ชีวิตบทใหม่ของ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ จากอัลบั้ม ‘Midnights’ ที่สร้างปรากฎการณ์อันลือลั่น

ชีวิตบทใหม่ของ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ จากอัลบั้ม ‘Midnights’ ที่สร้างปรากฎการณ์อันลือลั่น

‘Midnights’ อัลบั้มล่าสุดของ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ บอกเล่าเรื่องกลางรัตติกาลที่ไม่อาจหลับไหล ความรักที่ผ่านมาเนิ่นนาน บาดแผลจากครั้งอดีตกาล และความเมามายในราตรีเงียบสงัด

  • อัลบั้ม ‘Midnights’ ของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) สร้างปรากฏการณ์มากมาย ตามมาด้วยควันหลงถึงช่วงทัวร์คอนเสิร์ต
  • เทย์เลอร์ สวิฟต์ สร้างสรรค์หลายบทเพลงที่ตอกย้ำว่า เธอเป็นนักกวีเพลงซึ่งออกแบบรายละเอียดอย่างแยบยล

เจ้าของค่ำคืนเงียบสงัด ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ (Taylor Swift) ได้เขียนบรรยายถึงผลงานอัลบั้มชุดที่ 10 ของเธอเอาไว้ว่า 

“เราล้มกายลงนอนแต่ไม่อาจข่มตาหลับ จมดิ่งลงไปในความรัก ความกลัว ความว้าวุ่น และหยาดน้ำตา เราเมามายจนกำแพงสามารถเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาได้ เราดิ้นทุรนทุรายในกรงขังที่เราเองเป็นผู้สร้าง สวดภาวนาในวินาทีนั้น ขอเราอย่าได้สร้างความผิดพลาดที่จะเป็นภัยแก่ตนอีกเลย”

หลังเผยแพร่ re-record album (Taylor’s Version) เทย์เลอร์ ได้ปล่อยอัลบั้ม ‘Midnights’ ซึ่งเป็นการกลับมาทำ Pop Album อีกครั้งของเธอ หลังจากที่หันไปทำอัลบั้มเพลงอัลเทอร์เนทีฟ อย่าง ‘Folklore’ และ ‘Evermore’ โดยในเส้นทางอาชีพของเธอ เทย์เลอร์ ประสบความสำเร็จในทุกแนวเพลงที่เคยผลิตผลงานออกมา

แนวเพลงป็อปเป็นแนวเพลงที่เธอเองก็สร้างสรรค์ผลงานได้ออกมายอดเยี่ยมเช่นกัน สามารถพิสูจน์ได้จากการส่งอัลบั้มที่ 5 ของเธอ ‘1989’ ซึ่งเป็นอัลบั้มเพลงป็อปขึ้นรับรางวัลใหญ่อย่าง ‘รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี’ (Album of the Year) ณ เวทีระดับโลกอย่างงานประกาศรางวัล GRAMMY Awards ครั้งที่ 58 ประจำปี 2016 มาแล้วครั้งหนึ่ง จึงถือได้ว่าเป็นหลักฐานรับรองความสามารถในการทำเพลงป็อบของเธออย่างไม่ต้องสงสัย

และ Midnights ก็สร้างสถิติการขายและยอดสตรีมมิ่งที่น่าทึ่งมากมายในสัปดาห์ที่ปล่อยออกมาในท้ายที่สุด

เมื่อ 5 ปีก่อน อัลบั้มชุดที่ 6 ของเธอเองอย่าง ‘Reputation’ ได้สร้างสถิติการขาย traditional album สูงที่สุดตลอดการในประเทศอังกฤษ โดยทำยอดขายไปได้ 1.216 ล้านก๊อบปี้ภายในสัปดาห์เดียว แต่ที่น่าตกใจคือ Midnights สามารถลบสถิตินั้นได้ภายใน 4 วันเท่านั้น และรวมถึงการกลายเป็นศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถมีเพลงที่ครอง10 อันดับแรกบนชาร์ต Billboard Hot 100 ไว้แต่เพียงผู้เดียวภายในสัปดาห์เดียวอีกด้วย

เรื่องราวในอัลบั้มนี้ประกอบไปด้วยหลากหลายประเด็นที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นความรักทั้งที่สุขและทุกข์ที่มักจะปรากฏในทุก ๆ อัลบั้ม จากความเชื่อของเธอที่ว่า “ผู้คนมักต้องการบทเพลงในช่วงที่ตกหลุมรักและเมื่อเจ็บปวดจากมัน” นอกเหนือจากนั้น ยังมีเรื่องราวการเติบโตของเธอบนเส้นทางอาชีพนี้อีกด้วย

Lavender Haze แทร็กที่ 1 ของอัลบั้ม กับคำโปรยก่อนเข้าเวิร์สแรก ว่า “Meet me at midnight” หรือ “ออกมาพบฉันตอนเที่ยงคืน” เหมาะที่จะเป็นเพลงเปิดอัลบั้มอย่างไม่ต้องสงสัย

นักกวีหญิงอย่างเทย์เลอร์ มักจะหาสิ่งน่าสนใจใหม่ ๆ เพื่อนำมาเป็นแรกบันดาลใจในการแต่เพลง จนได้มาเจอกับวลีที่สื่อถึงการตกหลุมรักใครสักคนเข้าอย่างจังในยุค 50s อย่าง ‘Lavendr Haze’ หรือ ‘ม่านหมอกสีม่วง’ แน่นอนว่าเทย์เลอร์ ที่มักเปรียบความรักเป็นสีต่าง ๆ ย่อมไม่ยอมปล่อยถ้อยคำที่สวยงามและนุ่มนวลเช่นนี้ผ่านไปอย่างสูญเปล่า

เธอเล่าว่า เพลงนี้นำเสนอสองด้านในชีวิตของเธอ นั่นคือด้านความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนหนุ่ม ‘โจ อัลวิน’ (Joe Alwyn) ที่เก็บเป็นส่วนตัวและหลีกเลี่ยงอย่างสุดกำลังที่จะเปิดเผยกับสื่อ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือการที่สื่อมักจะคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ แล้วแพร่ข่าวลือผิด ๆ ออกไป 

เหล่าแฟน ๆ ของเธอยังมีการคาดเดาอีกด้วยว่า เพลงนี้จะถูกตัดออกมาเป็นซิงเกิ้ลและมีมิวสิกวิดีโอประกอบ จากตัวอย่างทีเซอร์ที่เธอปล่อยออกมาซึ่งประกอบไปด้วยการรวมบางช่วงบางตอนของมิวสิกวิดีโอที่กำลังจะถูกเผยแพร่ออกมา 3 มิวสิกวิดีโอด้วยกัน และสองในสามได้ถูกปล่อยออกมาแล้ว ได้แก่ ‘Anti-Hero’ และ ‘Bejeweled’

ที่น่าสังเกตคือ มีบางช่วงที่ยังไม่ได้ปรากฏอยู่ในมิวสิกวิดีโอทั้งสอง ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ในฟุตเทจเหล่านั้นมีควันสีม่วงคละคลุ้งไปทั่วฉาก จึงไม่แปลกใจเลยที่แฟนคลับของเธอจะคาดเดาไปในทิศทางนั้น

Anti-Hero แทร็กที่ 3 ของอัลบั้ม เป็นเพลงโปรดของเทย์เลอร์ สวิฟต์ โดยเธอออกมาพูดด้วยตัวเธอเอง เธอยังบอกอีกว่า ตั้งใจสื่อประเด็นความไม่มั่นใจในตัวเองและความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นกับเธอ

เพลงนี้เปรียบเสมือนการนำเหล่าแฟน ๆ ของเธอท่องเที่ยวไปในส่วนลึกของจิตใจเธอเพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่เธอเคยเกลียดในตัวเอง นั่นทำให้แฟน ๆ ของเธอไม่รู้สึกโดดเดี่ยวที่จะจมอยู่ในส่วนลึกในจิตใจที่พวกเขาเหล่านั้นเป็นคนสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง เพราะแม้แต่เทย์เลอร์ เองก็มีความในใจดำมืดเช่นเดียวกัน และเธอได้ตั้งคำถามกับตัวเธอเอง และใครก็ตามที่กำลังเจอปัญหาการชิงชังตัวเอง ว่า “เราจะชอบตัวเองในแบบที่เราเป็นได้ไหม?” และเธอได้กล่าวอีกว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่ออกมาจากใจเธอจริง ๆ 

เพลงที่แต่งออกมาจากใจและยังเป็นถึงเพลงที่นักกวีบทเพลงอย่างเทย์เลอร์ ถึงกับพูดว่ามันเป็นหนึ่งในเพลงที่เธอชอบที่สุด ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันเป็นเพลงชั้นยอดด้วยการครองอับดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ได้จนถึงปัจจุบัน (29 พฤศจิกายน 2565) คือเพลงแทร็คที่ 3 Anti-Hero ที่เปิดตัวอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Global 200 และมียอดสตรีมมากถึง 141.9 ล้านครั้ง และมียอดขาย 20,700 ก๊อบปี้ 

การขึ้นบัลลังก์ที่จุดสูงสุดบนชาร์จของเพลง Anti-Hero ยังมีอีกหนึ่งแรงส่งที่แฝงอยู่ในเทคนิคการทำเพลงของเธอ จะสังเกตได้ว่าเพลง Anti-Hero นั้น มีดนตรีนำ 5 วินาทีก่อนที่เธอจะเริ่มร้องท่อนแรกในวินาทีที่ 45 และมีทั้งหมด 3 ท่อน จนจบลงทันทีเมื่อครบ 3นาที 20 วินาที

รายละเอียดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นไทม์สแตมป์ที่งานศิลปะในรูปแบบของดนตรีมักใช้กันอย่างแพร่หลาย เราอาจคาดเดาว่าเทคนิคเหล่านี้ได้โปรดิวซ์เซอร์คู่บุญที่ทำงานร่วมกันมาร่วมทศวรรษอย่าง ‘แจ๊ค แอนโทนอฟ’ (Jack Antonoff) หรือนักแต่งเพลงร่วมคนอื่น ๆ ของเธอช่วยออกไอเดียก็เป็นได้ เทคนิคนี้สามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า ‘กฎเพลง 3 นาที’ (The three-minutes song rules) เพื่อตอบโจทย์การสตรีมเพลงบนแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Spotify และดึงผู้คนให้ฟังเพลงต่อไปจนจบ

อีกหนึ่งเพลงที่เป็นที่ฮือฮา จนทำให้อัลบั้มนี้เป็นกระแสไวรัลที่เชี่ยวกราดในโลกอินเตอร์เน็ต นั่นคือ Snow on the Beach แทร็กที่ 4 ของอัลบั้มที่ได้คอลแลบร่วมกับนักร้องหญิงที่สร้างสรรค์งานศิลปะผ่านบทเพลงเช่นเดียวกันอย่าง ‘ลาน่า เดล เรย์’ (Lana Del Ray) ซึ่งเหล่าแฟนเพลงจากทั้งสองศิลปินได้มีการเรียกร้องและเฝ้ารออย่างยาวนานถึงการร่วมงานของสองศิลปินหญิงแห่งยุค

เช่นเดียวกันกับ Anti-Hero เทย์เลอร์ ออกมาบอกเล่าถึงเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในเพลงนี้เช่นกัน โดยเธอเล่าว่า เธอเองเป็นแฟนเพลงผู้ภัคดีของลาน่า มาเนิ่นนาน เธอยกลาน่า ขึ้นหิ้งเป็นดั่งศิลปินชั้นยอดสำหรับเธอ และเธอไม่อาจเลี่ยงที่จะพูดว่า เธอดีใจแค่ไหนที่ได้ร่วมงานกับลาน่า และเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าใครก็ตามที่ได้ฟังเพลงนี้ จะรักมันเหมือนที่เธอรัก

เพลงนี้บอกเล่าเรื่องราวของความรักที่สมหวัง และถูกที่ถูกเวลาอย่างเหลือเชื่อ จึงทำให้คุณจำเป็นต้องหยิกตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน ความเหลือเชื่อนั้น ถูกเทย์เลอร์ เปรียบเปรยเป็นเหมือนหิมะที่ตกอยู่บนชายหาด

‘Sweet Nothing’ แทร็กที่ 12 จะพบได้ว่าเนื้อเพลงถูกแต่ร่วงกับ ‘วิลเลียม โบเวอรี่’(William Bowery) นั่นคือนามปากกาของคนที่เรารู้จักกันดีในฐานะแฟนหนุ่มของเทย์เลอร์

โดยเพลงในอัลบั้มนี้เองก็มีหนุ่มโจ มาร่วมแต่งเนื้อเพลงด้วยเช่นกัน นั่นทำให้มีหลายเพลงที่บอกเล่าความรักที่สวยงามราวกับทเพนิยายระหว่างพวกเขาผ่านการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงที่ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าการมีคนที่รักคอยดูแล ปลอบประโลมกันในช่วงเวลาที่เธออ่อนล้า

ความรักในปัจจุบันที่ราบรื่น ไม่ได้กีดกันเธอจากการแต่งเพลงเกี่ยวกับความรักดำมืดเมื่อครั้งอดีตที่เธอผ่านมา อัลบั้มนี้ได้มีการเพิ่มโบนัสแทร็กเข้ามาภายหลังทั้งหมด 7 เพลง และหนึ่งในนั้นอย่างเพลง ‘Would’ve, Could’ve, Should’ve’ ได้พูดถึงความรักที่เกิดกับเธอในวัย 19 ปี ที่หากเธอย้อนกลับไปได้ จะไม่ขอตกหลุมรักใครคนนั้นอีกเลย เพราะปัจจุบันเธอเสียดายช่วงเวลาวัยเยาว์ที่เธอเสียอย่างไม่อาจหวนคืนมากับอดีตคนรักที่เธอเปรียบเป็น ‘ปีศาจ’ ในบทเพลง

นอกเหนือจากเรื่องความรัก อัลบั้มนี้ยังแทรกเพลงที่มีความหมายจิกกัดอย่าง Vigilante Shit’ แทร็กที่ 8 ของอัลบั้ม ซึ่งแฝงบรรยากาศคุกรุ่นของไฟแค้นอย่างเด่นชัด การที่เธอเป็นผู้เขียนเนื้อเพลงแต่เพียงผู้เดียวยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่า เนื้อเพลงนี้ได้ความโกรธแค้นฝังลึกในใจเธอเป็นผู้เรียบเรียง

เทย์เลอร์ ยังมีอีกหนึ่งเกมที่เธอมักเล่นกับแฟนเพลงของเธอเสมอ นั่นคือการซ่อนปริศนามากมายในดีเทลเล็กน้อยที่อาจถูกมองข้ามได้ง่าย ๆ แต่เทย์เลอร์ มองต่างออกไป เธอเลือกที่จะทำให้ดีเทลเล็กน้อยในผลงานของเธอมีคุณค่าแบบที่ไม่อาจทำใจเชื่อว่าจะเป็นไปได้

ปริศนาเกมถอดรหัสนี้แฝงอยู่ในมิวสิกวิดีโอเพลง เนื้อเพลง เสียงดนตรีประกอบ รูปภาพในอินสตาแกรมของเธอ หรือแม้กระทั่งในงานรับปริญญาของเธอที่ NYU University เพื่อบอกใบ้สิ่งที่อาจจะเกิดในอนาคตบนเส้นทางอาชีพของเธอ นั่นทำให้ทุกอย่างที่เป็นเทย์เลอร์ น่าค้นหา น่าติดตาม และไม่อาจมองข้ามแม้แต่นิดเดียวเพราะเราทุกคนอาจได้พบกับความตื่นเต้นเกินบรรยายที่จะได้พบบางอย่างที่เธอซ่อนไว้ 

อย่างในอัลบั้มนี้ก็ซ่อนคำใบ้ไว้มากมาย ในเอ็มวีเพลง Anti-Hero ก็ซ่อนจุดเชื่อมระหว่างเอ็มวีกับเนื้อเพลงให้เหล่าสวิฟตี้ได้เลือกนำไปตีความในแบบของตัวเองมากมาย ภายหลังเทย์เลอร์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเอ็มวีต่อมาที่เธอปล่อย นั่นคือเพลง Bejeweled อย่างเปิดเผยว่า เธอมีแม้กระทั่งไฟล์ PDF สำหรับลิสต์คำใบ้ที่เธอซ่อนไว้ในเอ็มวีและเสริมอีกว่า เธอใส่ Easter Egg ลงไปในเอ็มวีเพลงนี้อย่างบ้าคลั่งอีกด้วย

งานศิลปะที่เทย์เลอร์ ทุ่มเท ‘เลือดเนื้อ หยาดเหงื่อ และหยดน้ำตา’ เพื่อสร้างขึ้นมา นั่นคือเนื้อเพลงที่สละสลวยและลึกซึ้งในแบบที่ยากจะเทียบเคียง ในบางครั้ง เธอใช้เรื่องราวที่เกิดกับตัวละครในนิยายจากหนังสือหลาย ๆ เล่มที่เธอมักอ่านเป็นงานอดิเรกอยู่แล้วมาเรียบเรียงเป็นบทเพลงด้วยเช่นกัน

เพลงของเธอยังซ่อนใครบางคนเอาไว้เสมอ และมักจะเป็นคนรัก คนที่ย่ำยีจิตใจของเธอ ศัตรูตัวฉกาจ ไปจนถึงเหล่าผู้คนในโลกอินเทอร์เน็ตที่ชิงชังเธอเหลือเกิน จนถึงระยะหลังที่เพลงของเธอเริ่มพูดถึงปัญหาสังคม เช่นการเหยียดเพศ การเลือกตั้ง และความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ

ภายหลังความสำเร็จมากมายที่ Midnights ได้ทำเอาไว้ เธอได้ประกาศผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างเป็นทางการของเธอในทุกแฟลตฟอร์มที่ทำให้เหล่าแฟนเพลงของเธอทั่วทุกมุมโลกต้องตื่นตะลึง นั่นคือการกลับมาจัดทัวร์อีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนานถึง 5 ปี ในชื่อทัวร์ว่า The Eras Tour

ความแตกต่างของทัวร์ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การบรรเลงเพลงจากอัลบั้มล่าสุด แต่ยังเหมารวมไปถึงผลงานเพลงทั้งหมดตลอดการเดินทางบนเส้นทางอาชีพนักดนตรีของเธอ การหวนคืนสู่เวทีแสดงสดที่เหล่าแฟน ๆ รอคอยมาอย่างยาวนาน ทำให้ความต้องการตั๋วพุ่งสูงอย่างเป็นปรากฏการณ์ 

และด้วยปริมาณความต้องการอันมหาศาลนี้เอง ทำให้เกิดปัญหาครั้งใหญ่ที่ทำเอาเหล่าแฟน ๆ ทั่วโลกของเทย์เลอร์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก นั่นคือการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของทาง ‘ทิกเก็ตมาสเตอร์’ (Ticketmaster) ที่มีส่วนรับผิดชอบในการจัดจำหน่ายตั๋ว

ปัญหาที่เหล่าแฟน ๆ ต้องเผชิญความยากลำบากแสนสาหัสเพื่อให้ได้ตั๋วมา ตัวเทย์เลอร์ เองก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวโดยการแสดงความไม่พอใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแฟนคลับของเธอ

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ วิธีการแก้ปัญหาของทางทิกเก็ตมาสเตอร์ ที่เลือกยกเลิกการจำหน่ายตั๋ว และนั่นก็ทำให้เธอถึงกับออกมาพูดว่า “เรื่องนี้ทำให้ฉันฟิวส์ขาดสุด ๆ เลย”

ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้แฟน ๆ บางส่วนเริ่มจะพุ่งเป้าตามหาตั๋ว resale แทน แต่ราคาของตั๋วเหล่านั้นก็พุ่งสูงขึ้นจาก 338 เหรียญ ขึ้นเป็น 38,350 เหรียญ ทำให้ผู้คนในโลกอินเทอร์เน็ตออกมาล้อเลียนประเด็นดังกล่าวกันอย่างสนุกสนาน 

เรื่องราวเหล่านี้ตอกย้ำว่า เทย์เลอร์ เป็นที่ยอมรับในฐานะนักแต่งเพลงและนักถ่ายทอดเรื่องราวที่ยอดเยี่ยม บทเพลงที่ซ่อนเรื่องราวระทมทุกข์ ความสุขเกินบรรยาย ความฝันแสนหวาน ด้วยถ้อยคำคมคาย บาดลึกในผลงานทุกชิ้นของเธอคือเครื่องพิสูจน์ว่าศิลปินที่ชื่อ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ คือผู้ที่เป็นหัวหอกของ ‘อุตสาหกรรมดนตรี’ ในยุคนี้อย่างไร้ซึ่งข้อกังขาใด ๆ

 

เรื่อง: ปิยวรรณ พลพุทธ (The People Junior)

ภาพ: แฟ้มภาพ จาก Getty Images

อ้างอิง:

CNBC

Billboard

Urban Creature

Financial Times

Reuters