‘บ็อบ โอเดนเคิร์ก’ กับบททนายแสบใน Breaking Bad ที่คู่ควรทุกคำชม ไม่ว่าจะวืดหรือได้รางวัล

‘บ็อบ โอเดนเคิร์ก’ กับบททนายแสบใน Breaking Bad ที่คู่ควรทุกคำชม ไม่ว่าจะวืดหรือได้รางวัล

‘บ็อบ โอเดนเคิร์ก’ นักแสดงเจ้าของบททนายแสบแห่งซีรีส์ Breaking Bad และ Better Call Saul ผู้พิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรทุกคำชื่นชม แม้พลาดรางวัล(ที่เขาควรได้)มาหลายเวที

  • บ็อบ โอเดนเคิร์ก นักแสดงบท ซอล ในซีรีส์ Breaking Bad และ Better Call Saul ได้รับคำชื่นชมจากการแสดงอันยอดเยี่ยมอย่างล้นหลาม แต่กลับพลาดรางวัลในหลายเวที
  • ปี 2023 บ็อบ โอเดนเคิร์ก ได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากเวที Critics Choice Awards ได้สำเร็จ

“It’s All Good, Man (ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี สหาย)” คำพูดสั้น ๆ ที่ติดปากจากบทแจ้งเกิดของ ‘บ็อบ โอเดนเคิร์ก’ (Bob Odenkirk) อย่าง ซอล กู๊ดแมน (Saul Goodman) ในซีรีส์ ‘Breaking Bad’ และ ‘Better Call Saul’ เป็นคำที่อยากยืมมาพูดพลางเอามือแตะที่ไหล่เบา ๆ หลังจากที่เขาได้เข้าชิง Emmy Awards สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมถึง 6 ครั้ง และชิงลูกโลกทองคำ 5 ครั้ง แต่ไม่เคยชนะรางวัลแม้แต่ครั้งเดียว 

นี่อาจเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก แต่เป็นเรื่องจริง ถึงอย่างนั้น ก่อนจะเอามือแตะไหล่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่มีอะไรให้แสดงความเสียใจ เพราะนักแสดงคนนี้ทำดีที่สุดแล้ว และ ‘บ็อบ โอเดนเคิร์ก’ นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่ทำสิ่งที่ตัวเองรักได้ดีเสมอ แม้ว่าเขาจะเป็นคนประเภท late bloomer หรือดอกไม้ที่เบ่งบานช้าก็ตาม แต่ดอกไม้ต้นนี้เบิกบานมาตลอดเพียงแต่บางคนอาจไม่เคยเห็น และบัดนี้ค่อย ๆ เติบโตจนทุกวันนี้บานสะพรั่งแล้ว

 

บ็อบ โอเดนเคิร์ก ในวันที่โลกยังไม่รู้จัก

บ็อบ โอเดนเคิร์ก เป็นชาวเอลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แม่ของเขาพาเขาหนีจากพ่อที่ชื่อ วอลเตอร์ (Walter) เพราะต้องการให้ลูกหลีกหนีจากอิทธิพลหรือตัวอย่างที่ไม่ดีของผู้เป็นพ่อที่ทั้งติดเหล้า ไม่สนใจใยดี และดูแลตัวเองยังไม่ได้ ทำให้เขาเติบโตมากับแม่และน้องชายชื่อ บิล (Bill) ที่ต่อมาก็มาช่วยงานเขียนบท

บ็อบ เข้าเรียนที่ Naperville North High School และด้วยความเบื่อไฮสคูลและมีเครดิตพอแล้ว จึงได้ออกจากไฮสคูลตั้งแต่ช่วงจูเนียร์หรือม.ต้น จากนั้นไปเข้าเรียนในวิทยาลัยชุมชน ก่อนที่จะไปเข้าศึกษาที่ Southern Illinois University หรือ SIU เกี่ยวกับการเขียนและการแสดง โดยเน้นไปที่แนวคอเมดี้เป็นหลัก ซึ่งหลังจากสามปีเขากำลังจะเรียนจบอยู่แล้ว แต่ก็ตัดสินใจไปเรียนการเขียนบทและการแสดงสดที่ Columbia College Chicago ทำให้ท้ายที่สุด บ็อบได้ใบปริญญาจากทั้งสองที่

จุดเปลี่ยนของบ็อบคือการไปเวิร์คช็อปกับ โรเบิร์ต สไมเกล (Robert Smigel) คนเขียนบทรายการดังอย่าง Saturday Night Live ทำให้เขาถูกเชื้อเชิญไปเขียนสคริปต์รายการนี้ร่วมกับโรเบิร์ต เองและโคแนน โอไบรอัน (Conan O'Brien) และได้มีโอกาสแสดงกับเขียนบทละครเวที แอนิเมชั่น กับละครโทรทัศน์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

ในปัจจุบัน บ็อบ โอเดนเคิร์ก มีเครดิตในการแสดงภาพยนตร์และซีรีส์รวมกันกว่า 120 เรื่อง/เอพิโซดด้วยกัน และถ้าหากนับที่เขาร่วมเขียนบทเองด้วย ตัวเลขคือมากกว่า 160 ซึ่งนั่นรวมกับการได้เริ่มทำทุกอย่างนี้ตั้งแต่ช่วงก่อนปี 1990s กลายเป็นตัวเลขที่บ่งบอกได้ว่าชายคนนี้คร่ำหวอดในวงการมาเกินกว่าครึ่งชีวิตแล้ว

 

แจ้งเกิดจาก Breaking Bad

วันที่ 26 เมษายน 2009 หรือวันที่เอพิโซด 8 ที่ชื่อ ‘Better Call Saul’ ของซีรีส์ Breaking Bad ออนแอร์ เป็นวันที่โลกหันมาสนใจ บ็อบ โอเดนเคิร์ก เพราะบททนาย ซอล กู๊ดแมน ของเขาช่างเป็นตัวละครที่ยียวนกวนประสาท และทั้งขี้โกง แต่ฉลาดและมีเสน่ห์กับมิติอันเหลือหลาย 

ตั้งแต่วันที่อีพีนี้ออนแอร์ และด้วยคุณภาพของซีรีส์เรื่องนี้ที่ใคร ๆ ต่างก็ยกให้เป็น ‘The Best’ ของซีรีส์ต่างประเทศ จนถึงทุกวันนี้มีคนรู้จัก ตามชม ชมซ้ำ และพูดถึงชื่อของ Breaking Bad อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งนั่นทำให้หน้าตาและชื่อของบ็อบ ปรากฏให้เห็นเรื่อย ๆ เช่นกัน ไม่ใช่แค่เพราะซีรีส์ แต่เพราะตัวละครนี้กับมิติการแสดงและการตีความที่บ็อบ ใส่เข้าไปในตัวละคร มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งและมีส่วนอย่างมากในการทำให้ซีรีส์เรื่องนี้สนุกและมีคุณภาพ 

การเป็นซอลใน Breaking Bad ส่งผลให้บ็อบ มีงานแสดงมากมายที่โด่งดังและหากพูดชื่อแล้วต้องร้องอ๋อเลย เช่น ซีรีส์ Fargo ซีซั่นแรกของช่อง FX, Curb Your Enthusiasm, Arrested Development, Entourage, Weeds, and How I Met Your Mother กับหนังฉายโรงอย่าง Incredibles 2, Little Women, The Post, The Disaster Artist, The Spectacular Now และ Nebraska โดยเฉพาะหนังบู๊อีกเรื่องที่สร้างชื่อให้เขานอกจากบทซอล คือ Nobody ที่เขียนบทโดยผู้กำกับ John Wick 

 

“มีปัญหา ปรึกษาซอล”

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น หลังจาก Breaking Bad จบลงด้วยซีซั่น 5 ในปี 2013 และช่อง AMC ถามไถ่ว่ามีไอเดียอะไรเกี่ยวกับจักรวาล Breaking Bad อีกไหม เมื่อสบโอกาส ผู้สร้างคือ วินซ์ กิลลิแกน (Vince Gilligan) จึงไม่รอช้าที่จะคุยกับทางช่อง และช่องอนุมัติให้สร้างซีรีส์ภาคแยกทนายในชื่อ Better Call Saul ที่จะมีบ็อบ เป็นนักแสดงนำ

Better Call Saul ไม่เพียงแต่จะเป็นซีรีส์ที่พูดถึงชีวิตของซอลหรือที่เราเพิ่งรู้ว่าเขามีชื่อจริงว่า จิมมี่ แม็คกิล (Jimmy McGill) ทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ตอนจบซีรีส์ Breaking Bad แต่ยังเป็นซีรีส์ที่ทั้งเสริมและอุดรูทั้งที่เคยสงสัยและทั้งที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ให้กับจักรวาล Breaking Bad อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเส้นเรื่องกับตัวละครทั้งเก่า ใหม่ และเก่าแต่หน้าใหม่ และแน่นอนว่าการแสดงของ บ็อบ ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ซีซั่น แม้ว่าเขาจะเข้าชิงแต่ไม่เคยได้รางวัลก็ตาม

“วอลเตอร์ ไวท์ จะมาถึงจุดนี้ไม่ได้หากไม่มี ซอล กู๊ดแมน” ประโยคที่ตัวละครที่ ซอล กู๊ดแมน พูดในศาลในอีพีสุดท้ายของ Better Call Saul 

นี่ดูจะเป็นตัวบ่งบอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดีว่า Better Call Saul ไม่ใช่ภาคแยก และจิมมี่หรือซอลไม่ใช่ตัวละครสมทบใน Breaking Bad แต่ต่างเป็นตัวละครหลักที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขและมีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเองในฐานะตัวเอก และแม้ ซอล กู๊ดแมน จะเป็นคนตลก (คนถึงได้คาดหวังให้ซีรีส์สนุกและตลกร้าย) แต่กลับกลายเป็นว่าชีวิตเขากว่าจะเป็นซอล และผลลัพธ์ช่างเต็มไปด้วยน้ำตา

ในตอนที่ซีรีส์ออนแอร์และออนแอร์จบไปแล้ว เป็นจุดที่ลำบากใจอย่างยิ่งเพราะถึงแม้ทั้ง Breaking Bad และ Better Call Saul มีความเป็นเนื้อเดียวกัน แต่หลายคนต่างก็พูดว่า Better Call Saul ได้เลยขีดของ Breaking Bad ไปแล้ว รวมไปถึงคนดูจำนวนไม่น้อยชื่นชอบตัวละครจิมมี่มากกว่าวอลเตอร์เช่นกัน

แต่ความตลกร้ายอยู่ตรงที่เขาพลาดรางวัลลูกโลกทองคำ 2023 โดยผู้ชนะสาขานักแสดงนำชายซีรีส์ยอดเยี่ยมคนล่าสุดคือ เควิน คอสต์เนอร์ (Kevin Costner) นักแสดงรุ่นใหญ่ที่ตัวละครซอล เคยมีบทพูดล้อเลียนบ่อยครั้งว่าหน้าเหมือน 

 

ความสำเร็จของ บ็อบ โอเดนเคิร์ก

บ็อบ โอเดนเคิร์ก ได้ประทับมือและมีดาว Hollywood Walk of Fame เป็นของตัวเองเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2022 

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (16 ม.ค. 2023) เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม Critics Choice Awards จากซีรีส์ Better Call Saul (สักที) โดยเขาได้กล่าวบนเวทีว่า “6 ปีที่แล้วผมถูกเสนอให้รับบทนี้ในซีรีส์เรื่องนี้ และผมไม่ได้ทำอะไรเลย”

บ็อบ ให้เครดิตคนอื่น ๆ ยกเว้นตัวเอง พร้อมทั้งขอบคุณผู้สร้างทั้งสองคนกับความโชคดีที่ได้มาอยู่ท่ามกลางนักแสดงยอดเยี่ยมทุกคนที่เขาเอ่ยชื่อ อีกทั้งเขายังรู้สึกโชคดีไม่น้อยที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ หลังจากหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะถ่ายทำ Better Call Saul ซีซั่น 6 

อันที่จริงหากพูดถึง Emmy แม้เขาไม่เคยได้จากบทบาท ซอล กู๊ดแมน เลย แต่บ็อบ เคยได้ถึง 2 ครั้งจากการเขียนสคริปต์รายการ SNL กับ The Ben Stiller Show ทำให้หากพูดถึงความสำเร็จของบ็อบ เขาเคยสำเร็จมาแล้ว และโอกาสสุดท้ายกับ Emmy ยังคงมี เนื่องจาก 6 เอพิโซดสุดท้ายของ Better Call Saul ที่กลับมาฉายห่างจากครึ่งแรก 2 เดือน ทำให้เข้าข่ายซีรีส์เข้าชิง Emmy 2023 หรือครั้งที่ 75

นอกจากนี้ เขายังถูกเสนอเข้าชิงรางวัลถึง 80 ครั้ง เป็นนักแสดงและคนเขียนบท/สคริปต์ และได้รางวัลไปถึง 20 กว่ารางวัล

บ็อบ โอเดนเคิร์ก อาจเป็น Nobody มาก่อนจนกระทั่งเป็น Somebody เมื่อเขาเป็น ซอล กู๊ดแมน แต่ก่อนหน้าที่เขาจะได้รับบทนี้ บ็อบ เป็น Somebody มาตลอดเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะได้รางวัลส่งท้ายหรือไม่ หรือการได้รางวัลจะเท่ากับประสบความสำเร็จรึเปล่า ตามความเป็นจริงแล้ว บ็อบ โอเดนเคิร์ก ถือเป็นนักแสดงที่มีงานต่อเนื่องและประสบความสำเร็จมาก ๆ แล้วคนหนึ่ง

ประสบความสำเร็จตรงที่เขาได้ทำในสิ่งที่รักอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เข้าวงการจนถึงตอนนี้ และมีทีท่าว่าจะทำต่อไปเรื่อย ๆ เคสของบ็อบจึงไม่ใช่แค่เคสที่ให้ข้อคิดว่า คนเรามีเวลาเบ่งบานแตกต่างกัน พยายามเข้าใจแล้วสักวันจะมีวันของเรา แต่ยังให้ข้อคิดเรื่องที่การเอ็นจอยกับระหว่างทางนั้นเป็นสิ่งสำคัญแค่ไหน ให้อะไรกับเราแค่ไหน

และเป็นอีกเคสตัวอย่างที่ดีว่า การแสดงที่ดีไม่จำเป็นต้องให้รางวัลการันตี แต่คนดูมองเห็นคุณค่าการแสดงของเขาได้ชัดตั้งแต่ Breaking Bad จนถึงการว่าความครั้งสุดท้ายของทนายตัวแสบใน Better Call Saul 

 

อ้างอิง:

NBC

Variety