เส้นทางชีวิต ไบร์ท วชิรวิชญ์ ที่เก่งรอบด้าน สร้างมูลค่าทางสื่อให้ Burberry 6 ร้อยล้านบ.

เส้นทางชีวิต ไบร์ท วชิรวิชญ์ ที่เก่งรอบด้าน สร้างมูลค่าทางสื่อให้ Burberry 6 ร้อยล้านบ.

นักแสดงหนุ่มรุ่นใหม่ที่มาแรงยุคนี้ ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี ติดลิสต์ดาราซึ่งโดดเด่นเตะตาในระดับนานาชาติ จากพิธีกรรายการ แจ้งเกิดในซีรีส์ Y มาสู่อินฟลูเอนเซอร์ ที่สร้างมูลค่าให้แบรนด์หรูอย่าง Burberry หลักร้อยล้าน

ก่อนจะไปดูเส้นทางอาชีพของนักแสดงหนุ่ม ภูมิหลังของไบร์ท มีชื่อจริงว่า วชิรวิชญ์ ชีวอารี  เป็นพิธีกร นักแสดง นายแบบ นักร้อง และอินฟลูเอนเซอร์คนดังในวงการบันเทิงไทย เกิดเมื่อวันที่  27 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ปัจจุบัน (ณ 5 พ.ย. 2565) กำลังจะอายุ 25 ปีบริบูรณ์ 

ไบร์ท มีเชื้อสายไทย-จีน-อเมริกัน โดยเชื้อสายอเมริกันมาจากทางคุณปู่ ส่วนเชื้อสายจีนมาจากคุณตา ส่วนคุณย่าและคุณยาย เป็นคนไทย

ในด้านการศึกษาสำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนอนุบาลสุธีธร จังหวัดนครปฐม มัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นที่ 134 และมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่ 76 เคยเข้าศึกษาในโครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ (TEPE) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจะย้ายไปเรียน Marketing (หลักสูตรนานาชาติ) ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ  ซึ่งเจ้าตัวมีกำหนดการเข้ารับปริญญาในเดือนธันวาคม 2565 

ไบร์ทกับเส้นทางในวงการบันเทิง

ไบร์ท เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากการเป็นพิธีกรในรายการ สตรอเบอรี่ครับเค้ก รุ่นที่ 6 ทางช่อง 3 (ปี 2556-2558) รุ่นเดียวกับ น้ำตาล - ทิพนารี วีรวัฒโนดม และ พลัสเตอร์ - พรพิพัฒน์ พัฒนเศรษฐานนท์ เพื่อนร่วมค่ายในปัจจุบัน และมีผลงานทางการแสดงครั้งแรกในชีวิตออกมาในปี พ.ศ. 2556 ด้วยผลงานละครสั้นของเหล่าพิธีกรในสตรอเบอรี่ครับเค้ก ชุด The Beginning

โดยไบร์ทแสดงในเรื่องที่ 3 ตอน รักร้อยเมตร สร้างโดย ดวงมาลีมณีจันทร์ ร่วมกับ นาดาวบางกอก แสดงคู่กับ เอย - ธัญญาภรณ์ เลาหมนตรี ก่อนจะมีผลงานทยอยออกมาเรื่อย ๆ ทั้งในส่วนของละครทีวี ภาพยนตร์ และมิวสิควิดีโอ

ในปี พ.ศ. 2561 ไบร์ท ได้ออดิชั่นเข้าร่วมโครงการ GMM25 New Face 2018 และได้เป็น 1 ใน 8 คนที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครมากกว่าหมื่นคน และได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นนักแสดงในสังกัดจีเอ็มเอ็มทีวี พร้อมผลงานแรกด้วยการเป็นนักแสดงในซีรีส์ชุด Love Song Love Series ตอนเราและนาย

ปี พ.ศ. 2562 ไบร์ท รับบทรองในละครเรื่อง ก่อนอรุณจะรุ่ง จากนั้นก็เริ่มเป็นที่สนใจจากการรับบทพระเอกวัยเด็กในเรื่อง รักฉุดใจนายฉุกเฉิน My Ambulance ทางช่อง ONE31 และได้มาทำงานเป็นพิธีกรรายการ โตแล้ว ทางช่อง GMM25 ตั้งแต่ตอนที่ 135 เป็นต้นมาจบกระทั่งจบซีซั่น ปี พ.ศ. 2563 รวมถึงเป็นพิธีกรร่วม 2 รายการ ได้แก่ เพราะเราเล่นกัน และ BrightWin Inbox และช่วงปลายปี 2563 ไบร์ทกลับมาเป็นพิธีกรรายการ โตแล้ว ซีซั่น 2 ในชื่อ โตแล้วเป็นคนทุกที่

พ.ศ. 2563 ไบร์ทกลายเป็นนักแสดงมีชื่อเสียงมากขึ้น จนเรียกได้ว่าดังเป็นพลุแตกได้อย่างเต็มปาก จากการรับบท สารวัตร คู่กับ มิน - เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร ในซีรีส์ “เพราะเราคู่กัน” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทำยอดวิวอันดับ 1 บน LINETV ในช่วงครึ่งปีแรก 

แถมยังโด่งดังมาก ๆ ในต่างประเทศ พลิกชีวิตของไบร์ทจากหน้ามือเป็นหลังมือ พร้อมเกิดเป็นคู่จิ้น “ไบร์ทวิน” ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่สาววายทั้งไทยและต่างประเทศ จนเกิดเป็นภาคต่อ ให้ไบร์ทได้กลับมารับบท สารวัตร อีกครั้งในซีรีส์ “เพราะเรา(ยัง)คู่กัน” และในภาพยนตร์ “เพราะเราคู่กัน The Movie”

พ.ศ. 2564 ไบร์ทได้รับบทนำคู่กับ ตู - ต้นตะวัน ตันติเวชกุล ในซีรีส์ F4 Thailand เวอร์ชันไทย ผลงานรีเมคที่สร้างจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังเรื่อง Hana Yori Dango ที่ได้รับการถ่ายทอดเป็นซีรีส์ฮิตมาแล้วทั่วเอเชีย อีกหนึ่งผลงานสร้างชื่อให้กับ ไบร์ท วชิรวิชญ์ ก้าวขึ้นไปเป็นนักแสดงมาแรงในวงการบันเทิง

เส้นทางชีวิต ไบร์ท วชิรวิชญ์ ที่เก่งรอบด้าน สร้างมูลค่าทางสื่อให้ Burberry 6 ร้อยล้านบ.

ไบร์ทกับเส้นทางนักร้อง

ไบร์ทเติบโตมาในครอบครัวที่ทำโรงเรียนสอนดนตรี เขาจึงซึบซับเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็ก  และสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลาย ทั้ง กีตาร์ เปียโน เบส และกลอง

หลังจากได้ออดิชั่นเข้าสู่จีเอ็มเอ็มทีวี ได้ร้องคัฟเวอร์เพลงลง GMM25 Thailand YouTube ในชุด Song After Six จนกระทั่งมีนาคม 2563 วชิรวิชญ์ ออกซิงเกิ้ลแรกกับทาง GMMTV Records เป็นเพลงประกอบละคร เพราะเราคู่กัน คือ คั่นกู 

หลังจากที่ปล่อยออกมาเพลงทะยานขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตประจำสัปดาห์ของ Jook ปลายเดือนกรกฎาคม ไบรท์ออกซิงเกิ้ลเพลงคัฟเวอร์ With A Smile ของวงอัลเทอร์เนทีฟร็อกชาวฟิลิปปินส์ระดับตำนานอย่าง Eraserheads เพื่อเป็นเพลงละคร “เพราะเรา(ยัง)คู่กัน” ที่ออกอากาศในฟิลิปปินส์

ถือเป็นผลงานในต่างประเทศชิ้นแรกของเขา และมีซิงเกิ้ลคู่กับ วิน เมธวิน อย่างเพลง “ยังคู่กัน” (Still Together) ซึ่งเป็นเพลงประกอบละคร เพราะเรา(ยัง)คู่กันที่ฉายในประเทศไทยอีกด้วย

กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ไบร์ทมีผลงานในฐานะนักร้องอีกครั้ง โดยการฟีเจอริงร่วมกับ F.HERO ในซิงเกิ้ลแรก เปิดค่าย High Cloud Entertainment ชื่อเพลง Sad Movie นอกจากนี้ไบร์ทยังได้เป็น 1 ใน 9 ศิลปินของ GMMTV ในโปรเจกต์อัลบั้ม Boys Don't Cry อีกด้วย

ไบร์ทกับดราม่าใหญ่ในชีวิต

ความสำเร็จจากซีรีส์เรื่อง เพราะเราคู่กัน 2gether The Series ทำให้ไบร์ทกลายเป็นดาวรุ่งของวงการบันเทิง ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีงานต่าง ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง ไบร์ท เจอเข้ากับดราม่าหลายเรื่อง อาทิเช่น ดราม่าจากการรีทวีตรูปวิวอาคารในเมืองของช่างภาพคนหนึ่ง ที่ระบุว่า “4 ภาพนี้ถ่ายจาก 4 ประเทศ ฮ่องกง-ญี่ปุ่น-สิงคโปร์-ไทย”

สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนคลับชาวจีนที่ทวีตเรียกฮ่องกงเป็นประเทศ ก่อนที่ไบร์ทจะออกมาขอโทษและบอกว่าเป็นการรีทวีตที่คิดน้อยไป ซึ่งแฟนคลับไทยก็ออกมาปกป้องไบร์ท และมองว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

ด้านแฟนคลับจีนก็ยังไม่หยุดความไม่พอใจ เข้าไปขุดภาพเก่า ๆ ในอินสตาแกรมของนิว (แฟนสาวของไบร์ทในตอนนั้น) แล้วเจอกับรูปตอนไปเที่ยวแล้วไบร์ทมาคอมเมนต์ว่า “สวยจัง เหมือนสาวจีนเลย” 

ซึ่งทางนิวตอบว่า “รายง่ะ” ซึ่งพอชาวจีนเอาไปแปลจะได้ความหมายว่า “What?” ทำให้เกิดความรู้สึกในทางลบ รวมถึงคอมเมนต์ตอบกลับเพื่อนที่เข้ามาคอมเมนต์ว่า “แนวไหน” นิวตอบเพื่อนว่า “สาวไต้หวันไง” ทำให้แฟนคลับชาวจีนยิ่งไม่พอใจ และโต้ตอบกับชาวเน็ตในไทย ผ่านแฮชแท็ก #nnevvy รวมถึงการถกเถียงเรื่องสถานะของไต้หวันและฮ่องกง จนมีคนฮ่องกงและไต้หวันมาร่วมทวีตด้วย นำไปสู่การเกิดแฮชแท็กดังอย่าง #ชานมข้นกว่าเลือด และ #MilkTeaAlliance ขึ้นมา

ไบร์ทกับการถูกขุดเรื่องราวฝนอดีตจนเกิดแฮชแท็ก #boycottBright ในปี พ.ศ. 2563

ต้นตอของเรื่องนี้มาจากบทสัมภาษณ์ของไบร์ทในนิตยสารเล่มหนึ่งที่เจ้าตัวได้เอ่ยถึงเรื่องวีรกรรมวัยเด็ก และเกิดการออกมาแฉของคนร่วมสถาบันถึงเรื่องว่าไบร์ท เคยเตะบอลอัดใส่คนอื่น 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องการทำงาน การสูบบุหรี่ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกหลายต่อหลายเรื่อง จนเป็นที่มาของแฮชแท็ก #boycottBright ในทวิตเตอร์

ดราม่าเรื่องเก่ายังไม่ทันซา เรื่องใหม่เข้ามาอีก กับ “ดราม่าคอนโดหรู” ในปี พ.ศ. 2564 ว่าไบร์ท ไม่ให้ความร่วมมือที่จะให้เจ้าของห้องพาผู้ซื้อรายใหม่ไปดูคอนโด บวกกับมีเงื่อนไขเยอะ จนมีปากเสียงและทำให้เรื่องบานปลาย ก่อนที่ผู้จัดการส่วนตัวของไบร์ท จะชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า ตนคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ส่วนไบร์ทไปทำงานและไม่ได้เข้ามาดูห้องด้วยกัน

ชี้แจงว่าการนัดหมายเข้ามาดูห้องนั้นกระชั้นชิดเกินไป ทำให้ไบร์ท ที่เป็นผู้เช่าไม่สามารถอยู่พบเจ้าของห้องได้ และที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปดูห้องนอน เป็นเงื่อนไขที่ได้แจ้งและขอร้องตั้งแต่ตกลงกัน เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่พร้อมให้ผู้อื่นเข้า ซึ่งได้เตรียมห้องรับแขกและห้องต่าง ๆ ให้ผู้เข้าชมห้องพักได้ดูแล้ว

ส่วนเรื่องต้องตรวจโควิดก่อนเข้ามาก็เพราะด้วยสถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดอย่างรุนแรง ในห้องมีคุณแม่ที่ถือเป็นผู้สูงอายุอยู่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเข้มงวด อีกทั้งตัวไบร์ท ยังต้องทำงานกับคนอีกจำนวนมาก การระวังตัวจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำในสถานการณ์ยุคโควิด

ไบรท์กับดราม่ามีเอี่ยวแชร์ลูกโซ่ดัง Forex 3D

ไบร์ทเป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่มีภาพและชื่อปรากฎในคดีแชร์ลูกโซ่ Forex 3D จากภาพใกล้ชิด อภิรักษ์ โกฎธิ ซีอีโอ Forex 3D ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 ก่อนที่ไบร์ท จะออกมาชี้แจงว่าตัวเองก็ตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน และสูญเงินไปกว่า 7 แสนบาท เป็นบทเรียนผิดพลาดเพราะความโลภในวัยเด็กอยากหาเงินช่วยครอบครัว โดยใจความช่วงหนึ่งไบร์ทเปิดใจถึงประเด็นนี้เอาไว้ว่า

“ยอมรับว่าตั้งแต่มีข่าวผมไม่สบายใจเลยครับ ความเครียดมันไม่ได้ตกอยู่แค่ที่ผม คนรอบตัว แม่ หรืออะไรก็ตาม ทุกๆ คนเครียดมากคือเรารู้สึกว่า ณ วันนั้นเราเครียดกับผลกระทบที่มันเกิดขึ้น ณ วันนี้มีข่าวขึ้นมาอีกมันก็หนักมากๆ จริงๆ ครับ ผมขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณคนที่เชื่อใจ ขอบคุณแฟนๆ ที่เชื่อมั่นในตัวผมครับ

ผมอยากจะขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้ให้บทเรียนที่มันเกิดขึ้นกับตัวผมครั้งนี้อยากจะให้เป็นบทเรียนสำหรับทุกๆ คนเลย ไม่อยากให้ใครต้องมาถูกหลอก ไม่อยากให้ใครต้องมาเสียหายกับเรื่องแบบนี้อีกครับ ก็อยากจะขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนครับ”

ไบร์ทกับตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Burberry คนแรกแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตอนใต้

28 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ไบร์ทได้รับการแต่งตั้งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ Burberry ลักชัวรี่แบรนด์ชื่อดังจากประเทศอังกฤษ และยังถือว่าไบร์ทเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตอนใต้อีกด้วย

หลังจากในปี พ.ศ. 2563 ที่ประสบความสำเร็จมาจากซีรีส์ Y และได้รับโอกาสถ่ายแบบให้กับ Burberry รวมถึงสวมใส่ชุดของ Burberry ออกงานสำคัญต่าง ๆ เสมอ อีกทั้งไบร์ท ยังมีโปรเจ็กต์ร่วมกับทาง Burberry โดยการเป็น 1 ใน 4 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกจาก Burberry ให้ร่วมถ่ายทอดอัตลักษณ์ของตนผ่านเทรนช์โค้ตของ Burberry ร่วมกับ เอเลนอร์ ลี (Eleanor Lee) นักแสดงชาวสิงคโปร์, อฟา แอนฟา (Afa Annfa) นักทัศนศิลป์และผู้วาดภาพประกอบจากฮ่องกง และ เยลโล่ (YELLOW) นักดนตรีอันเดอร์กราวด์จากไต้หวัน  

ไม่เพียงเท่านั้น ไบร์ท ยังได้ร่วมโปรเจกต์อื่น ๆ ของทาง Burberry ตลอดจนได้เข้าร่วมงานแฟชั่นเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์ ก่อนจะมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในที่สุด

ล่าสุด ในการเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ THE BURBERRY SPRING/SUMMER 2023 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2022 ชื่อของไบร์ทได้รับความสนใจและถูกพูดถึงอย่างมากจากฟากฝั่งสื่อแฟชั่นเมืองนอก

ซึ่งภายในงาน ไบร์ท ยังได้ร่วมชมแฟชั่นโชว์ และพบปะคนดังและคนในวงการแฟชั่นระดับโลกมากมาย แถมยังได้ถ่ายภาพร่วมกับ ริคคาร์โด ทิสซี (Riccardo Tisci) แฟชั่นดีไซน์เนอร์ดังและเจ้าของตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Burberry อีกด้วย

ขณะที่ในทวิตเตอร์มีการพูดถึงและติดแฮชแท็ก #BurberrySS23xBright จนยอดทวิตทะลุ 1 ล้านครั้ง ตอกย้ำความปังของผู้ชายที่ชื่อว่า ไบร์ท วชิรวิชญ์ ได้เป็นอย่างดี

ไบรท์กับตำแหน่งอินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์ไฮเอนด์ ผู้สร้างมูลค่าให้ Burberry หลักร้อยล้าน

หลังสร้างตำนานความหล่อในงานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ Burberry ตามที่กล่าวไปข้างต้น สื่อต่างประเทศอย่าง WWD อ้างอิงข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมของ Launchmetrics เปิดเผยว่า การปรากฏตัวของไบร์ทในโชว์คอลเล็กชั่นล่าสุดของ Burberry ช่วยสร้างมูลค่าทางสื่อ หรือ Media Impact Value (MIV) ให้แบรนด์ได้มากถึง 17.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 670 ล้านบาท 

ซึ่ง MIV ในรายงานดังกล่าวนี้ วัดจากการเข้าถึง การมีส่วนร่วมในสื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปินนั้น ๆ รวมถึงโซเชียลมีเดียที่มีการพูดถึง Like, Share, Comments หรือคลิกลิงก์ผ่านเว็บไซต์

ทำให้เวลานี้ชื่อของ ไบร์ท วชิรวิชญ์ ขึ้นแท่นเป็นคนบันเทิงไทยที่ทรงอิทธิพลด้านสื่อและน่าจับตามองในวงการแฟชั่นอีกคนไปแล้ว

 

อ้างอิง:

https://wwd.com/fashion-news/designer-luxury/fashion-week-data-launchmetrics-ss23-audience-1235406878/