กันต์พงศ์ ศกุณต์ไชย ลูกไม้ใต้ต้นของ ‘ติ๋ม ทีวีพูล’ กับภารกิจสร้างยุคใหม่ ‘ทีวีพูล’

กันต์พงศ์ ศกุณต์ไชย ลูกไม้ใต้ต้นของ ‘ติ๋ม ทีวีพูล’ กับภารกิจสร้างยุคใหม่ ‘ทีวีพูล’

เมื่อเอ่ยถึงผู้หญิงเก่งและแกร่งในแวดวงธุรกิจแล้ว ต้องมีชื่อ ‘พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย’ หรือ ‘ติ๋ม ทีวีพูล’ ติดอยู่ในลิสต์ โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาในงาน TVPOOL STARS PARTY RETIRE & REBORN 2022 เธอได้ประกาศวางมือและส่งไม้ต่อธุรกิจให้กับลูกชายคนเล็ก ‘เต้ - กันต์พงศ์ ศกุณต์ไชย’

ณ วันนั้นเขาได้พูดบนเวทีว่า ยุคใหม่ของทีวีพูลได้เริ่มต้นแล้ว ซึ่งเป็นที่น่าสนใจมากว่า เขาจะพาองค์กรที่อยู่ในวงการสื่อบันเทิงมานาน 33 ปีแห่งนี้เดินหน้าสู่ยุคใหม่อย่างไร และจะทำให้ทีวีพูลกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งได้หรือไม่

“ทีวีพูลยุคผมจะเป็นมากกว่าสื่อ เพราะเป้าหมายของผมคือการนำทีวีพูลเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปี เพื่อให้ชื่อนี้อยู่นาน ๆ และไปต่อได้ในรุ่นต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่คุณแม่หวังไว้จากสิ่งที่ท่านสร้างมาเองกับมือ” เป็นคำตอบที่ เต้ - กันต์พงศ์ ให้กับทาง The People

แต่ก่อนจะไปเจาะลึกในประเด็นต่าง ๆ เรามาทำความรู้จักกับ เต้- กันต์พงศ์ ศกุณต์ไชย กันก่อน

ตอนนี้เต้ - กันต์พงศ์ มีอายุ 29 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้าน Business Management จาก University of Westminster ประเทศอังกฤษ และปริญญาโทด้าน Digital Analytics จาก Regent’s University London ก่อนจะมาช่วยงานที่ทีวีพูลเมื่อ 3 - 4 ปีที่ผ่านมา  ด้วยการเริ่มต้นดูด้านออนไลน์เป็นหลัก

The People : โจทย์ตอนเริ่มต้นงานคืออะไร และจุดอ่อน - จุดแข็งของทีวีพูลอยู่ตรงไหน

เต้ - กันต์พงศ์ : ตอนนั้นคุณแม่ให้ปั้นออนไลน์ เพราะเราทำสื่อรู้ดีว่ายังไงก็ต้องมาทางนี้ ไม่ใช่แค่ผม แต่คนในยุคผมรู้กันดี โดยตอนนี้เครือทีวีพูลมีผู้ติดตามผ่านออนไลน์ทั้งหมด 24 ล้านคน จาก 11 เพจ มีทั้งข่าวดารา ข่าวทั่วไป ข่าวชาวบ้าน ผู้หญิง อาหาร ความงาม และคลิปแก้เซ็ง ฯลฯ

พองานด้านออนไลน์อยู่ ๆ ก็เริ่มไปดูงานด้านอื่น ๆ กระทั่งมารับไม้ต่อจากคุณแม่ ส่วนจุดแข็งของทีวีพูล แน่นอนเลยคือเรื่องแบรนด์ เราอยู่มา 33 ปีแล้ว เมื่อพูดชื่อมาแล้วคนต้องรู้จัก คนในยุคเจนใหม่เลย ผมพูดไม่ได้ 100% แต่เชื่อว่าคนในยุคผมหรืออายุมากกว่าผม อย่างน้อยน่าจะเคยได้ยิน จะเคยเสพแบบไหนไม่รู้ อาจจะเคยเห็นในทีวี เห็นนิตยสาร บางคนอาจจะอยู่ในร้านทำผม ร้านเสริมสวย

จุดแข็งถัดมา เป็นเรื่องคอนเน็กชันกับคนในวงการ เพราะเราเป็นตัวกลางที่ช่วยสนับสนุนเขามาตลอด เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัทหรือองค์กรที่อยู่ในโลกของวงการบันเทิง กับดารา ศิลปิน พิธีกร และพวกทำโปรดักชันหรือคนทำข่าว ส่วนใหญ่จะมีคนของทีวีพูลอยู่

ฉะนั้นการที่เราจะคอนเน็กอะไรมันง่าย เหมือนเราเป็นโรงเรียนที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามีวันนี้ได้ แล้วคนไทยเขามีความกตัญญู ถ้าเกิดเรามีอะไรให้ช่วย หรือต้องการความช่วยเหลือ เขาก็พร้อมที่จะสนับสนุนเรา นี่เป็นข้อดี

ส่วนจุดอ่อนคงหนีไม่พ้นเรื่อง Digital Disruption ที่ทำให้สภาพธุรกิจเปลี่ยนไป วันนี้งบโฆษณาเทไปอยู่กับฝั่งออนไลน์ ไปอยู่กับแพลตฟอร์ม และตอนนี้บทบาทของธุรกิจสื่อไม่เหมือนเดิม ทุกคนสามารถลุกขึ้นมาเป็นสื่อเองได้ ทำไมต้องมาพึ่งทีวีพูล เพราะดารา Live สดเองได้เลยในมือถือ แล้วยอดที่ได้เข้ามา Facebook ก็ให้เงินด้วย Monetize เงินจากยอดโฆษณาด้วย คนที่เข้ามาดู Engagement เยอะขึ้น ยอดติดตามมากขึ้นก็สามารถไปขายลูกค้าต่อได้เลย

กันต์พงศ์ ศกุณต์ไชย ลูกไม้ใต้ต้นของ ‘ติ๋ม ทีวีพูล’ กับภารกิจสร้างยุคใหม่ ‘ทีวีพูล’

The People : เมื่อทุกอย่างไม่เหมือนเดิม ภาพทีวีพูลยุคคุณเต้จะเป็นอย่างไร

เต้ - กันต์พงศ์ : ผมมองเป็นโอกาสนะ ทำให้เราไม่จำกัดตัวเองเป็นแค่สื่อ เราต้องเป็นมากกว่าสื่อ มีอย่างอื่นเข้ามาช่วยเสริมทั้งในแง่รายได้และหมวดธุรกิจ เพราะเป้าหมายผมคือนำทีวีพูลเข้าตลาดหลักทรัพย์ใน 3 ปี เป็นสิ่งที่คุณแม่หวังไว้ เนื่องจากอยากจะให้ชื่อของทีวีพูลอยู่ไปนาน ๆ แล้วคุณแม่ภูมิใจกับชื่อนี้มาก เป็นสิ่งที่เขาสร้างมา และเป็นชื่อที่ปิดท้ายชื่อคุณแม่ผมด้วย

สมัยก่อนมีคนเข้ามาคุยเรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์เยอะมาก แต่คุณแม่ ‘ปฏิเสธมาตลอด’ อาจจะเป็นรูปแบบการทำงานที่เป็นแบบครอบครัวทั้งการตัดสินใจและกระจายอำนาจ เขาอาจจะไม่พร้อมสำหรับจะเปลี่ยนตอนนั้น แต่วันนี้มายุคของผม คุณแม่อยากจะให้ทีวีพูลยั่งยืน

"โอเคถ้าทำแบบเดิมในยุคผมก็ทำได้ แต่ผมตอบไม่ได้ว่าหลังจากยุคผมแล้วจะเป็นอย่างไรต่อขณะที่เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทุกคนเป็นเจ้าของทีวีพูลได้หมด ไม่ใช่แค่ตัวเรา การที่มวลชนสามารถเป็นเจ้าของได้จะผลักดันเรื่องความยั่งยืนได้มากกว่า"

อย่างไรก็ตามด้วยสภาพแวดล้อมสื่อเปลี่ยนไป วันนี้หากเข้าตลาดหลักทรัพย์ลำพังแค่สื่อไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีตัวธุรกิจอื่นเข้ามาเสริมกับตัวธุรกิจของทีวีพูล เนื่องจากตอนนี้สื่ออยู่ในช่วงขาลง ถ้าต้องการเป็น S Curve ใหม่ต้องเป็นธุรกิจอื่น

The People : ธุรกิจใหม่ที่จะขยายไปคืออะไร

เต้ - กันต์พงศ์ : ตอนนี้มี 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจเครือข่ายใช้ชื่อว่า Pool Star ส่วนอีกธุรกิจเป็น Tech starup ที่รันบนระบบ Blockchain สำหรับ Pool Star คอนเซปต์จะทำให้คุณเป็น ‘ดาวแห่งโลกธุรกิจ’ เหมือนเราช่วยปั้นดารามามากมาย โดยเราจะปั้นสินค้าให้สมาชิกหรือคนที่เข้ามาร่วมเป็นตัวแทนไปขาย ตอนนี้เริ่มทำไป 2 - 3 เดือน ผลตอบรับดีมีสมาชิกประมาณ 2,000 คน ซึ่งโจทย์หลักคือต้อง Maintain ตรงนี้ให้มียอดโตตลอด

กันต์พงศ์ ศกุณต์ไชย ลูกไม้ใต้ต้นของ ‘ติ๋ม ทีวีพูล’ กับภารกิจสร้างยุคใหม่ ‘ทีวีพูล’ สำหรับสินค้าที่ขายมีหลายหมวด อย่างตอนนี้ทยอยออกมา 3 - 4 หมวด เช่น หมวดเครื่องดื่มชงร้อน หมวดอาหารเสริม สกินแคร์ แล้วก็หมวดอุปโภคบริโภค เราใช้โรงงานทำ OEM ผลิตในนามของเราเองทั้งหมด มีการวิจัยพัฒนาสินค้าของเราเอง มีทีมการตลาด

ส่วนอีกธุรกิจผมเรียกว่า Entertainment Tech แล้วกัน เป็นเหมือน Project Tech Start up เล็ก ๆ ที่จะเชื่อมโยงเรื่อง Blockchain เข้ากับโลกของวงการบันเทิง เป็นการใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อส่งเสริมและสร้างประโยชน์ให้กับคนวงการบันเทิง ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า วันนึง Blockchain จะเป็นส่วนสำคัญในโลกเราและเราอยากเตรียมพร้อมเพื่อเป็นส่วนนึงในนั้น

The People : เหตุผลที่เลือก 2 ธุรกิจนี้สร้าง S Curve

เต้ - กันต์พงศ์ : พูดถึงตลาดหลักทรัพย์ ธุรกิจใหม่จะต้องมาเพื่อเพิ่มการเติบโต ซึ่งธุรกิจเครือข่ายอาจจะไม่ได้อยู่ในช่วงของ Sunset แต่มันก็ยังไม่ถึงกับเป็น Sunrise ธุรกิจเครือข่ายโดนดัดแปลงไปทำในทางที่ผิดมามาก เราคิดว่าการทำธุรกิจเครือข่ายระบบที่ดีจะสามารถช่วยคนให้สร้างรายได้แบบยั่งยืน ถ้าเราทำอย่างถูกวิธี

ที่สำคัญสินค้าที่อยู่ในท้องตลาดมากมาย เราก็เคยทำโฆษณามาให้เยอะแยะ ทำให้รู้ความต้องการของคนและตลาด และมีคอนเน็กชันพวกบริษัทสินค้าหรือโรงงาน จึงคิดว่าใช้ของในมือเรามาช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจใหม่อยู่ได้และเติบโตดีกว่า

ขณะที่ Entertainment Tech แม้ตอนนี้ Blockchain ยังเห็นภาพไม่ชัด และ Use Case ยังน้อย แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่เกิดขึ้น เราควรเริ่มปูทางตรงนี้ก่อน เพื่อเป็นโอกาสในอนาคต เช่นตอนวันที่ 9 เดือน 9 กับงาน Star Party ที่ไม่ได้จัดมานานแล้ว 8 ปี เราใช้ตัวของ Blockchain เข้ามาเป็นตัวกลางเป็นการ Vote On Chain ทั้งหมด

แม้จะไม่ 100% ว่าเป็นครั้งแรกหรือไม่ แต่ค่อนข้างมั่นใจ ถึงมีก็จะไม่ใช่เป็น Use Case ที่ใหญ่ขนาดนี้ เรามี User ที่เข้ามาร่วมประมาณกว่า 7 - 8 หมื่นคน ถ้าแค่พูดถึงเรื่องโพลเฉย ๆ ไม่ได้พูดถึงเรื่อง Blockchain 7 - 8 หมื่นคน เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่มากแล้ว ของเราแตะไปเกือบ ๆ แสนคนที่มาเข้าร่วม ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากสำหรับการจะนำมาต่อยอดได้อีกในอนาคต

ส่วนโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นปีหน้า อาจบอกรายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ แต่จะเป็นการเชื่อมระหว่างโลกของ Blockchain วงการบันเทิง เราจะต่อยอดตัวตนในวงการบันเทิงของทีวีพูลโครงการนี้จะเป็นอีกช่องทางนึงที่จะช่วยสนับสนุนคนวงการบันเทิงในหลายๆ ด้านในโลกของ Blockchain ทั้ง ความสัมพันธ์กับฐานแฟนคลับดิม การเพิ่มแฟนคลับใหม่ๆในโลกที่ไม่มีพรหมแดน จนถึงการ generate NFT และ การแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการด้วย Digital currency ผมเชื่อว่า การจะคงตัวตนในวงการ เราต้องสร้างประโยชน์กับวงการให้ได้

ตอนนี้ธุรกิจหลักของทีวีพูลที่มองอยู่จะมี 3 ธุรกิจนี้ หลัก ๆ ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ว่าต้องมีหลายธุรกิจ ขอแค่มองให้ครอบคลุม แล้วทำให้เวิร์กดีกว่า

The People : ความยากในการนำทีวีพูลเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้ง ๆ ที่องค์กรผ่านยุครุ่งเรืองไปแล้ว

เต้ - กันต์พงศ์ : ยากแน่นอน ไม่ใช่แค่ว่ายุคไหน เพราะการที่สื่อจะเข้าตลาดฯ จริง ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะยุคนี้ที่หุ้นสื่ออาจจะไม่ได้ดีมากด้วยซ้ำ อย่างที่รู้กันเรื่องของ Disruption แต่เรามีเป้าหมาย โอเคตัวสื่ออาจจะอยู่ใน Sunset

แต่ธุรกิจใหม่ที่เราขยายยังเติบโตได้อยู่ และ ณ วันนี้ทีวีพูลจะเป็นทั้งสื่อด้วย เป็นธุรกิจระบบเครือข่ายที่มาช่วยสร้างรายได้ให้คนเป็น Tech Start up ด้วย เราเชื่อว่าเป้าหมายของเราต้องเป็นไปได้แน่นอน โดยทุกอันยังใช้เรื่องของคอนเซปต์วงการบันเทิงมาเป็นตัวเชื่อมกัน หรือเป็นแม่เหล็กหลักในการช่วยส่งเสริมในธุรกิจนั้น ๆ อยู่

กันต์พงศ์ ศกุณต์ไชย ลูกไม้ใต้ต้นของ ‘ติ๋ม ทีวีพูล’ กับภารกิจสร้างยุคใหม่ ‘ทีวีพูล’ สรุปไม่ว่าจะขยายไปธุรกิจไหน แต่ยังใช้ความเป็น ‘สื่อบันเทิง’ เป็นจุดแข็ง อย่าง Entertainment Tech เมื่อทีวีพูลคือบันเทิงก็เอาเรื่องของวงการนี้มาเชื่อมกับเรื่อง Blockchain สร้างอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา หรือธุรกิจเครือข่าย อาจใช้เรื่องดาราเข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ หรือทำ Content สนับสนุนการขาย จริง ๆ ถ้าพูดถึงธุรกิจเครือข่ายอย่างเดียว มีบริษัทเกิดใหม่มากมาย แล้วไม่ได้มี Background เหมือนเรา อันนี้เป็นข้อได้เปรียบในธุรกิจอย่างหนึ่งแล้วด้วย

The People : คุณแม่คิดเห็นอย่างไรกับยุคใหม่ที่คุณเต้กำลังสร้าง

เต้ - กันต์พงศ์ : คุณแม่ค่อนข้างเห็นด้วย เพราะเห็นเทรนด์ โอเคการเป็นสื่ออาจเป็นท่อน้ำเลี้ยงหลักของเรามาตลอด 33 ปี แต่วันนี้ถ้ามองให้เติบโตจริง ๆ สื่อไม่ได้สร้างรายได้ให้เหมือนสมัยก่อนแล้ว อันนี้ค่อนข้างเห็นภาพเดียวกันและสนับสนุนด้วย ตัวคุณแม่เองผ่านมาหลายยุคเห็นว่าถ้าอยากจะมีพื้นที่ในอนาคตอยู่ จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องมีการกระโดดข้ามสู่สิ่งใหม่

ถ้าถามว่าคุณแม่ให้คำแนะนำหรือส่งแนวคิดอะไรให้บ้าง มันเยอะมากเลย (หัวเราะ) มีมาใหม่ทุกวัน แต่สิ่งที่ผมยึดจริง ๆ คือ ความเป็นนักสู้ ทุกคนในวงการรู้ดีว่า คุณแม่ผมมีความเป็นนักสู้สูงมาก ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ท่านทำงานหนัก ทำเต็มที่ ไม่เคยย่อท้อกับอะไร ถ้ามีเป้าหมายแล้วก็เดินหน้าต่อไปให้ได้ ซึ่ง Mindset นี้ถูกถ่ายทอดมาตรง ๆ 

“เรื่องนี้เป็นการเรียนจากประสบการณ์ เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเห็นผลลัพธ์ว่า สิ่งที่ประสบความสำเร็จคืออะไร ลูกน้องมองเขาอย่างไร เขายังเป็นคนที่คนในวงการนับหน้าถือตา ผมมีต้นแบบที่ดี พยายามจะเอาบางส่วนที่คิดว่าต่อยอดได้มาใช้ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ทำในยุคก่อนจะประสบความสำเร็จในยุคนี้ แต่ความขยัน ความตั้งใจ สำหรับผมไม่ว่ายุคไหนก็จำเป็นอยู่”

อย่างไรก็ตาม การนำทีวีพูลเข้าสู่ยุคใหม่ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สำหรับเต้ - กันต์พงศ์ ถือเป็นภารกิจใหญ่และไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อทุกคนไว้ใจให้ทำ และตัวเองเขาไม่อยากให้คุณแม่ที่เหนื่อยมามากแล้วตั้งแต่สร้างทีวีพูลขึ้นมา ต้องเหนื่อยอีกครั้งกับภารกิจใหม่ที่ใหญ่แบบนี้อีก เขาก็พร้อมลุยเต็มที่

และเมื่อถามว่า อะไรท้าทายมากที่สุดเมื่อต้องมารับไม้ต่อจากคุณแม่ ‘ติ๋ม ทีวีพูล’ เขาตอบพร้อมกับยิ้มว่า

“การพาบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ว่ายากแล้ว แต่การคุยกับคุณแม่ให้เข้าใจ เป็นเรื่องที่ท้าทายและยากกว่า"

.

ภาพ : จุลดิศ อ่อนละมุน