื้อของอยู่ และนี่เป็นโอกาสที่ต้องคว้าไว้ จึงเริ่มขยายเวลาเปิดร้านจนถึงหลังเที่ยงคืน

ฉีกกฎวงการค้าปลีก

ในยุคนั้นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ และเป็นการฉีกกฎวงการค้าปลีกดั้งเดิม ทำให้ผู้คนแวะเวียนมาร้านของเขาเพิ่มขึ้น และสร้างยอดขายได้มากมาย เป็นที่มาของการขยายสาขาอื่น ๆ ตามมา และเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘ดองกิ’ สาขาแรกที่ฟุจุในปี พ.ศ. 2523 ภายใต้การบริหารของ บริษัท ดองกิโฮเต้ จำกัด (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท แพน แปซิฟิค อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้งส์ และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น)

อย่างที่ทราบกัน เสน่ห์ของดองกินอกจาก ‘ราคาถูก’ มีสินค้าให้เลือกมากมายและหลากหลาย ตั้งแต่แบรนด์เนม, ของกินของใช้, สินค้าแฟชั่น, เครื่องเขียน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องกีฬา, เซ็กซ์ทอย ฯลฯ นึกภาพง่าย ๆ คือมีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ รวมถึงช่วงเวลาการเปิดบริการยังดึกกว่าร้านอื่น ๆ โดยบางสาขาเปิดให้บริการถึงตี 3 และบางร้านเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ขณะที่ร้านค้าส่วนใหญ่จะเน้นให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบายและประหยัดเวลามากที่สุด ทว่าเขาต้องการให้ลูกค้าใช้เวลาอยู่ที่ดองกินานมากขึ้น ด้วยการจัดวางสินค้าในรูปแบบ Compression Display ที่นอกจากจะช่วยให้วางสินค้าได้มากขึ้นในพื้นที่จำกัด ยังวางเลย์เอาต์ให้เหมือนเขาวงกต และเปลี่ยนเลย์เอาต์ใหม่ทุก ๆ 2 - 3 เดือน 

จุดเด่นการจัดวางเรียงสินค้ารูปแบบนี้ เนื่องจากเขาเชื่อว่า ทุกครั้งที่เดินออกจากร้าน ลูกค้าจะต้องรู้สึกว่ายังพลาดของบางสิ่ง และดึงดูดให้พวกเขากลับมาร้านดองกิเพื่อค้นหาเรื่อย ๆ

‘การเพิ่มอิสระให้กับพนักงาน’ เป็นอีกตัวอย่างการคิดไม่เหมือนใครของทาคาโอะ ยาสุดะ เพราะขณะที่ร้านค้าส่วนใหญ่จะยึดนโยบายจากส่วนกลางเป็นหลัก แต่เขากลับให้พนักงานประจำสาขามีอำนาจการตัดสินใจเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกสินค้ามาวางขายในร้าน การจัดซื้อ และการกำหนดราคาขาย เนื่องจากเชื่อว่าพนักงานในสาขาย่อมเข้าใจลูกค้าของตัวเองเป็นอย่างดีว่าต้องการอะไร และสนใจอะไร 

มองหาความท้าทายใหม่เสมอ

ด้วยเสน่ห์ของดองกิในเรื่องราคาถูก มีสินค้ามากมายหลากหลายให้เลือก และเปิดให้บริการดึกกว่าร้านอื่น ๆ บวกกับกล้าคิดฉีกกฎของเขา ทำให้ดองกิมีการเติบโตก้าวกระโดด มีมูลค่าธุรกิจกว่าแสนล้านบาท 

ทาคาโอะ ยาสุดะ เคยบอกว่า ช่วงเริ่มต้นธุรกิจเขาไม่ได้คิดว่าจะเดินทางมาไกลและเติบโตขนาดนี้ แต่เขาก็ยังไม่หยุดมองหาโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ

หนึ่งในการมองหาโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ของเขา คือ การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ดองกิมีสาขารวมมากกว่า 667 สาขาในญี่ปุ่น และอีก 6 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ฮ่องกง และไทย ฯลฯ

สำหรับในบ้านเรา การเข้าทำธุรกิจของดองกิ เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2562 เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง ‘แพน แปซิฟิค รีเทล แมเนจเมนท์ (สิงคโปร์) จำกัด’ บริษัทลูกของแพน แปซิฟิค อินเตอร์เนชันแนลฯ กับผู้ร่วมลงทุนไทยอย่าง ‘บริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด’ เปิดสาขาแรกที่ทองหล่อ 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2563 ได้พาร์ทเนอร์ใหม่อย่าง ‘บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)’ มาร่วมลงทุนเพิ่ม โดยเปิดสาขา 2 ที่เดอะมาร์เก็ต ราชประสงค์, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ และมีแผนจะเปิดให้ครบ 20 สาขาภายในปี 2568

“เราต้องพยายามมองหาโอกาสความท้าทายใหม่ ๆ เสมอ เพราะผมเชื่อว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่บริษัทจะเติบโตและประสบความสำเร็จต่อไปได้” ทาคาโอะ ยาสุดะ ผู้ให้กำเนิดและสร้างตำนานดองกิได้กล่าวไว้

.

 อ้างอิง:

https://www.straitstimes.com/lifestyle/boss-of-bargains

http://www.donki.com/en/

https://www.morningstar.com/stocks/XTKS/7532/quote.html

https://www.forbes.com/sites/jsimms/2022/05/31/wealth-of-pan-pacific-internationals-founder-falls-despite-retailer-posting-record-earnings/?sh=1ff5d19264f9

https://www.japantimes.co.jp/news/2004/01/01/business/founder-of-don-quijote-empire-revels-in-breaking-all-the-rules/

https://www.straitstimes.com/lifestyle/boss-of-bargains

https://ppih.co.jp/en/corp/founder/

https://globisinsights.com/career-skills/innovation/welcome-to-the-jungle-how-don-quijote-compensates-for-the-retail-apocalypse/