อังกฤษ VS เวลส์ ศึกแห่งสหราชอาณาจักรในโลกฟุตบอล กับเรื่องราวของตำนานนักเตะทั้งสองทีม

อังกฤษ VS เวลส์ ศึกแห่งสหราชอาณาจักรในโลกฟุตบอล กับเรื่องราวของตำนานนักเตะทั้งสองทีม

อังกฤษ ดวล เวลส์ ศึกศักดิ์ศรีแห่งสหราชอาณาจักรในโลกฟุตบอลที่จะเกิดขึ้นครั้งแรกในฟุตบอลโลก ที่กาตาร์ 2022 ก่อนหน้านี้ ทั้งสองทีมไม่เคยเจอกันในฟุตบอลโลกมาก่อน และต่างมีตำนานนักเตะและเกมในความทรงจำของตัวเอง

  • อังกฤษ กับ เวลส์ ไม่เคยดวลกันในฟุตบอลโลกมาก่อน ทั้งสองทีมจะพบกันครั้งแรกในฟุตบอลโลก ในปี 2022 ที่กาตาร์
  • ทั้งสองทีมล้วนมีนักเตะและเกมในความทรงจำทั้งคู่ 

ทุกครั้งที่การแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่อย่างศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (UEFA European Championship) และฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) เวียนมาถึงเวลาต้องทำการแข่งขันกัน ทีมชาติอังกฤษมักจะเป็นทีมหนึ่งที่แฟนฟุตบอลไทยให้ความสนใจรอเชียร์และเอาใจช่วยเป็นจำนวนมาก

ยิ่งเป็นเกมใหญ่ที่ทีมชาติอังกฤษต้องพบกับอดีตแชมป์โลกด้วยกันอย่างบราซิล เยอรมนี อิตาลี หรืออาร์เจนติน่าที่มีเรื่องราวกันมามากมายโดยเฉพาะเหตุการณ์ ‘หัตถ์พระเจ้า’ ของดิเอโก้ มาราโดน่า ในฟุตบอลโลก 1986 หรือการโดนใบแดงของเดวิด เบ็คแฮม ในศึกฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส ต่างเป็นฉนวนเหตุที่ทำให้เวลาทีมชาติอังกฤษโคจรมาพบกับทีมเหล่านี้ แต่ละเกมการแข่งขันล้วนได้รับความสนใจจากชาวโลก

แต่ก็จะมีอีกเกมการแข่งขันระหว่างทีมชาติอังกฤษกับทีมชาติกลุ่มหนึ่งที่เมื่อโคจรมาพบกันเมื่อใด ศึกนั้นจะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่เสมอ นั่นก็คือการพบกันเองของทีมชาติในกลุ่มสหราชอาณาจักร อันประกอบด้วยทีมชาติอังกฤษ ทีมชาติสกอตแลนด์ ทีมชาติเวลส์ และทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ

ตัวอย่างเกมคลาสสิกระหว่างทีมชาติอังกฤษกับทีมในกลุ่มสหราชอาณาจักร ก็คงหนีไม่พ้นการพบกับสกอตแลนด์ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโรในปี 1996 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ ซึ่งทั้งสองทีมมาอยู่ร่วมสายกันและลงสนามพบกันเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1996 ท่ามกลางผู้ชมที่สนามเวมบลีย์ (Wembley Stadium) กว่า 76,864 คน

เกมในนัดนั้นเล่นกันอย่างสนุก แลกกันอย่างดุเดือดก่อนที่ อลัน เชียเรอร์ จะโหม่งประตูจากการเปิดบอลทางกราบขวาของแกรี่ เนวิลล์ ในนาที 53 ให้ทีมชาติอังกฤษขึ้นนำไปก่อน สกอตแลนด์เองแม้โดนนำก็สู้อย่างหนักจนเกือบได้ประตูตีเสมอจากลูกจุดโทษของ แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ แต่ก็ไปติดเซฟของเดวิด ซีแมน

จากนั้น พอล แกสคอยน์ ก็มาสร้างลูกยิงระดับตำนานเมื่อเจ้าตัวกระดกบอลด้วยเท้าซ้ายข้ามหัวกองหลังก่อนซัดตูมด้วยขวาให้ทีมชาติอังกฤษชนะไปอย่างเด็ดขาด 2-0 หรือล่าสุดที่ทั้งสองทีมมาพบกันก็คือศึกยูโร 2020 ที่มาแข่งกันในปี 2021 และต่างทำอะไรกันไม่ได้เสมอกัน 0-0

คลิกชมไฮไลต์การแข่งขันที่นี่

ด้านทีมชาติอังกฤษกับทีมชาติเวลส์ที่กำลังจะลงสนามพบกันในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์นี้นับเป็นการพบกันป็นครั้งที่สองในรอบสุดท้ายของศึกเมเจอร์ทัวนาเมนต์ โดยในครั้งแรกที่ทั้งคู่พบกันก็คือการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ซึ่งทีมชาติอังกฤษมาได้ประตูชัยในนาทีบาปจาก แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ทำให้ขุนพลสิงโตคำรามสามารถเอาชนะเวลส์ไปได้ 2-1 สร้างความเจ็บปวดให้แฟนบอลทีมชาติเวลส์เพื่อรอวันดวลแข้งตัดสินกันอีกครั้ง

และโอกาสนั้นก็มาถึงเมื่อฟุตบอลโลกหนนี้ทั้งสองทีมได้โคจรมาอยู่กลุ่มเดียวกันอีกครั้ง บทความนี้จะพาทุกท่านไปพบกับเกร็ดเรื่องราวที่น่าสนใจของทั้ง 2 ทีมกันครับ

สหราชอาณาจักรในโลกของฟุตบอล

สหราชอาณาจักร หรือสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) ประกอบขึ้นจากดินแดน 4 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่บนเกาะอังกฤษ ได้แก่ แคว้นอิงแลนด์ แคว้นสกอตแลนด์ และแคว้นเวลส์ กับอีกหนึ่งส่วนอยู่บนเกาะไอร์แลนด์ คือ แคว้นไอร์แลนด์เหนือ โดยแคว้นอิงแลนด์หรืออังกฤษเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดและทรงอิทธิพลมากที่สุด ทำให้เราจึงมักเรียกกลุ่มสหราชอาณาจักรโดยรวมว่าประเทศอังกฤษ

ในโลกของฟุตบอลเราจะเห็นทีมชาติสหราชอาณาจักรได้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ทั้งรอบสุดและรอบคัดเลือกในช่วงปี 1900-1972 เท่านั้นเพราะหลังจากนั้น ทีมชาติสหราชอาณาจักรก็ไม่ได้รวมตัวกันอีกเลยจนกระทั่งโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่มหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ

เราจึงเห็นทีมชาติสหราชอาณาจักรกลับมารวมตัวกันอีกแบบเฉพาะกิจ โดยผลงานในโอลิมปิกเกมส์นั้น ทีมชาติสหราชอาณาจักรเคยขึ้นไปบนจุดสูงสุดของโพเดียมโดยการคว้าเหรียญทองมาครองได้ในปี 1908 และ 1912

ส่วนในโอลิมปิกเกมส์ 2012 นั้นทีมชาติสหราชอาณาจักรตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแบบน่าเสียดาย (ในปี 1900 การแข่งขันฟุตบอลในโอลิมปิกเกมส์ทีมจากสหราชอาณาจักรก็สามารถคว้าเหรียญทองได้ โดยการแข่งขันในครั้งนั้นเป็นการแข่งขันกันระหว่างสโมสรและก็เป็นทีมอัพตัน ปาร์คที่ได้เหรียญทองไปครอง)

โดยปกติแล้ว ทั้ง 4 ประเทศจะมีทีมชาติเป็นของตนเองเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันภายใต้การรับรองของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า (FIFA) นั่นก็คือฟุตบอลโลก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป และฟุตบอลกระชับมิตร (FIFA International Friendly Match) เป็นต้น

ทีมชาติอังกฤษแชมป์โลกสมัยเดียวที่เป็นตำนาน

ทีมชาติอังกฤษถือว่าเป็นทีมที่อยู่ในโลกของฟุตบอลมาอย่างยาวนาน ถือว่าเป็นชาติที่เป็นต้นตำรับของฟุตบอลยุคใหม่เลยก็ว่าได้เพราะอังกฤษคือประเทศแรกของโลกที่ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้นในปี 1863 และก่อตั้งฟุตบอลลีกอาชีพขึ้นในปี 1888 ซึ่งก็เป็นลีกอาชีพแรกของโลกฟุตบอล แต่กว่าทีมชาติอังกฤษกว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกนั้นก็ต้องรอถึงปี 1950 ซึ่งเป็นฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ โดยในช่วงแรกที่ทีมชาติอังกฤษยังไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันนั้นเพราะอังกฤษยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า

ทีมชาติอังกฤษกว่าจะมาประสบความสำเร็จในเวทีฟุตบอลโลกก็ต้องรอจนถึงปี 1966 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ โดยในรอบรองชนะเลิศของการแข่งขันครั้งนั้น ทีมชาติอังกฤษสามารถเอาชนะทีมชาติโปรตุเกสที่มียอดกองหน้าระดับตำนานอย่าง ยูเซบิโอ (Eusébio) เจ้าของฉายา Black Panther นำทัพไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับทีมชาติเยอรมนี ซึ่งใน ณ ช่วงเวลานั้นทีมอินทรีย์เหล็กมีศักดิ์ศรีเป็นแชมป์โลกมาแล้ว 1 สมัย ต่างจากทีมชาติอังกฤษ ที่นี่คือครั้งแรกที่ทีมสิงโตคำรามสามารถเดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้

30 กรกฎาคม 1966 เกมรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกระหว่างทีมชาติอังกฤษกับทีมชาติเยอรมันตะวันตกในครั้งนั้น ถือว่าเป็นอีกเกมการแข่งขันที่มีความคลาสสิกเข้าขั้นระดับแมตช์ในตำนานเลยก็ว่าได้ ณ สนามเวมบลีย์ผู้ชมกว่า 96,924 คน คงไม่มีใครรู้อนาคตว่าพวกเขาเหล่านั้นคือสักขีพยานการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกและสมัยเดียวของทีมชาติอังกฤษมาจนทุกวันนี้

เกมการแข่งขันในวันนั้นทีมชาติเยอรมันตะวันตกได้ประตูขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่นาที 12 แต่ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ (Geoff Hurst) ยอดกองหน้าทีมชาติอังกฤษก็มายิงประตูตีเสมอได้ในนาที 18 จากนั้นก็เป็น มาร์ติน ปีเตอร์ (Martin Peters) มายิงประตูให้ขุนพลสิงโตคำรามขึ้นนำไป 2-1 ในนาที 78 แต่ก่อนหมดเวลาเพียง 1 นาทีทีมชาติเยอรมันตะวันตกก็มาตามตีเสมอได้เป็น 2-2 ทำให้ต้องมีการต่อเวลาการแข่งขันออกไป และช่วงเวลาดังกล่าวก็คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์

ในช่วงต่อเวลา เจฟฟ์ เฮิร์สท์ มายิงประตูเจ้าปัญหาให้ทีมชาติอังกฤษขึ้นนำ โดยจังหวะดังกล่าวเจ้าตัวซัดบอลไปเต็มแรงและลูกบอลก็พุ่งเช็ดคานและกระดอนลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว จนแทบมองไม่ทันว่ามันข้ามเส้นไปหรือไม่ แต่กรรมการและผู้ช่วยผู้ตัดสินก็ตัดสินใจให้ประตูแก่ลูกดังกล่าว ทำให้อังกฤษขึ้นนำไป 3-2 ในนาที 101

ก่อนที่ในช่วงท้ายของการทดเวลา เจฟฟ์ เฮิร์สท์ จะมายิงแฮตทริกให้ทีมชาติอังกฤษเอาชนะเยอรมันตะวันตกไปได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด 4-2 แต่ลูกยิงเจ้าปัญหาของ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ กลับถูกพูดถึงและจดจำมาจนปัจจุบันรวมทั้งเป็นข้อกังขาที่ไม่มีใครยืนยันมาจนทุกวันนี้

เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ฮีโร่ของอังกฤษในฟุตบอลโลก 1966

จากนั้นทีมชาติอังกฤษก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้อีกเลยในระดับนานาชาติโดยผลงานในฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดหลังจากการคว้าแชมป์ได้ในปี 1966 ก็คือการได้อันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลก 1990 และ 2018 ที่ผ่านมา ขณะที่ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปอังกฤษก็ชวดแชมป์สมัยแรกไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อต้องพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติอิตาลีไปในการดวลลูกโทษหลังจากในเวลาเสมอกัน 1-1 ในการแข่งขันครั้งล่าสุด (ยูโร 2020)

มังกรแดง เวลส์ กับตำนานยอดนักเตะที่ไม่เคยไปเวทีเมเจอร์

ทีมชาติเวลส์ ถือว่าเป็นอีกประเทศที่มีนักฟุตบอลชื่อดังมากมายแต่กลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติมากนัก ทีมชาติเวลส์ปรากฏตัวในเวทีฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เพียงครั้งเดียวก่อนหน้าฟุตบอลโลกครั้งนี้

ทีมชาติเวลส์เคยเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 1958 ที่ประเทศสวีเดนเป็นเจ้าภาพ ทีมชาติเวลส์สามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดีเมื่อสามารถเดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ก่อนที่จะไปพ่ายบราซิล 0-1 จากการยิงประตูของ เปเล่ ยอดกองหน้าระดับโลก และจากนั้นทีมชาติเวลส์ก็ไม่เคยผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกได้อีกเลยจนกระทั้งฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ในครั้งนี้

ขณะที่ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปทีมชาติเวลส์ก็มาผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในปี 2016 และก็สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้ด้วยการไปถึงรอบรองชนะเลิศก่อนจะแพ้ทีมชาติโปรตุเกสในรอบนี้ไป 0-2 นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดในระดับนานาชาติของทีมชาติเวลส์ ขณะที่ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งเป็นครั้งล่าสุดทีมชาติเวลส์ตกรอบสองหรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย

และด้วยผลงานของทีมชาติเวลส์ดังที่ได้กล่าวมาจึงทำให้เกิดเรื่องราวนักเตะระดับตำนานมากมายหลายคนที่ประสบความสำเร็จในระดับสโมสรทั้งการคว้าแชมป์ฟุตบอลลีก แชมป์ฟุตบอลถ้วย หรือแชมป์สโมสรยุโรปมาหมดแล้ว แต่นักเตะเหล่านี้กลับไม่เคยได้มีโอกาสลงสนามแข่งขันในเวทีอย่างฟุตบอลโลกและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบสุดท้ายได้เลยสักครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ปีกพ่อมด ไรอัน กิกส์ (Ryan Giggs) แห่งสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ไรอัน กิ๊กส์ (ขวา) ในเกมรอบคัดเลือก ยูโร 96

ไรอัน กิกส์ ถือได้ว่าเป็นตำนานของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคว้าแชมป์มาแล้วมากมายกับสโมสรแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นแชมป์สโมสรโลก (FIFA Club World Cup) ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ (UEFA Super Cup) พรีเมียร์ลีก (Premier League) เอฟเอ คัพ (FA Cup) และลีกคัพ (League Cup) แต่ในระดับทีมชาตินั้น ช่วงเวลาที่เจ้าตัวลงเล่นให้กับทีมชาติเวลส์ในช่วงปี 1991-2007 ทีมชาติเวลส์ยังไม่สามารถสร้างผลงานในระดับนานาชาติได้ เจ้าตัวจึงเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยได้ไปสัมผัสกับการลงสนามในบรรยากาศของฟุตบอลโลกและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในรอบสุดท้าย

การพบกันครั้งแรกและครั้งเดียวในเวทีเมเจอร์

อย่างที่ทราบกันมาแล้วว่าประเทศอังกฤษนั้นมักจะมีอิทธิพลเหนือประเทศในเครือสหราชอาณาจักรทั้ง 3 ประเทศ เราจึงมักได้ยินข่าวการต้องการแยกตัวออกมาเป็นอิสระเป็นระยะ แม้โดยส่วนใหญ่แล้วข่าวจะหนักไปทางประเทศสกอตแลนด์เสียมากกว่า แต่การพบกันระหว่างทีมชาติเวลส์และทีมชาติอังกฤษก็ได้รับการจับตามองและได้รับความสนใจจากแฟนฟุตบอลของทั้งสองทีมและทั่วโลกเป็นอย่างมาก

ทั้งคู่เคยพบกันเพียงครั้งเดียวในการแข่งขันรอบสุดท้ายระดับเมเจอร์ นั่นก็คือการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือฟุตบอล ยูโร ปี 2016 โดยทั้งสองทีมอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันและลงสนามพบกันในวันที่ 16 มิถุนายน 2016 ท่ามกลางแฟนฟุตบอลกว่า 34,033 คน

เกมในวันนั้นทีมชาติเวลส์ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากการซัดลูกโทษนอกกรอบเขตโทษของ แกเร็ธ เบล ในนาที 42 ลูกที่เจ้าตัวซัดด้วยซ้าย บอลมุดเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม แม้ว่า โจ ฮาร์ท จะพยายามปกป้องแต่ก็ไม่สามารถปัดลูกที่มีความแรงออกมาได้ ทีมชาติเวลส์ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในครึ่งแรก

แต่จากนั้นครึ่งหลังเริ่มได้เพียงไม่นาน เจมี วาร์ดี ก็มายิงตีเสมอให้ทีมชาติอังกฤษเป็น 1-1 จากการหลุดกับดักล้ำหน้าตวัดบอลเข้าไปอย่างสวยงาม และก็เป็น แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ยิงประตูชัยในช่วงทดเวลาให้ทีมชาติอังกฤษสามารถเอาชนะทีมชาติเวลส์ไปได้ 2-1

แต่ในท้ายที่สุดทีมชาติเวลส์ก็สามารถไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ ขณะที่ทีมชาติอังกฤษต้องหยุดเส้นทางของตัวเองไว้ที่รอบสองหรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ครับและทั้งหมดคือเรื่องราวและเกร็ดข้อมูลของทีมชาติอังกฤษและทีมชาติเวลส์ที่จะโคจรมาพบกันอีกครั้งในฟุตบอลโลก 2022 นี้

เรื่อง: ธิษณา ธนคลัง (แฟนพันธุ์แท้เอเชียนเกมส์)