19 พ.ย. 2565 | 00:37 น.
ความสั่นคลอนของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกำลังเป็นที่จับตา ตั้งแต่ที่ยักษ์ใหญ่อย่าง FTX ยื่นล้มละลายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พี่น้องฝาแฝด ‘ไทเลอร์ – คาเมรอน’ (Tyler and Cameron) จากตระกูลวิงเคิลวอส (Winklevoss) ถูกพูดถึงอีกครั้ง เพราะทั้งสอง(เคย)เป็นมหาเศรษฐีจากบิตคอยน์ที่ถืออยู่ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน
นอกจากนี้ ทั่วโลกเคยให้ความสนใจพี่น้องฝาแฝดคู่นี้มาก่อนหน้านี้ ในช่วงที่พวกเขามีการฟ้องร้องกับ ‘มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก’ ผู้ก่อตั้ง Meta วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับพี่น้องมหาเศรษฐีคู่นี้ก่อน พร้อมเส้นทางชีวิตที่กำลังเผชิญกับปัญหาอยู่ขณะนี้
พี่น้องอ้างว่าถูกกอปปี้ไอเดีย
ไทเลอร์และคาเมรอน เป็นนักลงทุนชาวอเมริกัน เกิดเมื่อปี 1981 พวกเขาถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถอยู่หลายด้าน และเกิดในครอบครัวที่ฐานะปานกลางถึงสูง
พวกเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาโท MBA จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งนอกจากความฉลาดของทั้งคู่ พวกเขายังมีความสามารถด้านการกีฬาอื่นด้วย ซึ่งทั้งคู่เป็นตัวแทนนักกีฬาพายเรือทีมชาติของสหรัฐอเมริกา และได้ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งประเทศจีน ในปี 2008 โดยชนะเป็นอันดับ 6 ของรายการ
หากเราจะเล่าถึงช่วงชีวิตของทั้งไทเลอร์และคาเมรอน ทั้งยังรวมถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักพี่น้องคู่นี้ดีขึ้น สามารถดูได้จากเหตุการณ์ที่ภาพยนตร์เรื่อง The Social Network หยิบมานำเสนอก็ได้เช่นกัน โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการ ‘ลอกไอเดีย’ จนเกิดการฟ้องร้องกันขึ้นมา
พาร์ทหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้มีการพูดว่า “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ขโมยไอเดียของพวกเขาไปสร้าง Facebook”
โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งไทเลอร์ กับ คาเมรอน มีไอเดียที่จะสร้างเครือข่ายสังคมบนโลกออนไลน์ เพื่อเชื่อมต่อนักศึกษาทุกคนเข้าหากัน โดยตั้งใจใช้ชื่อว่า ‘HarvardConnection’ ซึ่งพวกเขาได้ชักชวนให้ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก มาช่วยเขียนโปรแกรมเว็บไซต์หลังจากที่รู้จักกันได้ไม่นาน
ทั้งนี้ ในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวยังเล่าไปถึงปี 2004 ที่โปรแกรมของ HarvardConnection ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ปรากฏว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้เปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ ที่ชื่อว่า TheFacebook ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียที่คล้ายกันมาก จนมาถึงวันที่ TheFacebook เติบโตและได้รับความนิยมอย่างมาก (จนถึงวันที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น Facebook)
พี่น้องฝาแฝดคู่นี้มองว่า พวกเขากำลังถูกขโมยไอเดียไป รวมถึงโคดโปรแกรมบางส่วนก็ถูกนำไปใช้เพื่อสร้าง Facebook จึงนำมาสู่การตัดสินใจดำเนินการยื่นฟ้องร้องคดีกับ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ตั้งแต่ตอนนั้น
คดีการฟ้องร้องดำเนินมาจนถึงปี 2008 จนมีการตกลงยอมความกัน โดยพี่น้องตระกูลวิงเคิลวอส ได้เรียกร้องให้ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวน 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้หุ้น Facebook บางส่วนด้วย แลกกับการยอมคดีความ
จุดเริ่มต้นแพลตฟอร์ม Gemini
หลังจากที่ได้รับเงินค่าชดเชยจาก มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก จำนวนมหาศาลแล้ว พี่น้องตระกูลวิงเคิลวอส ได้ระดมสมองกันอีกครั้งว่าจะต่อยอดเงินก้อนนี้ได้อย่างไร ซึ่งสุดท้ายก็สรุปได้ว่า พวกเขาร่วมกันก่อตั้งบริษัท Gemini เป็นแพลตฟอร์มตลาดซื้อขายคริปโตฯ ในปี 2014 ซึ่งมองว่าตลาดคริปโตฯ กำลังมีอนาคตที่สดใส
โดยพวกเขาตั้งเป้าต้องการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น
ทั้งนี้ เดอะ เทเลกราฟ เคยรายงานว่า พี่น้องตระกูลวิงเคิลวอส ที่จริงพวกเขากลายเป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้านตั้งแต่ปี 2013 เพราะพวกเขาได้เข้าซื้อบิตคอยน์ ซึ่งภายหลังราคาบิตคอยน์พุ่งทะยานแตะหลัก 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 บิตคอยน์ ทำให้สองฝาแฝดกลายเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ร่ำรวยจากบิตคอยน์ไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แพลตฟอร์ม Gemini ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ FTX (ซึ่งมีนักวิเคราะห์พูดอยู่ตลอดว่าอาจเกิดสภาวะโดมิโน) โดยได้ระบุว่า การถอนเงินของลูกค้าที่ใช้โปรแกรม Gemini Earn อาจล่าช้าเพราะพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอย่าง Genesis Global ได้ทำการหยุดถอนเงินชั่วคราวบนแพลตฟอร์มการยืม ทำให้ระบบการถอนเกิดการสะดุดเล็กน้อย
Genesis Global เป็นผู้ที่มาช่วยให้ผู้ใช้สามารถแลกเงินได้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์และบริการอื่นของ Gemini ยกเว้น Gemini Earn
ส่วนสาเหตุที่ Genesis ต้องทำการระงับบริการถอน-การให้ยืม เป็นเพราะการล่มสลายของกระดานเทรดคริปโตฯ FTX ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ความฉลาดและการเป็นนักเทรดคริปโตฯ ในสายเลือดของพี่น้องตระกูลวิงเคิลวอส จะทำให้พวกเขาเกิดไอเดียใหม่ ๆ ได้เมื่อยามจำเป็นที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ซึ่งดูจากไอเดียการสร้างโซเชียลมีเดียตั้งแต่ที่ยังเป็นนักศึกษา พูดเลยว่าทั้งไทเลอร์และคาเมรอน น่าจะมีไอเดียอะไรใหม่ ๆ ซ่อนอยู่อีกเยอะ
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง: