ก้าวต่อไป ‘ซีอีโอ LINE ประเทศไทย’ กับความฝันพาองค์กรสู่เบอร์ 1 เหมือน Naver เกาหลี

ก้าวต่อไป ‘ซีอีโอ LINE ประเทศไทย’ กับความฝันพาองค์กรสู่เบอร์ 1 เหมือน Naver เกาหลี

ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของบริษัท LINE ประเทศไทย เปิดโอกาสให้ The People มาร่วมพูดคุยแบบ Exclusive ซึ่งเราได้พูดคุยกันหลากหลายประเด็นที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งวิธีคิดการทำงาน ความชื่นชอบ และความฝันในอนาคต

Line เป็นหนึ่งใน Tech Company ชั้นนำ และเป็นองค์กรในฝันของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการร่วมงานด้วย โดยในประเทศไทย LINE เข้ามาดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2554 ปัจจุบันมีผู้ใช้ LINE ราวๆ 53 ล้านคน และมีบริการคลอบคลุมการใช้ชีวิตของผู้คนในคอนเซ็ปต์ Life of Line    

สำหรับดร.พิเชษฐ เองได้เริ่มเข้ามาทำงานกับ LINE ประเทศไทย เมื่อปี 2559 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ (LINE) และก่อนหน้านั้นเขาเคยร่วมงานกับ google ประมาณ 3-4 ปี และเคยรับตำแหน่ง ผู้ช่วยและที่ปรึกษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออเร้นจ์ ประเทศไทย จำกัด หรือ ทรูมูฟ ในปัจจุบัน

ก้าวต่อไปของดร.พิเชษฐกับ Line ประเทศไทย

“เป้าหมายของผมกับทีม ต้องการให้ LINE ประเทศไทยเป็นเบอร์ 1 Top of Mind ของคนไทย คือ คิดอะไรไม่ออก ให้วิ่งมาที่ Line ก่อน แล้วเราจะสร้างโปรดักท์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนทุกคน หมือน Naver ที่เกาหลี Tech Company ที่มีพลังสูง และเป็นโลคอล โปรดักท์ของคนเกาหลี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมาก ถามว่า จะทำสำเร็จหรือเปล่า ผมไม่รู้”

ผู้นำ LINE ประเทศไทย เล่าถึงเป้าหมายที่ต้องการพาองค์กรแห่งนี้เดินหน้าต่อไปในอนาคต 

แล้วอะไรจะเป็น Big Changer ให้ไปบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้?

ดร.พิเชษฐเล่าว่า Big Changer ในไทยได้เกิดไปแล้ว นั่นก็คือ LINEMAN โปรดักท์ที่เกิดขึ้นในไทย ไม่มีในญี่ปุ่น ไม่มีในเกาหลี หรือไต้หวัน แล้วประสบความสำเร็จมาก และที่ผ่านมา Line Sticker ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้ 

ตอนนั้นเขายังทำงานที่อื่นอยู่ แต่มองว่า การเอาสติ๊กเกอร์มาใช้กับแชทเมื่อสิบปีก่อน ถือเป็น Product innovation มาก เพราะแชทอื่นยังเป็นแค่ตัวหนังสือ และตอนนั้นมีเจ้าตลาดแชทอยู่แล้ว ขณะที่เมื่อ LINE นำเป็นสติ๊กเกอร์ เช่น บราวน์ โคนี่ ฯลฯ เป็นอะไรที่ถูกจริตสำหรับคนไทยมาก และสามารถสื่อความหมายได้ดีกว่าตัวอักษา เหมือนกับมีคำกล่าวไว้ ‘หนึ่งภาพ แทนพันคำ’ ซึ่งพิสูจน์ความสำเร็จแล้ว เพราะทุกวันนี้สติ๊กเกอร์ยังเป็นรายได้หลักของ LINE และยังสร้างรายได้ให้กับบรรดาครีเอทเตอร์ สติ๊กเกอร์ได้ด้วย

ก้าวต่อไป ‘ซีอีโอ LINE ประเทศไทย’ กับความฝันพาองค์กรสู่เบอร์ 1 เหมือน Naver เกาหลี

Big Changer ต่อไปของ LINE ประเทศไทย

ส่วนอะไรจะเป็น Big Changer ให้กับ LINE เขาคิดไว้เยอะ และไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่พูดกับทีมเสมอ คือ LINE มีของเล่นหรือจิ๊กซอว์เจ๋งๆ เยอะเลย และขณะที่ตัวเขาเองอยู่ในกระบวนต่อร่วมกับทีมบริหารและทีมทำงานทุกคน

“ความยากของมันคือ ภาพที่ออกมาไม่จำเป็นต้องเหมือนภาพที่ญี่ปุ่น บริษัทแม่ หรือที่เกาหลี ที่ไต้หวัน มันต้องเหมาะกับประเทศของเรา นอกจากจิ๊กซอว์ที่มีคุณค่าแล้ว เรายังมีประชากรของเรา ซึ่งผมอยู่ระหว่างการศึกษาว่า มีธุรกิจไหนที่มีศักยภาพ ยกตัวอย่าง Line BK เราเป็นบริษัทเทคโนโลยี การทำฟินเทคต้องจับมือกับแบงก์ เช่นใดเช่นนั้นธุรกิจอื่นก็เหมือนกัน ผมอยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ว่าจะมีอะไรที่สร้างความร่วมมือและขยายไปได้ แต่ขออุ๊บไว้ก่อน”

ขณะที่การบริหารองค์กร เขาอยากบริหารให้ไปถึงระบบที่ว่า ถ้าสักวันตัวเขาอยากไปทำอย่างอื่น Line ประเทศไทย ต้องเข็มแข็ง และไม่แกว่งเลย โดยทุกวันนี้มีผู้บริหารที่พร้อมลุกขึ้นมาสานต่องานจากเขาได้เลย 

“ผมอยู่หรือไม่อยู่ ต้องไม่ใช่เรื่องสำคัญ และอีกอย่างถ้าอยากไปได้ดีไปกว่านั้น อาจดูจะเพ้อฝัน คือ บริษัทต้องอยู่ในจุดที่สลับผมลงแบบผมไม่ต้องไปไหน ไปถึงตรงนั้น ผมแฮปปี้มาก”

ไม่เคยปฏิเสธงานเพื่อต้องการเรียนรู้

เมื่อถามถึงแนวคิดที่ผู้นำ LINE ประเทศไทยยึดถือตลอดในการทำงาน เขาตามว่า ‘ผมไม่เคยปฏิเสธงาน’ แม้แต่งาน ‘ยกมือ’ ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตรับผิดชอบของตัวเอง เขาก็จะอาสา

“งานยกมือ ใครไม่ทำ ผมทำ โอเคเหนื่อยหน่อย เมื่อมีประชุม หลายคนมักบอกว่า ประชุมนี้ไม่เกี่ยว ไม่เข้าได้ไหม ถ้าผมมีเวลาผมจะเข้าไปนั่งฟัง เพราะมองว่า สิ่งเหล่านี้คือประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้ และเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง”

อย่างไรก็ตาม งานบางอย่างจะยกมือตลอดไม่ได้ ซึ่งสำหรับตัวเขาเอง บางเรื่องไม่จำเป็นต้อง ‘ลงมือทำ’ เพียงไปนั่งฟังนั่งเรียนรู้ก็ถือเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ ยิ่งต้องใช้โอกาสซึมซับและเรียนรู้ให้มากที่สุด   

“ผมเคยร่วมงานกับคุณอภิรักษ์ โกษะโยธินที่ออนเร้นจ์ ตอนนั้นคุณอภิรักษ์เป็นที่ฮือฮามาก ตัวผมเองได้ทำงานใกล้ชิด เป็นโอกาสที่ดีมาก เลยคว้าโอกาสเรียนรู้ให้เต็มที่ ซึ่งคุณอภิรักษ์ถือเป็นอาจารย์ของผมเลย โดยเขาไม่ได้รับผมเป็นลูกศิษย์นะ ผมไปลักจำมา และตอนคุณอภิรักษ์ไปเป็นผู้ว่ากรุงเทพฯ ผมก็ไปช่วยงานในฐานะ Project manager มา 4-5 ปี”

‘แซลลี่’ LINE Friends ตัวโปรด

หลายต่อหลายคนตกหลุมรักในความน่ารักของ LINE Friends ไม่ว่าจะเป็น ‘บราวน์’ (Brown) เจ้าหมีหนุ่มสีน้ำตาล, ‘โคนี่’ กระต่ายสาวสีขาว,  ‘แซลลี่’ (Sally) ลูกเจี๊ยบสีเหลือง ผู้แอบหลงรักหมีบราวน์, ‘เอ็ดเวิร์ด’ (Edward) หนอนน้อยสีเขียวน่ารัก ฯลฯ   

แล้ว ซีอีโอ LINE ประเทศไทย ล่ะมีคาแรกเตอร์ตัวใดเป็นตัวโปรด? 

คำตอบคือ แซลลี่ โดย ดร.พิเชษฐ ให้เหตุผลว่า LINE Friends ตัวนี้มีความเป็นเด็ก ดูซุกซน ซึ่งตัวเขาเองมีลูกจึงชื่นชอบคาแรกเตอร์ตัวนี้เป็นพิเศษ ขณะที่ 3 อันดับแรกของ LINE Friends ที่คนไทยส่วนใหญ่ชื่นชอบ ได้แก่ บราวน์, โคนี่ และแซลลี่  

ก้าวต่อไป ‘ซีอีโอ LINE ประเทศไทย’ กับความฝันพาองค์กรสู่เบอร์ 1 เหมือน Naver เกาหลี         

ซีอีโอหัวใจรักษ์สิ่งแวดล้อม

สำหรับความชื่นชอบส่วนตัว เขาสนใจด้านสิ่งแวดล้อม เพราะมองเป็นเรื่องสำคัญของโลก สำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้คน และเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสนใจ โดยก่อนหน้าจะมานั่งบริหารในบริษัทเทคโนโลยี เขาเคยทำงานที่สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เพื่อรณรงค์และช่วยเหลือด้านสิ่งแวดล้อมมาก่อน 

นอกจากนี้ ชีวิตส่วนตัวของดร.พิเชษฐก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เช่นกัน เช่น เลือกใส่รองเท้าผ้าใบแบรนด์ของคนไทยที่ใช้พลาสติกรีไซเคิลมาทำ และเมื่อก่อนมักจะร่วมกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่ตอนนี้พอมีลูกทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาไปมากนัก

“รองเท้าแบรนด์นี้ ราคาไม่แพงมีราคาอยู่หลักพันกว่าบาท เห็นปุ๊ปซื้อเลย และผมใช้โทรศัพท์แล้วไม่ค่อยเปลี่ยนนะ จะใช้จนไปต่อไม่ได้ จนน้องๆ ในทีมบอกว่าพี่อ๋อง(ชื่อเล่นดร.พิเชษฐ)เชย แต่ผมจะบอกกับเขาว่า คุณรู้ไหมปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มาจากโทรศัพท์มันเยอะมากนะ” 

และคือเรื่องราวอีกมุมหนึ่งที่ใครหลายคนอาจไม่เคยสัมผัสจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LINE ประเทศไทย ‘ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา’