‘เดอะร็อค’ นักแสดงหลายบทบาท เคยหาเงินจากมวยปล้ำช่วยพ่อแม่ย้ายจากอพาร์ทเมนต์ที่เช่า

หลายคนในวงการมวยปล้ำจะเรียกเขาว่า ‘หินเดินได้’ เพราะความสูง 196 เซนติเมตร น้ำหนัก 118 กิโลกรัม  แต่ความโดดเด่นนี้ทำให้เขาผันตัวไปเป็นนักแสดงไปสบาย ๆ ซึ่งใครจะคิดว่าความฝันการเป็นนักแสดงของ ดเวย์น จอห์นสัน ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือความบังเอิญ แต่เขาตั้งเป้าหมายระยะ 10-12 ปี เพื่อตามฝันนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

มาจากครอบครัวนักมวยปล้ำ

ดเวย์น จอห์นสัน เกิดในวันที่ 2 พฤษภาคม 1972 เขาเป็นลูกครึ่งแคนาดา-อเมริกัน และมีเชื้อสายชาวซามัว (แม่เป็นชาวซามัว) ความเป็นนักมวยปล้ำอยู่ในสายเลือดของเขาตั้งแต่เกิด เพราะคุณพ่อมีและปู่ของเขามีอาชีพเป็นนักมวยปล้ำ อย่างพ่อของดเวย์น จอห์นสัน ก็มีดีกรีเป็นถึงแชมป์ใน WWE กับฉายาที่ถูกเรียกว่า ‘Soul Man’

ตั้งแต่ที่พ่อของเขาเกษียณตัวเองในปี 1991 ก็ได้เริ่มฝึกฝนวิชามวยปล้ำให้กับดเวย์น จอห์นสัน และเขาก็เริ่มลองขึ้นเวทีมวยปล้ำที่ WWE ซึ่งเขาจัดว่าเป็นนักมวยปล้ำที่อายุน้อยกว่าเกณฑ์ในยุคนั้น ทำให้บางครั้งพ่อของเขาต้องกระโดดขึ้นมาบนสังเวียนเพื่อปกป้องลูกชาย

 

เกือบจะเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ

ด้วยความที่บ้านของ ดเวย์น จอห์นสัน มีฐานะยากจนและพ่อแม่ของเขาไม่ได้มีเงินเพียงพอที่จะส่งให้เขาเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้ ดังนั้น ‘กีฬา’ คือทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งเขาเริ่มสนใจในฟุตบอลตั้งแต่ระดับมัธยมปลาย

และยังคงเล่นมาต่อเนื่องไปจนถึงช่วงชีวิตในวิทยาลัย อีกทั้งยังได้ทุนการศึกษาเต็มจำนวนจากมหาวิทยาลัยไมอามีด้วย เรียกได้ว่าเขาค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะ ‘นักฟุตบอล’

ดเวย์น จอห์นสัน เคยให้สัมภาษณ์กับแมกาซีน GQ ว่า “ผมรู้สึกขนลุกที่ช่วยหาเงิน และทำให้พ่อแม่ของผมสามารถย้ายออกจากอพาร์ทเมนต์ที่เช่าอยู่ได้”

อย่างไรก็ตาม ในปี 1995 เขาได้รับบาดเจ็บที่หลังช่วงที่เล่นให้กับลีกของแคนาดา ทำให้เขาหันไปประกอบอาชีพเป็นนักมวยปล้ำอีกครั้งหลังจากนั้น 1 ปี

 

แผน10ปีเป็นนักแสดงดังในฮอลลีวูด

แม้ว่าเส้นทางทั้งการเป็นนักมวยปล้ำและนักฟุตบอลดูเหมือนกำลังรุ่งเรือง แต่ลึก ๆ แล้วสำหรับดเวย์น จอห์นสัน เขากลับมองหาอาชีพที่มั่นคงมากกว่านี้ ซึ่งตั้งแต่ที่เขาประสบอุบัติเหตุช่วงที่เป็นนักฟุตบอล เขาเริ่มวางแผนที่จะเข้าสู่วงการฮอลลีวูด ซึ่งได้วางเป้าไว้เป็นเวลา 10-12 ปี เพื่อผลักดันตัวเองกับเรื่องนี้

ในปี 2020 เขาได้โพสต์วิดีโอใน Instagram ส่วนตัวว่า “ผมเริ่มเกษียณจากอาชีพมวยปล้ำอย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่อายุ 29 ปี”

เขายังพูดอีกว่า “ผมสามารถวิ่งอย่างน่าทึ่งในฐานะนักมวยปล้ำมืออาชีพ แต่เป้าหมายทุกครั้งที่ขึ้นสังเวียนเพื่อสร้างความบันเทิงเท่านั้น ในความคิดผมคือเราไม่จำเป็นต้องชนะเลย” ซึ่งก็น่าจะเป็นเหตุผลบางส่วนที่ความฝันสูงสุดของเขาคือการได้เข้ามาอยู่ในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด มากกว่าจะยึดอาชีพนักมวยปล้ำต่อไป

“ผมอยากเป็นนักแสดงอันดับหนึ่งในโลกของฮอลลีวูดในแง่ของคนที่ประสบความสำเร็จและมีคนเป็นจำนวนมากยอมจ่ายค่าตั๋วเพื่อมาชมการแสดง”

ซึ่งภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาก็คือ การรับบทเป็น ‘ราชาแมงป่อง The Scorpion King’ ในเรื่อง The Mummy Returns ในปี 2001 ได้รับเสียงต้อนรับค่อนข้างดีจนถูกนำมาสร้างภาคแยกเป็นของตัวเอง

อาชีพนักแสดงของเขายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในแต่ละเรื่องเรียกว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดีทั้งหมด ไม่ใช่แค่ในสำหรัฐอเมริกา แต่กระแสดีในทุกประเทศที่ฉายภาพยนตร์ด้วย เช่น Driver (2010), Journey 2: The Mysterious Island (2012), Fast & Furious 6 (2013), G.I. Joe: Retaliation (2013), Hercules (2014), Furious Seven (2015), San Andreas (2015), Jumanji (2018), Hobbs & Shaw (2019) จนมาเรื่องล่าสุดก็คือ Black Adam (2022)

นี่เป็นเพียงบางส่วนที่ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพว่า งานการแสดงของ ดเวย์น จอห์นสัน ไม่เคยหายไปจากจอภาพยนตร์เลย ยิ่งกว่านั้นความฝันที่เขาอยากเป็น big guy ในวงการฮอลลีวูดดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จนานมากแล้ว

แม้ว่าจะไม่เป็นที่แน่ชัดว่าดเวย์น จอห์นสัน สร้างรายได้ไปมากแค่ไหนในปี 2021 แต่คาดว่านักแสดงคนนี้จะมีรายได้ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีจากแหล่งรายได้ต่าง ๆ ของเขา ทั้งจากการแสดงภาพยนตร์, การโชว์ตัว, การออกรายงานโทรทัศน์ และรับงานมวยปล้ำเป็นบางครั้งบางคราว ซึ่งผลงานการแสดงของเขาเป็นที่ยอมรับของทั่วโลกอย่างไม่มีข้อกังขาแม้แต่น้อย

 

 

ภาพ: Getty Images, imdb

อ้างอิง:

https://www.biography.com/news/dwayne-johnson-the-rock-facts

https://www.biography.com/actor/dwayne-johnson

https://www.imdb.com/name/nm0425005/bio

https://parade.com/celebrities/dwayne-johnson-net-worth