16 ม.ค. 2566 | 11:27 น.
- เวทีประกวด มิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 71 ได้นางงามจากสหรัฐอเมริกาเป็นผู้คว้ารางวัลไป
- แอนนา เสืองามเอี่ยม นางงามจากไทยตกรอบในเวทียุค JKN ที่มี แอน จักรพงษ์ ในนามบริษัท JKN ถือครองลิขสิทธิ์การประกวดมิสยูนิเวิร์ส
การประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2022 (จัดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2023 ตามเวลาในไทย) ที่หลายคนรอคอยจบลงแล้วพร้อมกับชัยชนะของ ‘อาร์บอนนีย์ เกเบรียล’ ตัวแทนสาวงามจากประเทศสหรัฐอเมริกา (เธอถือเป็นสาวงามสัญชาติอเมริกันคนที่ 9 ที่คว้ามงกุฏนางงามจักรวาล)
ในบทความชิ้นนี้ เราจะชวนผู้อ่านทำความรู้จักกับเธอ รวมถึงรีวิวผลงานของตัวแทนสาวไทย #แอนนาเสือ และร่วมวิเคราะห์การเปลี่ยนผ่านและมองอนาคตของการประกวดมิสยูนิเวิร์สภายใต้การนำของ JKN
‘อาร์บอนนีย์ เกเบรียล’: จาก CEO สู่มิสยูนิเวิร์ส
‘อาร์บอนนีย์ เกเบรียล’ สาวงามวัย 28 ปี เกิดและเติบโตที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอเป็นลูกครึ่ง คุณพ่อของเธอเป็นชาวฟิลิปปินส์ที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา และคุณแม่ที่เป็นชาวอเมริกัน ตั้งแต่วัยเด็ก อาร์บอนนีย์มีความสนใจกิจกรรมหลายด้าน เช่น การท่องเที่ยว กีฬา แต่ที่โดดเด่นคือศิลปะ
ด้วยวัยเพียง 15 ปี ตัวตนของเธอเริ่มชัดเจน เธอเริ่มมีความสนใจเรื่องแฟชั่นและสิ่งทอ ตัดสินใจศึกษาต่อด้านนี้และจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเท็กซัส พร้อมกับวิชาโทในด้านเส้นใย (Fiber)
หลังจากการศึกษา นอกจากอาร์บอนนีย์ จะทำงานเป็นนางแบบอาชีพแล้ว เธอยังเป็น CEO แบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองที่มีชื่อว่า ‘อาร์ บอนนีย์ โนลา’ ซึ่งมีเอกลักษณะเฉพาะตัวคือมุ่งเน้นขั้นตอนการตัดเย็บของวัสดุการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ไม่เพียงความโดดเด่นในด้านอาชีพ เธอยังมีความใส่ใจงานเพื่อสังคมโดยการเป็นครูสอนเย็บผ้าที่ Magpies & Peacocks ห้องเสื้อที่ทำงานแบบไม่แสวงผลกำไร ยึดมั่นการพัฒนาอย่างยั่งยืน และในโปรแกรม ‘MAKR’ เธอได้มีโอกาสแบ่งปันความรู้เรื่องการเย็บผ้าให้แก่ผู้หญิงที่รอดพ้นจากการค้ามนุษย์และความรุนแรงในครอบครัว
ในทุกรอบของการประกวด เธอทำผลงานได้ออกมาอย่างดีเยี่ยม แทบจะไม่มีข้อผิดพลาดให้ได้เห็น ที่โดดเด่นที่สุดคือการตอบคำถาม และนี่คือคำตอบในรอบ 3 คนสุดท้ายของเธอ
(คำถาม) หากคุณเป็นผู้ชนะ คุณจะทำอย่างไรเพื่อแสดงออกให้เห็นว่ามิสยูนิเวิร์สคือองค์กรที่ส่งเสริมผู้คนให้แข็งแกร่ง
(คำตอบ) “ฉันเคยเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลง ในฐานะของคนที่มีความสนใจเรื่องแฟชั่นอย่างแรงกล้า ฉันตัดเย็บเสื้อผ้ามาเป็นเวลา 13 ปี ฉันใช้แฟชั่นเป็นพลังแห่งความดี (ตรงกับอุดมการณ์ของ Magpies & Peacocks) ในอุตสาหกรรมที่ฉันทำงานอยู่
ฉันลดมลภาวะโดยผ่านการใช้วัสดุรีไซเคิลเมื่อตัดเย็บเสื้อผ้า แบ่งปันความรู้เรื่องการเย็บผ้าให้แก่พวกผู้หญิงที่รอดชีวิตจากการค้ามนุษย์และความรุนแรงในครอบครัว
และฉันต้องพูดเรื่องแบบนั้น เพราะมันถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่ลงทุนกับคนและกับสังคม และใช้ความสามารถเฉพาะตัวของคุณเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง เราทุกคนมีบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษ และเมื่อเราเพาะพันธุ์เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นสู่คนอื่น ๆ ในชีวิตของเรา เราก็จะเปลี่ยนแปลงพวกเขาได้และใช้มันเป็นเครื่องมือสร้างความเปลี่ยนแปลง”
ซึ่งเทียบคำถามของทั้ง 3 สาวในรอบสุดท้าย จะเห็นได้ว่าคำตอบของ อาร์บอนนีย์ เกเบรียล ดูเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น หากมองในแง่ของธุรกิจ มิสยูนิเวิร์สในสภาวะที่การหารายได้ถือเป็นเรื่องจำเป็นก็คงต้องการคนอย่างอาร์บอนนีย์ที่อาจจะสร้างผลกำไรให้องค์กร สร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบรับกับกระแสโลกในห้วงขณะที่การพูดถึงพลังงานสีเขียวเป็นเรื่องจริงจังมากขึ้นทุกที และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ละเลยเรื่องของสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
นี่อาจเป็นเหตุผลที่เธอจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของปีนี้ และกลายเป็นความน่าสนใจและชวนจับตามองว่า นับจากนี้ไปคือเธอและองค์กรมิสยูนิเวิร์สจะนำเสนออะไรออกมาสู่โลก เปลี่ยนแปลงโลกไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมได้มากน้อยเพียงไร เธอและผลงานของเธอจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของมิสยูนิเวิร์สหรือไม่
รีวิวแอนนาเสือสาวเลือดนักสู้
The People เคยนำเสนอชีวิตของ แอนนาเสือ หรือ แอนนา เสืองามเอี่ยม ไว้แล้วตอนเธอคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ที่ทำเอาแฟน ๆ หลายคนติดตาตรึงใจกับที่มาและความเป็นนักสู้ของเธอ เช่น ชีวิตครอบครัวที่ลำบาก ของเล่นเด็กที่พ่อดัดแปลงจากเศษขยะ วัยเด็กที่ถูกอบรมบ่มเพาะจากธรรมะโดยทวดของเธอที่เป็นแม่ชี ฯลฯ สตอรี่เหล่านี้ของเธอจับใจกรรมการและแฟน ๆ นางงามจนไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามงต้องลงหัวเธอ แม้คู่แข่งของเธอจะแกร่งมากเพียงไรก็ตาม
คลิกอ่านบทความ แอนนาเสือ เพิ่มเติมที่นี่
แต่ชัยชนะการประกวดภายในประเทศแบบสมมงนั้นก็ไม่ได้หมายความทุกอย่างที่ตามต่อมาจะราบรื่น เพราะหลังจากนั้น ข้อกังขาต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับคุณสมบัติที่จะเป็นมิสยูนิเวิร์สของแอนนาก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น รูปลักษณ์ที่คนอาจติดภาพความเป็นดารามากกว่าจะเป็นนางงาม บุคลิกภาพโดยเฉพาะการพูด การออกเสียง ทัศนคติที่ยังติดอยู่กับการมองโลกแบบไทย ๆ ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ
อีกทั้งตลอดช่วงหลังจากที่เธอได้รางวัล เธอยังถูกวิจารณ์เรื่องเสื้อ ผ้า หน้า ผม ตลอดเวลา ซึ่งนั่นยิ่งทำให้แฟน ๆ นางงามใจฝ่อ จนหลายคนถอดใจและออกปากว่าปีนี้ไม่หวังไทยมง ดูเอาสนุก ๆ
แต่แล้วระเบิดก็ปะทุขึ้น เมื่อแอนนาเริ่มเข้ากองประกวดที่สหรัฐอเมริกา เธอปรับลุคที่ดูสว่างขึ้น สดใสขึ้น เสื้อผ้าที่ทั้งขับและส่ง สีหน้าแววตาที่สะท้อนความสุข ไร้ความกังวล เธอเต้น เธอยิ้มแย้ม เธอหัวเราะ และเอาอยู่กับทุกสิ่งที่แฟนนางงามกังวลเกี่ยวกับเธอ โดยเฉพาะทักษะภาษาอังกฤษ เธอทำออกมาได้ดีทุกครั้งเมื่อมีสื่อต่างชาติเรียกเธอสัมภาษณ์
บรรยากาศการเชียร์มิสยูนิเวิร์สในปีนี้จึงกลับคึกคักขึ้นเรื่อย ๆ เธอเริ่มซื้อใจแฟน ๆ นางงามชาวไทยกลับคืนได้ และยิ่งใจฟูขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อรู้ว่าเธอถูกสปอนเซอร์เรียกใช้งานและได้รับความสนใจจากสื่อต่างชาติไม่น้อย
กระทั่งรอบคัดเลือก (preliminary) แอนนาเสือได้สร้างปรากฏการณ์ให้เป็นที่พูดถึงอีกครั้งจากชุดราตรีของเธอ ที่ไม่ใช่เพียงชุดราตรีที่ส่วมใส่ได้อย่างสง่างามเพียงเท่านั้น แต่วัสดุหลักของชุดดัดแปลงมาจากฝากระป๋อง ซึ่งเล่นล้อกับที่มาของเธอที่เธอมักเปรียบตัวเองว่ามาจากขยะ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งงดงามและเลอค่าได้ดั่งเพชรเฉกเช่นทุกวันนี้
ก่อนวันประกวดจริง มีข่าวจากกองประกวดว่าแอนนาได้รับรางวัล Transformational leadership ซึ่งทำให้เรายิ่งเกิดแรงฮึดกันขึ้นไปใหญ่ว่าหรือเวลาที่พวกเรารอคอยมานานใกล้จะเกิดขึ้นจริงแล้ว
แต่ในที่สุดก็เป็นอย่างที่ทุกคนอาจจะทราบกันแล้ว แอนนาเสือไม่อาจผ่านเข้ารอบได้ ทำเอาแฟน ๆ นางงามอกหักเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เราทุกคนก็มองเห็นและชื่นชนในความพยายามอันแรงกล้าของเธอ และหากมิสยูนิเวิร์สคือผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลใจ ฉันก็เชื่อมั่นเหลือเกินว่าความพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเองของแอนนาเสือนั้นจะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ใครหลาย ๆ คนที่จะลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตัวเองหวังให้ได้ ซึ่งนั่นเองก็ถือว่าแอนนาเสือได้ลบคำสบประมาทที่ว่าเธอไม่มีความเป็นมิสยูนิเวิร์สลงแล้ว (เพียงแค่เธอไม่ได้ชนะการแข่งขันในวันนี้)
โจทย์ใหญ่สำหรับกองที่ประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คือจะทำอย่างไรให้เขาซื้อเลยเสียที นางงามสายคอนเทนต์... เราก็เคยส่งไปแล้ว นางงามสายสวยบาดใจ... เราก็ส่งไปแล้ว แต่กระนั้น หากพิจารณาผู้ที่เข้ารอบหลาย ๆ คน เราจะเห็นได้ว่ามิติหนึ่งที่พวกเธอมีและทำให้ประวัติชีวิตดูน่าสนใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นางงามไทยยังขาดหรือมีแต่ยังไม่ชัด คือการนำเสนอประเด็นที่เป็นการเมืองหรือแรงขับเคลื่อนสังคม หรือ social movement ซึ่งดูไม่ใช่เรื่องง่ายนักในบริบทของสังคมหรือผู้สนับสนุนกองประกวด เป็นเรื่องชวนติดตามว่าเราจะแก้เกมกันต่อไป อย่างไร
การเปลี่ยนผ่านของมิสยูนิเวิร์สจากยุค IMG สู่ JKN
ตั้งแต่ยุคมิสยูนิเวิร์สภายใต้การนำของ IMG เป็นต้นมา เป็นที่รู้กันดีในหมู่แฟน ๆ นางงามว่าการประกวดมิสยูนิเวิร์สเป็นธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนให้แก่ต้นสังกัดได้น้อยลงทุกที สังเกตได้ชัดจากแสง สี เสียง และความยิ่งใหญ่ของเวทีที่ลดลงเรื่อย ๆ จนน่าใจหาย จนช่วงกลางถึงปลายปีที่แล้ว ข่าวลือหนาหูขึ้นทุกทีว่าจะมีการเปลี่ยนเจ้าของลิขสิทธิ์
จนกระทั่งปลายปีที่แล้ว คุณ แอน จักรพงษ์ ในนามของบริษัท JKN ออกแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่าได้ถือครองลิขสิทธิ์การประกวดมิสยูนิเวิร์ส การเปลี่ยนแปลงสร้างทั้งเสียงฮือฮาและชวนจับตามองว่าการประกวดมิสยูนิเวิร์สในยุค JKN จะนำเสนอออกมาในรูปแบบใด ความเปลี่ยนแปลงจะมีให้เห็นเพียงแค่ไหน จะยิ่งใหญ่หรือย่อมเยาว์ คูรแอนจะชอบคนสวยโดดหรือยังคงต้องการคนที่สวยและยังเป็นแรงบันดาลใจอยู่หรือไม่
หรือแม้แต่ประเด็นเนื้อหาที่เชิดชูอุดมการณ์ประชาธิปไตย เช่น สิทธิผู้หญิง สิทธิมนุษยชน การเรียกร้องความเสมอภาคเท่าเทียม การประณามความรุนแรงจากรัฐต่อพลเมือง ยังจะถูกพูดถึงมาหรือน้อยกว่าในยุคที่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นสัญชาติอเมริกัน
และจากการประกวดที่ผ่านมานั้น ภาพรวมยังถือว่าแกรมมาร์ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไม่ได้แตกต่างจากยุคก่อน ๆ สักเท่าไหร่นัก ถือว่าเป็นเรื่องชวนโล่งอกและน่ายินดี
จริงอยู่ เมื่อ สาร หรือ ‘message’ แบบที่มิสยูนิเวิร์สถูกส่งไปยังประเทศที่ค่อนข้างก้าวหน้า มันอาจจะดูเป็นเรื่องประโลมโลก ดาษดื่น ขัดแย้งในตัวเอง แต่สำหรับประเทศที่การเปิดทัศนคติของพลเมืองไปสู่ความเป็นสากลยังคงเป็นเรื่องสำคัญ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ไม่น้อย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในบริบทของสังคมไทย เราปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมานี้ การประกวดนางงามถือเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้สังคมเกิดบทสนทนา การถกเถียง หรือแม้แต่ดราม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองการปกครองและพลวัตทางวัฒนธรรม ถือเป็นสื่อที่เป็นประโยชน์มากต่อการขับเคลื่อนสังคมแม้มันจะถูกมองจัดประเภทเป็นเพียงสื่อบันเทิง
แต่นี่ก็เป็นเพียงปีแรกซึ่งอาจจะยังบอกอะไรเราไม่ได้ขนาดนั้น คงต้องตามดูกันว่าปีต่อ ๆ ไป หน้าตาของมิสยูนิเวิร์สจะยังคงยึดมั่นหลักการสากล หรือจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามอุดมการณ์ของทุนที่หนุนหลัง?